มือมืดอ้างตัวเป็นแฮกเกอร์มุสลิม แฮกเว็บจังหวัดลำพูน ต้องสั่งปิดตั้งแต่ตี 3

Loading

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – ผู้ว่าฯ เมืองเจ้าแม่จามเทวีสั่งปิดเว็บไซต์จังหวัดกะทันหันตั้งแต่ตี 3 เป็นต้นมาจนถึงขณะนี้ หลังถูกมือมืดแฮกกลางดึก สะพัดคนลงมืออ้างตัวเป็นแฮกเกอร์มุสลิม โพสต์ภาพโรฮิงญาถูกทารุณหรา พร้อมคำขู่ วันนี้ (24 ส.ค.58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.เศษที่ผ่านมา นายณรงค์ อ่อนสอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ต้องสั่งให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปิดระบบเว็บไซต์ http://www.lamphun.go.th ทั้งหมดจนถึงขณะนี้ หลังจากถูกกลุ่มผู้ไม่หวังดีแฮกเว็บไซต์ของจังหวัด เบื้องต้นมีรายงานว่ากลุ่มแฮกเกอร์ที่ลงมือแฮกเว็บไซต์ของจังหวัดลำพูนครั้งนี้อ้างว่าเป็นกลุ่มมุสลิม ที่ชื่อว่า Fallag Gassrini จากตูนิเซีย โดยมีการโพสต์ภาพชาวโรฮิงญา ที่ถูกกระทำโดยรัฐบาลพม่า, ภาพชาวโรฮิงญาที่พยายามจะหนีมาทางเรือ เเละเด็กชาวมุสลิมที่โดนระเบิด พร้อมข้อความว่า “เพจคุณถูกเเฮ็คหน่วยรบ Cyber Fallag Gassrini เเละ DR Lamochi จากตูนิเซีย, ให้เกียรติคนของเรา ไม่งั้นจะเจอการต่อต้านจากเรา, พวกเราคือ Fallaga พวกเราคือชาวมุสลิม, พวกเรารักสันติ” ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า นอกจากเว็บไซต์ของจังหวัดลำพูนแล้ว ยังมีเว็บไซต์ของหน่วยราชการอีกหลายจังหวัด เช่น เว็บไซต์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม…

ทางการสหรัฐฯ เผยถูกจารกรรมข้อมูลครั้งใหญ่ ระบุกำลังสงสัยว่าต้นทางมาจากประเทศจีน

Loading

หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal และสถานีโทรทัศน์ CNN รายงานว่าหน่วยสืบสวนกลางของสหรัฐ (FBI) กำลังทำการสอบสวนเหตุการณ์การจารกรรมข้อมูล  การจารกรรมข้อมูล การเข้าถึงความลับ จากระบบของรัฐบาลกลางที่อาจถือ ว่าเป็นการจารกรรมข้อมูลครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าอาจจะมีข้อมูลส่วนบุคคลหลุดออกไปมากถึง 4 ล้านรายการ เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานสอบสวนกลางระบุว่า การจารกรรมข้อมูลครั้งนี้ตรวจพบตั้งแต่เดือนเมษายนของปีนี้ และกระจายไปตามหน่วยงานต่างๆ โดยหน่วยงานที่โดนระบุชื่ออย่างชัดเจนคือ Office of Personnel Management ที่เป็นองค์กรบริหารบุคลากรของรัฐบาลกลาง (เทียบกับบ้านเราใกล้เคียงที่สุดคือ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน) เจ้าหน้าที่สอบสวนกำลังสงสัยว่า การแฮกดังกล่าวนี้มีต้นทางมาจากประเทศจีนและแฮกเกอร์อาจได้รับการสนับสนุน จากทางการจีน ด้านสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐอเมริกาออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้อง และระบุว่าอย่ารีบด่วนสรุปจนเกินไป อนึ่ง ในช่วงที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเป็นไปอย่างไม่ค่อยราบรื่นนัก โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่สหรัฐส่งเครื่องบินสอดแนม บินใกล้กับหมู่เกาะทะเลจีนใต้ที่ทางการจีนอ้างสิทธิว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนตัวเอง ที่มา – The Wall Street Journal (อาจจำเป็นต้องสมัครสมาชิก), CNN

