รัสเซียจับหญิงต้องสงสัย ถือระเบิดซุกรูปปั้นสังหารบล็อกเกอร์สายทหารชื่อดัง

Loading

    ทางการรัสเซียเปิดเผยว่า ได้จับกุมหญิงสาวที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (2 เมษายน) ซึ่งส่งผลให้ วลาเดน ทาทาร์สกี (Vladlen Tatarsky) บล็อกเกอร์สายทหารชื่อดังและผู้สนับสนุนการทำสงครามบุกยูเครน เสียชีวิตและมีผู้บาดเจ็บกว่า 30 คน   สื่อท้องถิ่นของรัสเซียรายงานว่า เหตุระเบิดเกิดขึ้นระหว่างที่ทาทาร์สกีกำลังจัดงานพูดคุยกับผู้คนอยู่ภายในร้านกาแฟดังกล่าว ก่อนที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะนำกล่องใส่รูปปั้นครึ่งตัวของเขาไปมอบให้ และเกิดระเบิดขึ้น   โดยพยานในที่เกิดเหตุเล่าว่า มีหญิงสาวซึ่งบอกว่าตัวเองชื่อนาสเทีย ได้พูดคุยกับทาทาร์สกี และบอกว่าเธอได้ทำรูปปั้นครึ่งตัวของเขา แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขอให้วางไว้ที่ประตูเพราะกลัวเป็นระเบิด ซึ่งเธอเล่าด้วยความตลกพร้อมกับหัวเราะ ก่อนจะเดินไปหยิบรูปปั้นมามอบให้ทาทาร์สกี และเขาได้วางไว้ที่โต๊ะข้าง ๆ ก่อนที่จะเกิดระเบิดตามมาจนทำให้ผู้คนวิ่งหนีกันอย่างโกลาหล   คณะกรรมการสืบสวนแห่งชาติของรัสเซียเปิดเผยผ่านข้อความที่โพสต์ลงในแอปพลิเคชัน Telegram ว่าหญิงต้องสงสัยคนดังกล่าวคือ ดาเรีย ทรีโอโปวา (Darya Tryopova) วัย 23 ปี   โดยกระทรวงกิจการภายในของรัสเซียได้เผยแพร่คลิปวิดีโอในเวลาต่อมา แสดงให้เห็นถึงการสอบสวนทรีโอโปวา ซึ่งยอมรับว่าเป็นผู้นำระเบิดเข้าไปในร้านกาแฟ และในคลิปเจ้าหน้าที่สอบสวนถามว่าใครเป็นผู้ให้ระเบิดแก่เธอ แต่เธอปฏิเสธที่จะตอบ โดยบอกว่าจะให้ข้อมูลในภายหลัง   ทั้งนี้ รายงานจากสื่อท้องถิ่นยังระบุว่า ทรีโอโปวาเคยถูกจับกุมก่อนหน้านี้จากการเข้าร่วมเดินขบวนต่อต้านสงคราม  …

จ่อลงดาบหน่วยงานรัฐปมข้อมูลรั่วไหล

Loading

    คกก.ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายคุ้มครองฯ จ่อลงดาบหน่วยงานรัฐปมข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล หากผิดจริงมีโทษปรับไม่เกิน 3 ล้าน   เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 66 ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พล.อ.ดร.ภุชพงศ์ พงษ์ศิริ ประธานคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ คณะที่ 2 (ที่พิจารณาเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียนทางเทคโนโลยีและอื่น ๆ) กล่าวถึง กรณีข้อมูลหน่วยงานรัฐรั่วไหลในขณะนี้ ว่าได้เรียกประชุมคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญข้อมูลส่วนบุคคลด่วน เพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลในหน่วยงานภาครัฐตามที่เป็นข่าว คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ คณะที่ 2 มีมติร่วมกันว่า   1. ให้ดำเนินการสอบสวนหน่วยงานรัฐที่ทำให้ข้อมูลรั่วไหลเพื่อตรวจหาสาเหตุและดำเนินการแก้ไขโดยทันที   2. ให้มีคำสั่งเรียกหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับการสื่อสาร และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ มาชี้แจงประเด็นเรื่องข้อมูลรั่วไหลจากหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงจะขอความร่วมมือให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือจัดทำระบบกรองข้อมูล (Filtering system) เพื่อป้องกับปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบผ่านระบบ SMS   3. ให้ สคส. เร่งทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน และขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล โดยให้ดำเนินการปิดบังหมายเลขโทรศัพท์ และข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกนำมาเผยแพร่ เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำที่ผิดตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล   4.…

