เอฟบีไอเตือนชาวเน็ต ระวังแก๊งโจรใช้เอไอแปลงรูปถ่ายทั่วไปเป็นรูปโป๊

Loading

  เอฟบีไอออกโรงเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการโพสต์ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอบนโซเชียลมีเดีย เนื่องจากมีแก๊งมิจฉาชีพจ้องขโมยภาพถ่ายหรือวิดีโอแล้วนำไปดัดแปลงให้เป็นคอนเทนต์อนาจารเพื่อเรียกร้องเงินทอง   เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2566 สำนักงานสืบสวนกลางสหรัฐหรือเอฟบีไอได้ออกแถลงการณ์แจ้งเตือนเกี่ยวกับแก๊งมิจฉาชีพซึ่งมีแนวโน้มจะใช้เทคโนโลยีเอไอเป็นเครื่องมือ โดยเฉพาะการนำภาพถ่ายหรือคลิปวิดีโอของตัวบุคคลไปเข้าโปรแกรม ‘ดีพเฟค’ และสร้างภาพถ่ายหรือวิดีโอที่มีเนื้อหาเข้าข่ายอนาจาร แล้วนำไปข่มขู่หรือเรียกเงินจากเจ้าของใบหน้า   กระบวนการตัดต่อและดัดแปลงภาพเพื่อก่ออาชญากรรมนี้เป็นปัญหาที่น่ากังวลอย่างมาก เนื่องจากอาชญากรมักนำภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่คนทั่วไปโพสต์ลงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมาใช้ และตัดเฉพาะส่วนที่เป็นใบหน้า จากกนั้นก็ใช้เทคโนโลยีเอไอแปลงให้เป็นภาพถ่ายอนาจาร   ทางเอฟบีไอ แจ้งว่า ได้รับรายงานจากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการดัดแปลงภาพโป๊เปลือยเหล่านี้ ซึ่งมีทั้งเหยื่อที่ยังเป็นผู้เยาว์และผู้ใหญ่ที่โดนนำรูปไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม   หลังจากที่ดัดแปลงภาพถ่ายหรือคลิปวิดีโอให้ออกมาในเชิงอนาจารแล้ว แก๊งมิจฉาชีพก็จะนำคอนเทนต์เหล่านี้ไปเผยแพร่อย่างเปิดเผยผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์อนาจาร โดยมีจุดประสงค์เพื่อก่อกวน สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจแก่เหยื่อ ซึ่งมีศัพท์เรียกเฉพาะว่า Sextortion   ด้วยเหตุนี้ ทางเอฟบีไอจึงได้ออกคำเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการโพสต์ภาพถ่ายหรือคลิปวิดีโอส่วนตัวลงในสื่อออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการดัดแปลงภาพหรือวิดีโอโป๊เปลือย   นอกจากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจะได้รับความอับอาย เสื่อมเสียชื่อเสียง เดือดร้อนรำคาญใจแล้ว ยังอาจจะต้องสูญเสียทรัพย์สินเพื่อแลกกับการยุติการเผยแพร่ภาพดัดแปลงเหล่านี้ ซึ่งสุดท้ายก็อาจกำจัดได้ไม่หมด และทำให้ต้องตกเป็นเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำอีกในระยะยาว   เอฟบีไอแถลงว่า ตั้งแต่เดือน เม.ย. เป็นต้นมา หน่วยงานพบว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อในกรณีที่เข้าข่าย Sextortion มากขึ้น จากการที่ภาพถ่าย หรือวิดีโอของบุคคลเหล่านี้ที่โพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย ถูกนำไปดัดแปลงให้เป็นคอนเทนต์อนาจารด้วยเทคโนโลยีดีพเฟค   แก๊งมิจฉาชีพมักจะข่มขู่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ…

สหราชอาณาจักรสั่งจีน ยุติดำเนินการ “สถานีตำรวจลับ”

Loading

เครดิตภาพ : AFP   รัฐบาลสหราชอาณาจักร มีคำสั่งให้จีน ปิดสถานที่ทุกแห่ง ซึ่งแอบเปิดดำเนินการในรูปแบบของ “สถานีตำรวจลับ”   สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ว่า กระทรวงความปลอดภัยของสหราชอาณาจักรออกแถลงการณ์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ว่าได้มีการแจ้งเรื่องอย่างเป็นทางการ ไปยังสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงลอนดอน ขอให้ยุติการดำเนินการทั้งหมดในรูปแบบของ “สถานีตำรวจนอกอาณาเขต” บนแผ่นดินของสหราชอาณาจักร   China has closed unofficial ‘police stations’ in Britain, UK minister says https://t.co/YuUzBl0d02 — The Guardian (@guardian) June 7, 2023   ทั้งนี้ แถลงการณ์ของรัฐบาลสหราชอาณาจักรระบุด้วยว่า สถานเอกอัครราชทูตจีนส่งหนังสือตอบกลับว่า “สถานที่เหล่านั้นปิดดำเนินการถาวรแล้ว” โดยไม่มีการให้รายละเอียดเพิ่มเติม ทว่าต่อมา สถานเอกอัครราชทูตจีนออกแถลงการณ์ ปฏิเสธรายงานทั้งหมด   ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา…