จีนจำคุกนักข่าวหญิง เกา อี๋ว์ วัย 71 ปี ในความผิดปล่อยความลับแห่งชาติรั่วไหล

Loading

เอเจนซี–ศาลปักกิ่งตัดสินจำคุก 7 ปี นักข่าวหัวเห็ด เกา อี๋ว์ ผู้มักแฉคอรัปชั่นในกลุ่มชนชั้นนำบนเวทีการเมืองจีน ในความผิดปล่อยความลับของชาติรั่วไหล ศาลประชาชนชั้นกลาง หมายเลข 3 แห่งกรุงปักกิ่ง แถลงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ขององค์กรในวันศุกร์ (17 เม.ย.) ระบุ นาง เกา อี๋ว์ วัย 71 ปี “ได้ฝ่าฝืนกฎหมายส่งข้อมูลที่เป็นความลับของรัฐให้แก่ต่างชาติ” จึงมีความผิดฐานปล่อยความลับของชาติรั่วไหลสู่ต่างแดน ศาลฯได้ตัดสินโทษนางเกา อี๋ว์ ได้แก่ โทษจำคุก 7 ปี และริบสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 1 ปี หลังจากได้รับการปล่อยตัว ศาลปักกิ่งได้เปิดการสอบปากคำพยานในคดีนางเกา อี๋ว์ ตั้งแต่เดือน พ.ย.ที่ผ่านมา (2557) โดยจำเลยปฏิเสธข้อกล่าวหาที่กลุ่มผู้สื่อข่าวจีนมักโดนฯเพื่อลากตัวเข้าคุก สำหรับนางเกา ถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 24 เม.ย. ปีที่แล้ว ในฐานะผู้ต้องสงสัย “ปล่อยความลับของชาติรั่วไหลสู่ต่างแดน” สื่อทางการจีนรายงานกล่าวหาว่า นางเกา ได้เอกสารข้อมูลความลับของพรรคคอมมิวนิสต์มาอย่างผิดกฎหมาย และเผยแพร่ความลับนี้บนเว็บไซต์ของต่างชาติ เป็นที่เชื่อกันว่าเอกสารความลับฉบับที่เกาได้มานั้น เป็นเอกสารหมายเลข 9 ของพรรคฯ…

เกาหลีใต้จับกุมทหารฐานเผยความลับให้จีน

Loading

ภาพประกอบ แฟ้มภาพ – เรือกองทัพเรือเกาหลีใต้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อ 4 ก.ค.58 ว่ากระทรวง กลาโหมเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์เรื่องการจับกุมทหารเรือนายหนึ่งในข้อหาเปิดเผยความลับทางทหารให้กับจีน นาวาตรีที่ถูกจับครั้งนี้ถูกกล่าวหาว่าได้ขายข้อมูลความลับของทางการเพื่อแลกกับเงินในขณะที่กำลังศึกษาอยู่ในประเทศจีนระหว่างปี 2552-2555 เขาทำงานอยู่ที่ศูนย์ควบคุมความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบงานต่อต้านการข่าวกรอง เมื่อเดือนที่แล้วเจ้าหน้าที่สองคนจากศูนย์แห่งนี้ถูกตัดสินจำคุก 4 -6 ปี ฐานเผยความลับของทางการให้กับตัวแทนผู้ค้าอาวุธ แหล่งที่มา : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย วันที่ 4 กรกฎาคม 2558

