ชาวเน็ตควรต้องรู้ ตำรวจปอท.เผย 10 พฤติกรรม”ไลค์ เม้นท์ แชร์ โพสต์ เสี่ยงคุก”

Loading

ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. จัดกิจกรรม “โพสต์ต้องคิด คลิกเสี่ยงคุก” ภายใต้โครงการออนไลน์ ใสสะอาด เรารักในหลวง ที่ลานเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อรณรงค์ ให้ประชาชน เข้าใจกฎหมายในการใช้สื่อออนไลน์อย่างปลอดภัย และให้ความรู้เพื่อรู้ทัน และป้องกันกลอุบายต่างๆ ไม่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ต.อ.สมพร แดงดี รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ต้องการประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชน ตระหนักรู้เกี่ยวกับการโพส แชร์ ข้อความเท็จที่สร้างความเสียหายให้ผู้อื่น และสร้างความวุ่นวายในสังคม ว่ามีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมา มีประชาชน เข้ามาร้องเรียนจำนวนมาก และเมื่อจับผู้โพสต์ หรือ แชร์ ข้อความได้ ก็มักอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึวฝากเตือนประชาชน ว่าการโพสข้อความ หรือ สิ่งต่างๆ ในสังคมออนไลน์ สามารถตรวจสอบได้ เพราะมีหลักฐานปรากฎชัดเจน แม้จะมีการปลอมชื่อเพื่ออำพรางตัวตน รวมถึงผู้ที่กดไลค์ หรือ คอมเม้นท์ ก็อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายได้ เนื่องจากเป็นการสนับสนุน การกระทำความผิด นอกจากนี้ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ได้รวบรวม…

หอการค้าพะเยาหนุนเจาะอุโมงค์เชื่อมหลวงพระบาง

Loading

พะเยา-หอการค้าจังหวัดมั่นใจเจาะอุโมงค์ลอด”ดอยหลวง”เชื่อมหลวงพระบางไม่กระทบสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 23 ต.ค.58 นายหัสนัย แก้วกุล ประธานสภาหอการค้าจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม มีโครงการพัฒนาเส้นทางเพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยว เชียงใหม่-พะเยา-หลวงพระบาง โดยการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 120 ตอน พะเยา-ปากบอก-แม่เฮียว-แม่ขะจาน ขยายเป็น 4 ช่องจราจร ระยะทาง 60.541 กม. วงเงินงบประมาณ 2,400 ล้านบาท สำหรับเส้นทางดังกล่าวจะเชื่อมกับถนนมอเตอร์เวย์ สายเชียงใหม่-เชียงราย ซึ่งมีระยะทางรวมทั้งหมด 184.275 กม. ช่วงที่ต้องผ่านดอยหลวง ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยหลวง ซึ่งเป็นต้นน้ำกว๊านพะเยา มีการเจาะอุโมงค์ลอดให้ทะลุผ่าน จากบ้านปากบอก อ.วังเหนือ จ.ลำปาง ถึงบ้านต๊ำใน ต.บ้านต๊ำ อ.เมือง จ.พะเยา ก่อนจะเชื่อมต่อ 4 ช่องจราจรออกไปถึง อ.แม่ใจ เส้นทางไป จ.เชียงราย ประธานสภาหอกการ ค้าฯ กล่าวต่อว่า การทำเส้นทางมอเตอร์เวย์ที่จะเกิดขึ้นครั้งนี้ เป็นผลดีต่อเส้นทางการท่องเที่ยวจากเชียงใหม่-หลวงพระบาง เนื่องจากใช้เวลารวดเร็วเพราะเป็นทางตรง อีกทั้งการเจาะอุโมงค์ไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย จังหวัดพะเยาจะได้รับอานิสงค์จากเส้นทางดังกล่าว…

