สโนว์เดนเผย รัฐบาลอังกฤษสอดแนมข้อมูลผ่านสมาร์ทโฟน

Loading

นายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตเจ้าหน้าที่สัญญาจ้างของซีไอเอซึ่งกำลังลี้ภัยอยู่ในรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับรายการพานอรามาของบีบีซีถึงเรื่องการสอดแนมข้อมูลว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงของอังกฤษสามารถดักฟังข้อความจากโทรศัพท์มือถือ โดยที่ผู้ใช้เองไม่รู้ตัวและไม่สามารถทำอะไรได้ ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ทีมงานของรายการต้องใช้เวลาร่วม 3 เดือนในการนัดหมาย โดยสื่อสารกันผ่านแอปพลิเคชันเข้ารหัส จากนั้นทีมงานได้รับข้อความให้ไปเปิดห้องที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงมอสโกและติดต่อนายสโนว์เดนเพื่อบอกเบอร์ห้องให้เขามาพบ นายสโนว์เดนบอกว่า ทุกวันนี้มีการสอดแนมข้อมูลของคนทั่วไปผ่านการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ ทั้งที่ผู้ถูกสอดแนมไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่มีทางรู้ตัวเลยว่ากำลังถูกสอดแนมอยู่ ประเด็นหนึ่งที่เขารู้สึกกังวลคือ การที่ศูนย์บัญชาการการสื่อสารของรัฐบาลอังกฤษ (GCHQ) ซึ่งเป็นหูเป็นตาของทางการ สามารถเจาะระบบเพื่อล้วงข้อมูลบนสมาร์ทโฟนได้ โดยใช้ระบบที่เรียกว่า CNE (Computer Network Exploitation) เขาบอกความลับเรื่องโครงการฝึกอบรมการล้วงข้อมูลโดยรัฐบาล ภายใต้ชื่อรหัสโครงการว่า “สเมิร์ฟ”ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนชื่อดังของนักเขียนชาวเบลเยียม     เทคนิคที่ใช้ในโครงการสเมิร์ฟนี้ทำได้หลายอย่าง เช่น “สเมิร์ฟช่างฝัน” (Dreamy Smurf) สามารถสั่งเปิดปิดโทรศัพท์มือถือของเราได้แม้แต่ตอนที่เครื่องปิดอยู่ “สเมิร์ฟจอมจุ้น” (Nosy Smurf) จะสั่งเปิดไมโครโฟนและบันทึกเสียงทุกอย่างรอบ ๆ ตัวได้โดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว ส่วน “สเมิร์ฟนักแกะรอย” (Tracker Smurf) สามารถระบุตำแหน่งผู้ใช้และแอบติดตามตำแหน่งที่อยู่ได้ นอกจากนี้ นายสโนว์เดนยังระบุถึงการที่ GCHQ แอบล้วงข้อมูลจำนวนมากจากการสื่อสารภายในปากีสถาน ซึ่งคาดว่าเพื่อแกะรอยผู้ก่อการร้าย โดยใช้วิธีเจาะเข้ากล่องชุมทางสัญญาณข้อมูลดิจิตอลของบริษัทซิสโกของสหรัฐฯ ซึ่งปฏิบัติการนี้มีขึ้นโดยที่บริษัทซิสโกเองก็ไม่รู้ตัว เรื่องนี้รัฐบาลอังกฤษได้ส่งสัญญาณอนุญาตให้ดำเนินการในทางลับ…