แฉแฮกเกอร์จีนล้วงตับอาเซียนมานานนับทศวรรษ

Loading

เว็บไซต์เวียดนามนิวส์รายงานว่า ไฟร์อาย บริษัทด้านความมั่นคงเครือข่ายของสหรัฐอเมริกาค้นพบว่า มีการสอดแนมทางไซเบอร์เพื่อจารกรรมข้อมูลอ่อนไหวจากอินเดียและบางประเทศในอาเซียน ซึ่งรวมถึงเวียดนามมาเป็นเวลานานกว่าทศวรรษแล้ว โดยในการประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับรายงานเรื่องนี้ ที่ชื่อว่า “เอพีที30 และกลไกของปฏิบัติการสอดแนมไซเบอร์ที่ดำเนินมาเป็นเวลานาน” จัดขึ้นที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนามเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ไฟร์อายเปิดเผยรายละเอียดว่ากลุ่มแฮกเกอร์ เอพีที30 ที่เชื่อว่าเป็นของรัฐบาลจีน ปฏิบัติการโจมตีคอมพิวเตอร์หลายพันเครื่องในเวลาเดียวกันอย่างสม่ำเสมอเพื่อขโมยข้อมูลที่อ่อนไหวจากหลายประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวียดนาม ไทย เกาหลีใต้ อินเดีย และมาเลเซียได้อย่างไร รายงานระบุว่า เอพีที30 ใช้ประโยชน์จากพัฒนาการทางการเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเลือกปฏิบัติการในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน การหารือระดับภูมิภาคอื่นๆ อาทิ กรณีพิพาทด้านพรมแดนระหว่างจีน อินเดียและชาติอื่นๆ ในเอเชีย โดยพบมัลแวร์หรือโปรแกรมไม่พึงประสงค์ มากกว่า 200 ตัวที่ออกแบบโดยเอพีที30 ทำงานอยู่ในคอมพิวเตอร์หลายเครื่องที่อยู่ในที่ทำการสำคัญทั้งของรัฐบาลและธุรกิจเอกชนในเวียดนามหลายแห่ง นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวที่รายงานข่าวสภาพเศรษฐกิจ เทคโนโลยี สิทธิมนุษยชน การคอร์รัปชั่น กองทัพ และกรณีพิพาทเขตแดนทั้งทางบกและทางทะเลของจีน ก็ตกเป็นเป้าด้วย โดยปฏิบัติการจารกรรมเหล่านี้ สามารถสืบสาวร่องรอยย้อนหลังไปได้ไกลถึงปี 2548   —————————————————– http://www.matichon.co.th วันที่ 28 พฤษภาคม 2558

เผยมีทหารญี่ปุ่น ที่ถูกส่งไปสนับสนุนสงครามอิรัก-อัฟกานิสถาน และในมหาสมุทรอินเดีย ฆ่าตัวตาย 54 นายในช่วง 10 ปี

Loading

เจแปน ทูเดย์ และสำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า ในระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ขยายบทบาทของกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นในต่างแดน นายเกน นาคาทานิ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ได้เผยตัวเลขทหารที่ฆ่าตัวตายหลังถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ ช่วงปี 2544-2553 ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 54 นาย จำนวนนี้ 25 นายสังกัดหน่วยนาวิกโยธิน ที่เข้าร่วมภารกิจเติมน้ำมันในมหาสมุทรอินเดีย   ส่วนที่เหลือ ประกอบด้วยกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดิน 21 นาย กับกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศ 8 นาย ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับภารกิจมนุษยธรรม กำลังบำรุง และการบูรณะฟื้นฟูในอิรัก แต่ยากจะโยงสาเหตุการฆ่าตัวตายกับภารกิจในต่างแดนอย่างเดียว เนื่องจากการปลิดชีวิตตนเอง มักมีหลายปัจจัยประกอบกัน และทั้งหมดฆ่าตัวตายหลังกลับถึงญี่ปุ่นแล้ว   รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่นเผยตัวเลขนี้ ขณะตอบกระทู้ของนายคาซูโอะ ชิ ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ที่กังวลเกี่ยวกับสภาพอารมณ์และจิตใจของทหารที่ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจต่างแดน   ทั้งนี้ การประกาศใช้กฎหมายพิเศษว่าด้วยการต่อต้านก่อการร้ายเมื่อตุลาคม 2544 เปิดทางให้กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น เข้าไปมีส่วนร่วมกับภารกิจเติมน้ำมันในมหาสมทุรอินเดีย เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้ายนำโดยสหรัฐ ในและรอบอัฟกานิสถาน โดยมีทหารญี่ปุ่นกว่า 22,000 นายที่มีส่วนร่วมภารกิจเหล่านี้ช่วงปี 2544-2553   —————————————————– http://www.…