สโนว์เดนเผย รัฐบาลอังกฤษสอดแนมข้อมูลผ่านสมาร์ทโฟน

Loading

นายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตเจ้าหน้าที่สัญญาจ้างของซีไอเอซึ่งกำลังลี้ภัยอยู่ในรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับรายการพานอรามาของบีบีซีถึงเรื่องการสอดแนมข้อมูลว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงของอังกฤษสามารถดักฟังข้อความจากโทรศัพท์มือถือ โดยที่ผู้ใช้เองไม่รู้ตัวและไม่สามารถทำอะไรได้ ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ทีมงานของรายการต้องใช้เวลาร่วม 3 เดือนในการนัดหมาย โดยสื่อสารกันผ่านแอปพลิเคชันเข้ารหัส จากนั้นทีมงานได้รับข้อความให้ไปเปิดห้องที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงมอสโกและติดต่อนายสโนว์เดนเพื่อบอกเบอร์ห้องให้เขามาพบ นายสโนว์เดนบอกว่า ทุกวันนี้มีการสอดแนมข้อมูลของคนทั่วไปผ่านการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ ทั้งที่ผู้ถูกสอดแนมไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่มีทางรู้ตัวเลยว่ากำลังถูกสอดแนมอยู่ ประเด็นหนึ่งที่เขารู้สึกกังวลคือ การที่ศูนย์บัญชาการการสื่อสารของรัฐบาลอังกฤษ (GCHQ) ซึ่งเป็นหูเป็นตาของทางการ สามารถเจาะระบบเพื่อล้วงข้อมูลบนสมาร์ทโฟนได้ โดยใช้ระบบที่เรียกว่า CNE (Computer Network Exploitation) เขาบอกความลับเรื่องโครงการฝึกอบรมการล้วงข้อมูลโดยรัฐบาล ภายใต้ชื่อรหัสโครงการว่า “สเมิร์ฟ”ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนชื่อดังของนักเขียนชาวเบลเยียม     เทคนิคที่ใช้ในโครงการสเมิร์ฟนี้ทำได้หลายอย่าง เช่น “สเมิร์ฟช่างฝัน” (Dreamy Smurf) สามารถสั่งเปิดปิดโทรศัพท์มือถือของเราได้แม้แต่ตอนที่เครื่องปิดอยู่ “สเมิร์ฟจอมจุ้น” (Nosy Smurf) จะสั่งเปิดไมโครโฟนและบันทึกเสียงทุกอย่างรอบ ๆ ตัวได้โดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว ส่วน “สเมิร์ฟนักแกะรอย” (Tracker Smurf) สามารถระบุตำแหน่งผู้ใช้และแอบติดตามตำแหน่งที่อยู่ได้ นอกจากนี้ นายสโนว์เดนยังระบุถึงการที่ GCHQ แอบล้วงข้อมูลจำนวนมากจากการสื่อสารภายในปากีสถาน ซึ่งคาดว่าเพื่อแกะรอยผู้ก่อการร้าย โดยใช้วิธีเจาะเข้ากล่องชุมทางสัญญาณข้อมูลดิจิตอลของบริษัทซิสโกของสหรัฐฯ ซึ่งปฏิบัติการนี้มีขึ้นโดยที่บริษัทซิสโกเองก็ไม่รู้ตัว เรื่องนี้รัฐบาลอังกฤษได้ส่งสัญญาณอนุญาตให้ดำเนินการในทางลับ…

ไล่บี้! แก้กฎหมาย เล็งหักเงินเดือน-ใช้หนี้กยศ. ส่งชื่อทั้งหมดเข้าเครดิตบูโร

Loading

กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. กำลังดำเนินการปรับแก้กฎหมายเพื่อดำเนินการติดตามทวงหนี้กับผู้ที่ค้างชำระ โดยเตรียมใช้มาตรการหักเงินเดือนกับองค์กรนายจ้างอีกด้วย เมื่อ 18 ต.ค.58 น.ส.ฑิตติมา วิชัยรัตน์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า ขณะที่ กยศ.กำลังปรับยกร่างพ.ร.บ.กองทุนเพื่อการศึกษาให้มีอำนาจเข้าถึงฐานข้อมูลของผู้กู้ และสามารถสั่งให้นายจ้างหักเงินเดือนของบุคลากรในหน่วยงานได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนรอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบ เพราะขณะนี้ มีผู้กู้ กยศ.จำนวนมาก ไม่ดำเนินการแจ้งที่อยู่ปัจจุบัน เพราะผู้กู้ส่วนใหญ่คิดว่าการที่ไม่แจ้งที่อยู่ปัจจุบัน หรือไม่ติดต่อชำระหนี้กับทาง กยศ.เป็นการกระทำที่จะสามารถทำให้หนี้หายไป ซึ่งตนขอยืนยันว่าหนี้ดังกล่าวไม่มีทางหักลบ โดยหากพ.ร.บ.ดังกล่าวประกาศใช้ กยศ.ก็จะสามารถทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับองค์กรนายจ้าง ให้หักเงินเดือนบุคลากรที่เป็นผู้กู้ โดยมีมาตรการจูงใจต่างๆ เช่น ในกรณียินยอมให้หักเงินเดือน อย่างไรก็ตามในปี 2561 ทาง กยศ.มีนโยบายนำบัญชีของผู้กู้ทั้งหมดเข้าเป็นสมาชิกของเครดิตบูโร ซึ่งจะแสดงสถานะบัญชีของผู้กู้ จึงขอความร่วมมือผู้กู้ที่ค้างชำระหนี้ให้เร่งดำเนินการติดต่อมายังกยศ. เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่มา : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1445212066 วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 06:44:41 น.