ไล่บี้! แก้กฎหมาย เล็งหักเงินเดือน-ใช้หนี้กยศ. ส่งชื่อทั้งหมดเข้าเครดิตบูโร

Loading

กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. กำลังดำเนินการปรับแก้กฎหมายเพื่อดำเนินการติดตามทวงหนี้กับผู้ที่ค้างชำระ โดยเตรียมใช้มาตรการหักเงินเดือนกับองค์กรนายจ้างอีกด้วย เมื่อ 18 ต.ค.58 น.ส.ฑิตติมา วิชัยรัตน์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า ขณะที่ กยศ.กำลังปรับยกร่างพ.ร.บ.กองทุนเพื่อการศึกษาให้มีอำนาจเข้าถึงฐานข้อมูลของผู้กู้ และสามารถสั่งให้นายจ้างหักเงินเดือนของบุคลากรในหน่วยงานได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนรอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบ เพราะขณะนี้ มีผู้กู้ กยศ.จำนวนมาก ไม่ดำเนินการแจ้งที่อยู่ปัจจุบัน เพราะผู้กู้ส่วนใหญ่คิดว่าการที่ไม่แจ้งที่อยู่ปัจจุบัน หรือไม่ติดต่อชำระหนี้กับทาง กยศ.เป็นการกระทำที่จะสามารถทำให้หนี้หายไป ซึ่งตนขอยืนยันว่าหนี้ดังกล่าวไม่มีทางหักลบ โดยหากพ.ร.บ.ดังกล่าวประกาศใช้ กยศ.ก็จะสามารถทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับองค์กรนายจ้าง ให้หักเงินเดือนบุคลากรที่เป็นผู้กู้ โดยมีมาตรการจูงใจต่างๆ เช่น ในกรณียินยอมให้หักเงินเดือน อย่างไรก็ตามในปี 2561 ทาง กยศ.มีนโยบายนำบัญชีของผู้กู้ทั้งหมดเข้าเป็นสมาชิกของเครดิตบูโร ซึ่งจะแสดงสถานะบัญชีของผู้กู้ จึงขอความร่วมมือผู้กู้ที่ค้างชำระหนี้ให้เร่งดำเนินการติดต่อมายังกยศ. เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่มา : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1445212066 วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 06:44:41 น.

ซีไอเอถอนสายลับออกจากกรุงปักกิ่งหลังถูกโจมตีข้อมูลรัฐบาลกลางอย่างหนัก หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯยอมรับว่าตัวเองก็จารกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ของประเทศอื่นเช่นกัน

Loading

ซีไอเอถอนสายลับออกจากกรุงปักกิ่งหลังถูกโจมตีข้อมูลรัฐบาลกลางอย่างหนัก หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯยอมรับว่าตัวเองก็จารกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ของประเทศอื่นเช่นกัน ภาพจาก © AP Photo/ J. Scott Applewhite วันที่ 1 ต.ค.58 สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า “CIA Pulled Spies from Beijing After Massive Federal Data Hack” รายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯบอกว่า CIA ได้ถอนเจ้าหน้าที่ของตนเองออกจาสถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงปักกิ่ง หลังจากพบว่าข้อมูลพนักงานของรัฐหลายแสนคนถูกแฮ็ก ทางกรุงวอชิงตันออกมาตำหนิรัฐบาลจีน (โดยอ้าง) ว่าแฮ็กข้อมูลสำนักงานฝ่ายบริหารงานบุคคลของสหรัฐฯ (US Office of Personnel Management – OPM) เมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้ แต่ก็ไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันข้อกล่าวหาดังกล่าวได้ รายงานข่าวบอกว่าการขยับขององค์กรซีไอเอในครั้งนี้หมายถึงการปกป้องเจ้าหน้าที่ (ถ้ำมองของสหรัฐฯ) ที่ทำงานร่วมกับองค์กรฯของสหรัฐฯซึ่งอาจจะถูกเปิดโปงเนื่องจากการแฮ็กข้อมูลดังกล่าว – เจ้าหน้าที่กล่าวกับหนังสือพิมพ์ (ก็ไม่รู้ว่างานนี้สหรัฐฯกำลังเล่นละครเสมือนจริงอีกฉากหนึ่งหรือเปล่านะ) แต่ James Clapper ผอ.ศูนย์ข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯได้ยืนยันต่อคณะกรรมาธิการด้านการสนับสนุนอาวุธของวุฒิสภาว่า กรณีของ OPM นั้นไม่ใช่การโจมตีทางไซเบอร์…