แฮ็กเกอร์ประเทศเพื่อนบ้านส่งตรงมัลแวร์ผ่านการโฆษณา ขโมยทุกอย่างตั้งแต่ภาพหน้าจอยันข้อมูลบัญชีผู้ใช้งานและรหัสผ่านในเว็บเบราว์เซอร์

Loading

  ศูนย์ประสานงานรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ด้านโทรคมนาคม (TTC-CERT) รายงาน เกี่ยวกับเทรนด์ในปัจจุบันที่กลุ่มผู้โจมตี (threat actor) กำลังให้ความนิยมในการโจมตีด้วยเทคนิคที่เรียกว่า Malvertising เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ในโลกออนไลน์โดยใช้แพลตฟอร์ม Google Adsense และ Facebook Ads   ซึ่งวิธีการนี้ช่วยให้กลุ่มผู้โจมตีสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการโจมตีได้อย่างละเอียด เช่น สามารถกำหนดเกณฑ์อายุ ตำแหน่งที่อยู่ หรือแสดงโฆษณาเฉพาะคีย์เวิร์ดที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น ทำให้โฆษณาแฝงมัลแวร์เหล่านี้ไปปรากฏบนหน้าจอของผู้ใช้งานได้ตรงกลุ่มเป้าหมายตามที่กลุ่มผู้โจมตีต้องการ เมื่อประกอบกับพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้งานทั่วไปที่มักไม่ตรวจสอบความปลอดภัยหรือแม้กระทั่งเข้าใจผิดคิดว่าโฆษณาเหล่านี้เป็นผลลัพธ์การค้นหา (search result) ตามปกติ ทำให้เทคนิคการโจมตีแบบ Malvertising ประสบความสำเร็จในการโจมตีผู้ใช้งานทั่วไปค่อนข้างมาก รวมถึงมีโอกาสที่จะใช้ในการโจมตีแบบ targeted attack ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย   แผนภาพ (diagram) แสดง Malvertise บนสื่อสังคมออนไลน์แห่งหนึ่งถูกใช้ในการแพร่กระจายมัลแวร์ Bbot   ทั้งนี้ ศูนย์ TTC-CERT ได้ทำการเฝ้าระวังการโจมตีด้วยเทคนิค Malvertising ที่อาจมีเป้าหมายในการโจมตีผู้ใช้งานในประเทศไทยและได้ตรวจพบแคมเปญการโฆษณาที่มีความผิดปกติจำนวนหนึ่งบนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์แห่งหนึ่ง โดยหนึ่งในนั้นมีลักษณะในการโฆษณาแอบอ้างว่าสามารถช่วยในการกู้คืนบัญชีผู้ใช้งานที่ถูกแบนได้โดยเชิญชวนให้ผู้ใช้งานทำการดาวน์โหลดและติดตั้งไฟล์ต้องสงสัยบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์   ศูนย์ TTC-CERT จึงทำการตรวจสอบไฟล์ดังกล่าวและพบว่าเป็นไฟล์มัลแวร์ประเภท Infostealer ที่มีชื่อว่า “Bbot”…

คิวบาโต้สื่อสหรัฐ ให้จีนเข้ามาตั้ง “ฐานปฏิบัติการสายลับ”

Loading

    รัฐบาลฮาวานากล่าวว่า การที่สื่อหลักของสหรัฐรายงานว่า จีนเตรียมเข้ามาตั้ง “ฐานปฏิบัติการสายลับ” ในประเทศนั้น “เป็นเฟคนิวส์”   สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงฮาวานา ประเทศคิวบา เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ว่าจากกรณีเดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล และซีเอ็นเอ็น รายงานว่า คิวบาบรรลุข้อตกลงกับจีน ในการให้รัฐบาลปักกิ่งจัดตั้ง “ฐานปฏิบัติการสายลับ” ในประเทศ โดยจะมีการติดตั้งอุปกรณ์สอดแนมอิเล็กทรอนิกส์ “เพื่อสังเกตการณ์” การติดต่อสื่อสาร ทั่วภูมิภาคทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐ โดยรัฐบาลปักกิ่งมอบเงิน “หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ” เพื่อให้รัฐบาลฮาวานาเป็นผู้ก่อสร้างสถานที่แห่งนั้น   กระทรวงการต่างประเทศคิวบาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า “ไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง” และสหรัฐ “มักสร้างเรื่องแบบนี้เป็นประจำ” ขณะเดียวกัน คิวบาคัดค้าน “ฐานทัพต่างประเทศ” ในภูมิภาคลาตินอเมริกา รวมถึง “ฐานทัพสหรัฐ”   China will pay Cuba to host a secret spy base, where…