สื่อแฉ! รัสเซีย ‘ยึดหนังสือเดินทาง’ จนท.ระดับสูง-ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ หวั่น ‘แปรพักตร์’ หนีไปต่างประเทศ

Loading

    หน่วยงานความมั่นคงรัสเซียยึดหนังสือเดินทางของเจ้าหน้าที่ระดับสูงและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ เพื่อป้องกันไม่ให้คนเหล่านี้คิด “แปรพักตร์” และหลบหนีไปต่างประเทศ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส   รายงานระบุว่า ทำเนียบเครมลินและหน่วยความมั่นคงกลางรัสเซีย (FSB) มีความกังวลว่าเจ้าหน้าที่บางคนอาจคิดหลบหนี เนื่องจากไม่เห็นด้วยที่ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ทำสงครามรุกรานยูเครน หรือไม่ก็กลัวจะติดร่างแหคว่ำบาตรจนไม่สามารถใช้ชีวิตสุขสบายได้เหมือนเดิม   ไฟแนนเชียลไทม์สอ้างแหล่งข่าวซึ่งเปิดเผยว่า หน่วยความมั่นคงรัสเซียขอให้พวกเจ้าหน้าที่ระดับ “อีลีต” เหล่านี้ส่งมอบหนังสือเดินทาง ซึ่งถือเป็นแนวปฏิบัติในยุคสหภาพโซเวียตที่ถูกนำกลับมาใช้ใหม่   สื่อเจ้านี้ไม่ได้ระบุว่าผู้ที่ให้ข้อมูลเป็นใคร แต่ยืนยันว่าเป็น “คนวงใน” ที่ล่วงรู้สถานการณ์ในรัสเซีย และมีมากกว่า 1 คน   แหล่งข่าวรายหนึ่งเผยว่า ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งถูกสั่งห้ามไม่ให้เดินทางออกจากกรุงมอสโกในระยะทางเกิน 2 ชั่วโมงรถยนต์โดยไม่ได้รับอนุญาต   ดมิตรี เปสคอฟ โฆษกของประธานาธิบดีปูติน ยืนยันกับไฟแนนเชียลไทม์สว่า รัฐบาลเครมลินเข้มงวดเรื่องการเดินทางของเจ้าหน้าที่และผู้บริหารระดับสูงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะพวกที่ปฏิบัติงานอยู่ในภาคส่วนที่เปราะบาง (sentitive areas)   ก่อนหน้านี้ กระทรวงกลาโหมอังกฤษได้เผยแพร่ข่าวกรองในเดือน มี.ค. ซึ่งระบุว่า เจ้าหน้าที่รัสเซียบางคนถูกขอให้ส่งมอบหนังสือเดินทางแก่หน่วยงานความมั่นคงกลาง ซึ่งน่าจะมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันการหลบหนี   อดีตเจ้าหน้าที่ และผู้บริหารของแดนหมีขาวให้ข้อมูลกับไฟแนนเชียลไทม์สว่า…

ฟินแลนด์เป็นสมาชิกนาโตลำดับที่ 31 รัสเซียจับตา “การคุกคามด้านความมั่นคง”

Loading

    นาโตรับฟินแลนด์เข้าเป็นสมาชิกใหม่อย่างเป็นทางการ ในลำดับที่ 31 ขณะที่รัสเซียกล่าวว่า จะยกระดับการเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวด้านความมั่นคง ตลอดแนวพรมแดนที่ติดกัน   สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ว่า นายเปกกา ฮาวิสโต รมว.การต่างประเทศฟินแลนด์ ยื่นหนังสือการภาคยานุวัติ ต่อนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ โดยมี นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เป็นสักขีพยาน ที่สำนักงานใหญ่ของนาโต ในกรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา   ขั้นตอนดังกล่าวเป็นขั้นตอนสุดท้ายอย่างเป็นทางการ ก่อนการเข้าเป็นสมาชิกใหม่นาโตของฟินแลนด์ ซึ่งเป็นสมาชิกลำดับที่ 31 ต่อจากนอร์ทมาซิโดเนีย หรือมาซิโดเนียเหนือ เมื่อปี 2563 โดยการที่สมาชิกใหม่ของนาโตต้องยื่นหนังสือภาคยานุวัติต่อสหรัฐ หมายถึงการยืนยันและยอมรับการผูกพันตามสนธิสัญญา หลังได้มีการจัดการตามกระบวนการภายในตามกฎหมายของประเทศตัวเองแล้ว เนื่องจากรัฐบาลวอชิงตันทำหน้าที่เก็บเอกสารเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมด ตามกรอบของสนธิสัญญา     ขณะที่ สำนักงานใหญ่ของนาโตทำพิธีเชิญธงชาติของฟินแลนด์ขึ้นสู่ยอดเสา เมื่อพิธีการมอบหนังสือเสร็จสิ้น ด้านประธานาธิบดีเซาลี นินิสโต ผู้นำฟินแลนด์ กล่าวว่า การเข้าเป็นสมาชิกนาโต…