บึ้มสนั่น! โกดังสารเคมีในจีน “ระเบิด” ตาย 17 เจ็บ 400

Loading

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.30 น ของเมื่อคืนที่ผ่านมา (12 ส.ค. 58) ตามเวลาท้องถิ่น เมืองเทียนจิน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่โกดังเก็บสารเคมีอันตราย รายงานแจ้งว่า มีเสียงระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง ในเวลาไล่เลี่ยกัน แรงระเบิดทำให้เกิดไฟไหม้ เปลวไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า มองเห็นได้ในระยะไกลหลายกิโลเมตร หลังจากนั้นอาคารโกดังเก็บสินค้าได้พังถล่มลงมา โดยชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเปิดเผยว่า แรงระเบิดทำให้กระจกของอาคารบ้านเรือนสั่นไหว เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิต 13 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 250-400 คน ขณะที่ ศูนย์แผ่นดินไหวของจีน เปิดเผยว่า เหตุระเบิดที่โกดังสินค้าในครั้งนี้ แรงสั่นสะเทือนจากระเบิดครั้งแรก เทียบเท่ากับระเบิดทีเอ็นที น้ำหนัก 3 ตัน ส่วนระเบิดครั้งที่ 2 เทียบเท่ากับระเบิดทีเอ็นที 21 ตัน ทั้งนี้ รายงานระบุอีกว่า ขณะเกิดเหตุมีลูกไฟปะทุออกมาจากโกดังที่เกิดเพลิงไหม้ แล้วไปติดเข้ากับสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้หน่วยดับเพลิงต้องระดมรถฉีดน้ำประมาณ 100 คัน ไปดับเพลิงที่โกดังแห่งนี้ และสกัดไม่ให้ไฟลุกลามไปยังบริเวณโดยรอบ รายงานเบื้องต้นสันนิษฐานว่า…

องค์การ รปภ

กล้องวงจรปิดยอดพุ่ง! ผวาระเบิด/ไม่วางใจ กทม…..

Loading

โดย…นิติพันธุ์ สุขอรุณ, กันติพิชญ์ ใจบุญ “กล้องวงจรปิด” หรือซีซีทีวีมีส่วนสำคัญในการล่าคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดคร่าชีวิตผู้คนที่แยกราชประสงค์ หลังเกิดเหตุร่วม 38 วัน ภาครัฐเรียกร้องให้ผู้ประกอบการภาคธุรกิจ ห้างสรรพสินค้า กระทั่งร้านขายปุ๋ยและเคมีภัณฑ์ที่อาจเป็นช่องทางให้คนร้ายใช้ประกอบวัตถุระเบิดเร่งติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในร้านส่งผลให้ยอดขายกล้องเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดประสงค์ ศรศิลป์ มะการุณ จากร้านจำหน่ายกล้องซีซีทีวีย่านบ้านหม้อ แหล่งอุปกรณ์กล้องแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดเมื่อกลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา มีคนมาติดต่อขอซื้อกล้องซีซีทีวีมากขึ้น จากเฉลี่ยจะมีน้อยเพียงแค่เดือนละ 20-30 ตัว แต่ปัจจุบันมียอดเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 10-20 ตัวทีเดียว “ถามลูกค้าว่าเพราะอะไร เขาก็บอกว่ากลัวเหตุ พบเห็นสิ่งต้องสงสัยได้ง่ายหรือเห็นว่าใครมาวางอะไรจะได้แจ้งตำรวจตามตัวได้เร็วกว่า บางคนแถวออฟฟิศที่ขอซื้อไปติดก็มีกล้องของ กทม.เช่นกัน แต่เขาคิดว่าหากมีเหตุร้ายต่างๆ จะประสานขอดูกล้องยาก ติดของตัวเองดีกว่าเพราะสบายใจ” ศรศิลป์ ย้ำ วิทยา ว่องไว จากอีกร้านย่านบ้านหม้อ ยืนยันว่า ยอดขายพุ่งขึ้นจริงเพราะลูกค้าบางรายไม่วางใจกล้องวงจรปิดของรัฐ ขณะเดียวกันหากเกิดเหตุขโมยขึ้นบ้านหรือเหตุร้ายละแวกบ้านก็ไม่อาจรู้ได้ว่าตำรวจจะทำงานอย่างเต็มที่จริงหรือไม่ ดังนั้นการติดกล้องวงจรปิดเองน่าจะเป็นการช่วยเฝ้าระวังเหตุได้ วิทยา ระบุว่า ลูกค้าบางรายให้เหตุผลว่าหากคนร้ายมาเห็นกล้องก็คงไม่กล้าก่อเหตุอะไร นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญซึ่งก็คือความปลอดภัย “ยอดขายดีพอสมควร แต่ถ้าขายได้เพราะเหตุร้ายรุนแรงเช่นนี้ ถ้าให้เป็นผมก็คงไม่เลือกเอาดีกว่า สงสารคนเจ็บคนตาย” วิทยา ย้ำถึงเหตุระเบิด กิตติคุณ ทองอินทร์…