ไต้หวันปฏิเสธข่าวปลอม ร่วมมือสหรัฐปั่นโซเชียลแทรกแซงเลือกตั้งไทย

Loading

    ข่าวปลอมแพร่สะพัด สำนักงานผู้แทนสหรัฐประสานกระทรวงกลาโหมไต้หวัน ให้ “ปฏิบัติการ IO” ระดมเผยแพร่ข่าวเชิงลบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ไทย-จีน เพื่อหวังส่งผลต่อการเลือกตั้งของประเทศไทย   ศูนย์ตรวจสอบข้อเท็จจริงไต้หวัน (Taiwan Factcheck Center) ออกรายงานตรวจสอบข่าวปลอม โดยระบุว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มีเอกสารทางราชการฉบับหนึ่งเผยแพร่อยู่บนโซเชียลมีเดีย โดยอ้างว่าเป็น เอกสารลับภายในกระทรวงกลาโหมไต้หวัน ที่ได้รับการประสานงานจากสถาบันอเมริกาในไต้หวัน American Institute in Taiwan หรือ AIT (สถานทูตสหรัฐฯ ประจำไต้หวันโดยพฤตินัย) และทางกระทรวงกลาโหมไต้หวัน ได้สั่งการให้หน่วยทหารข้อมูลข่าวสารทำการเผยแพร่ข้อมูลเชิงลบเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย เพื่อบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีน และขัดขวางการพัฒนาธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทย   เอกสารปลอมดังกล่าวยังอ้างว่า ให้ทหารของไต้หวันร่วมมือกับผู้แทนสหรัฐประจำไต้หวัน ทำปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับการกวาดล้าง “ทุนจีนสีเทา” ของรัฐบาลไทย เพื่อต้านทานอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยหวังผลต่อการเลือกตั้งของประเทศไทย ทำลายกลุ่มที่ใกล้ชิดประเทศจีน และส่งผลเชิงลบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย     ข่าวปลอมดังกล่าวแพร่หลายในสื่อสังคมออนไลน์ของไต้หวัน ฮ่องกง จีน รวมทั้ง โดยอ้างว่า กระทรวงกลาโหมไต้หวันร่วมมือกับสหรัฐ ทำปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร เพื่อแทรกแซงการเลือกตั้งของไทย…

ฮึ่ม! จีนส่งฝูงบิน 37 ลำ เฉียดน่านฟ้าไต้หวัน สอดแนมกิจกรรมทางอากาศ

Loading

    สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เครื่องบินกองทัพจีนจำนวน 37 ลำได้บินเข้าไปยังเขตป้องกันทางอากาศของไต้หวัน ขณะที่อากาศยานบางลำเคลื่อนที่ไปทางมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก จนทำให้ไต้หวันต้องเตรียมรับมือด้วยระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศ นับเป็นการเบ่งแสนยานุภาพทางอากาศครั้งล่าสุดของปักกิ่งต่อเกาะดังกล่าว   กระทรวงกลาโหมของไต้หวันกล่าวว่า ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น สามารถตรวจจับเครื่องบินของกองทัพอากาศจีนได้ถึง 37 ลำ ซึ่งรวมถึงเครื่องบินขับไล่ J-11 และ J-16 ตลอดจนเครื่องบินทิ้งระเบิด H-6 ที่สามารถติดตั้งระเบิดนิวเคลียร์ได้ โดยอากาศยานเหล่านี้บินเข้ามาทางตะวันตกเฉียงใต้ของเขตแสดงตนเพื่อป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) ซึ่งเป็นพื้นที่เปราะบางที่ไต้หวันเฝ้าติดตามและลาดตระเวนภัยคุกคามของเกาะ และพบว่า เครื่องบินบางลำของจีนยังบินไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของไต้หวันและข้ามไปยังมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเพื่อสอดแนมทางกิจกรรมอากาศและการฝึกเดินเรือระยะไกล   ด้านไต้หวันได้ส่งเครื่องบินและเรือของตนเข้าไปเฝ้าระวังสถานการณ์ อีกทั้งยังเปิดใช้ระบบขีปนาวุธภาคพื้นดินทั้งนี้ จีนเสร็จสิ้นภารกิจลาดตระเวนทางอากาศที่ดำเนินการร่วมกับรัสเซียในระยะที่สองเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกแล้วเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน หลังจากได้ส่งเครื่องบินเข้าไปเคลื่อนไหวเหนือทะเลญี่ปุ่นและทะเลจีนตะวันออกเมื่อวันก่อน ส่งผลให้ให้ญี่ปุ่นกังวลเรื่องความมั่นคงของชาติ   ขณะที่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จีนซึ่งมองว่าไต้หวันซึ่งมีระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนตนเอง ได้ส่งเครื่องบินกองทัพเข้าไปเคลื่อนไหวเฉียดเกาะแห่งนี้อย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าจะไม่ได้บินรุกล้ำน่านฟ้าของไต้หวันก็ตาม             —————————————————————————————————————————————— ที่มา :   …