สหรัฐฯ แถลง ปฏิบัติการทางทหาร สังหารแกนนำระดับสูงของกลุ่ม ISIS ในซีเรีย

Loading

    ซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างพล.อ.เอริค คูริลลา ผู้นำกองบัญชาการกลางของสหรัฐฯ (CENTCOM) โพสต์แถลงการณ์ทางทวิตเตอร์ ว่า ปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ในซีเรียเมื่อวานนี้ สามารถสังหารนายคาลิด ไอด์ อาหมัด อัลจาบูรี แกนนำระดับสูงของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ซึ่งวางแผนโจมตียุโรป และรับผิดชอบเรื่องจัดโครงสร้างคณะผู้บริหารใหม่ของกลุ่มไอเอส คาดว่า การเสียชีวิตของนายอัลจาบูรี จะกระทบต่อการวางแผนโจมตีต่างแดนของกลุ่มไอเอสในระยะสั้น ไม่มีชาวบ้านเสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากเหตุโจมตีในครั้งนี้   กองบัญชาการกลางสหรัฐฯ ระบุว่า แม้ว่ากลุ่มไอเอสจะถูกสหรัฐฯ ปราบปรามอย่างหนักจนกระทั่งเหลือนักรบไม่มากในแถบชายแดนซีเรีย-อิรัก แต่กลุ่มไอเอสยังคงเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของตะวันออกกลางและทั่วโลก พร้อมย้ำว่าสหรัฐฯ ให้คำมั่นที่จะเดินหน้าปราบปรามกลุ่มไอเอสและปฏิบัติการทางทหารร่วมกับกองกำลังของหุ้นส่วนในอิรักและซีเรีย   เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกว่าหนึ่งเดือน หลังจากกองทัพสหรัฐฯ และนักรบจากกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย ฝ่ายต่อต้านของซีเรียร่วมปฏิบัติการจู่โจมทางเฮลิคอปเตอร์ในซีเรีย สามารถสังหารนายฮัมซา อัล-ฮ็อมซี แกนนำระดับสูงอีกราย มีทหารสหรัฐฯ 4 คนและสุนัขตำรวจ 1 ตัวได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิด ขณะบุกจู่โจมและประชิดตัวนายอัล-ฮ็อมซี ทำให้นายอัล-ฮ็อมซี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ               —————————————————————————————————————————————— ที่มา…

ดีอีเอส รู้ตัว 9near แล้ว! รับหลายหน่วยงานรัฐยังมีช่องโหว่จริง

Loading

    ชัยวุฒิ เผยรู้ตัวผู้ใช้งานบัญชี 9near แล้ว พบเป็นคนในประเทศและทำเป็นขบวนการหวังดิสเครดิตรัฐ ยอมรับระบบเทคโนโลยีของภาครัฐยังมีช่องโหว่ อาจส่งผลให้ข้อมูลประชาชนรั่วไหลได้   ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เผยความคืบหน้ากรณี ผู้ใช้ชื่อบัญชี “9near” อ้างว่ามีข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายชื่อ   ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ข้อมูลมาพอสมควรและได้ล็อกเป้าคนร้ายแล้ว แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อมูลหลุดออกมาจากหน่วยงานไหน ต้องรอจับคนร้ายให้ได้ก่อนแล้วจึงขยายผล เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นการดิสเครดิต ต้องการให้รู้ว่าระบบมีปัญหา ไม่ได้เป็นการเรียกค่าไถ่ หรือหาเงินจากเรื่องนี้   คิดว่าการโจมตีครั้งนี้ มีการทำเป็นขบวนการไม่สามารถทำคนเดียวได้ ยืนยันหากจับคนร้ายได้แล้วข้อมูลไม่รั่วไหลแน่นอน   โดยได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ ประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องเร่งหาข้อเท็จจริง รวมทั้งดูแลผู้เสียหายจากเคส 9near ด้วย   อย่างไรก็ตาม นายชัยวุฒิ มองว่า มีหลายหน่วยงานที่มีโอกาสทำข้อมูลรั่วไหล โดยเฉพาะระบบที่ประชาชนต้องลงทะเบียน รวมถึงการแจ้งผลการลงทะเบียนของประชาชน ที่จำเป็นต้องมีการระบุ ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์บนแพลตฟอร์มที่เป็นสาธารณะ   ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (PDPA) ระบุให้หน่วยงานที่รู้ตัวว่าทำข้อมูลหลุดต้องแจ้งต่อ…