ปฏิบัติการใหญ่! ตำรวจสากลบุกปิดตลาดเว็บมืด ‘เจเนซิส มาร์เกต’

Loading

  ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก 17 ประเทศ ที่เรียกว่า “โอเปอเรชั่น คุกกี้ มอนสเตอร์” ซึ่งนำโดยสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเนเธอร์แลนด์ นำไปสู่การปิดตลาดดิจิทัลผิดกฎหมายขนาดใหญ่ที่สุด หรือ “ดาร์กเน็ต” ที่มีชื่อว่า “เจเนซิส มาร์เกต”   สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจากองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (อินเตอร์โพล) หรือตำรวจสากล ดำเนินการตรวจค้นมากกว่า 200 ครั้ง และทำการจับกุมผู้กระทำผิดราว 120 คน ตลอดจนมีส่วนร่วมใน “กิจกรรมป้องกัน” ในวงกว้าง   Targeting this infrastructure is at the core of the NCA's efforts to disrupt the highest harm offenders…

ตะวันออกกลางร้อนฉ่า “ตำรวจจลาจลยิว” บุกเข้ามัสยิดอัลอักศอ “ยิงระเบิดแสง-แก๊สน้ำตา” ถึงข้างใน จับไม่ต่ำกว่า 350

Loading

    เอเจนซีส์ – ตำรวจปราบจลาจลอิสราเอลบุกเข้ามัสยิดอัลอักศอชื่อดัง เช้าวานนี้ (4 เม.ย.) เปิดฉากยิงระเบิดแสงและแก๊สน้ำตาด้านในระหว่างปะทะกับชาวปาเลสไตน์ผู้แสวงบุญ มีรายงานกวาดจับไปไม่ต่ำกว่า 350 คน     สกายนิวส์ สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้ (5 เม.ย.) ว่า การบุกเข้ามัสยิดอัลอักศอเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังชายชาวปาเลสไตน์โดนสังหารด้านนอกมัสยิด ทั้งนี้ หลังการบุกเข้ามัสยิดชื่อดังที่เป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของโลกมุสลิมเช้าวันพุธ (4) ที่มีการยิงระเบิดแสงและแก๊สน้ำตาด้านในระหว่างตำรวจปราบจลาจลอิสราเอลปะทะกับกลุ่มผู้แสวงบุญปาเลสไตน์     CNN ของสหรัฐฯ รายงานว่า หลังการปะทะมีผู้ถูกจับกุมไม่ต่ำกว่า 350 คน โดยภาพที่ถูกเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นว่า ตำรวจอิสราเอลใช้ความรุนแรงทุบทำร้ายผู้แสวงบุญด้วยกระบองอย่างป่าเถื่อน พยานในเหตุการณ์เปิดเผยกับสื่อสหรัฐฯ ว่า ตำรวจยังทุบทำลายประตู และหน้าต่างของมัสยิดศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับยิงระเบิดแสงและกระสุนยางใส่ฝ่ายตรงข้าม   ขณะที่สกายนิวส์รายงานว่า องค์การเสี้ยวเดือนแดงปาเลสไตน์เปิดเผยว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 12 คน และถูกจับอีกหลายสิบคน     ทั้งนี้ เหตุเกิดขึ้นหลังจากที่ผู้แสวงบุญปาเลสไตน์ไม่กี่ร้อยคนยังรวมตัวอยู่ด้านในหลังจากทำพิธีเทศกาลรอมฎอนคืนวันอังคาร (3) แต่ทางตำรวจอิสราเอลอ้างว่า พวกเขาพยายามเคลียร์นำคนเหล่านี้ออกไปอย่างสงบแต่ว่ามีกลุ่มเล็ก ๆ…

“ฟินแลนด์” สร้างรั้วกั้นพรมแดน “รัสเซีย”

Loading

  ฟินแลนด์เดินหน้าสร้างรั้วกั้นพรมแดนรัสเซีย ด้านรัสเซียประกาศตอบโต้ในทันที กรณีฟินแลนด์เข้าเป็นสมาชิกนาโต   ฟินแลนด์เดินหน้าโครงการสร้างรั้ว   ฟินแลนด์ได้ทำการสร้าง “รั้ว” ความยาวทั้งสิ้นราว 200 กิโลเมตร กั้นพรมแดนกับรัสเซีย เพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดนจากรัสเซียอย่างผิดกฎหมาย โดยเป็นรั้วที่มีความสูง 3 เมตร และติดตั้งเซนเซอร์ไฟฟ้าเอาไว้ด้วย คาดว่าจะใช้เวลาราว 4 ปีจึงจะเสร็จสิ้น ซึ่งเรื่องนี้ได้รับความเห็นชอบจากทั้งรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านของฟินแลนด์   รั้วดังกล่าว จะติดตั้งไว้บริเวณจุดข้ามแดนเมืองอิมาตรา ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีเพียงรั้วเล็ก ๆ ที่กั้นระหว่างสองประเทศเอาไว้เท่านั้น   หน่วยยามพรมแดนของฟินแลนด์เปิดเผยว่า ก่อนการระบาดของโควิด-19 มีประชาชนราว 13,000 คน ข้ามพรมแดนไปมาในแต่ละวัน ทำให้ถนนบริเวณพรมแดนเต็มไปด้วยรถราที่ต่อคิวข้ามแดน แต่ปัจจุบัน เหลือเพียงวันละไม่กี่ร้อยคนที่เดินทางข้ามพรมแดนระหว่างรัสเซียและฟินแลนด์   โดยจากสถิติเมื่อปี 2015 มีชาวรัสเซียข้ามพรมแดนเข้ามายังฟินแลนด์อย่างผิดกฎหมายราว 5,000 คน แต่ปัจจุบัน แทบไม่มีการข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมายในแถบเมืองอิมาตราอีกเลย   ประชาชนในเมืองชายแดนของฟินแลนด์ ระบุว่า พวกเราจำเป็นต้องมีรั้วกั้นที่แน่นหนา รั้วที่สูง เพราะจะได้ไม่มีใครสามารถข้ามมาได้อีก   ทั้งนี้…

แถลงปิดคดี ดต.ลักปืนหลวง สภ.ปากเกร็ด 160 กระบอก เอาผิด 23 ราย ตามหาอีก 96 กระบอก

Loading

    รอง ผบ.ตร.แถลงปิดคดีดาบตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ขโมยปืนหลวง 160 กระบอก ดำเนินคดีผู้ต้องหา 23 คน ตามหาปืนที่เหลืออีก 96 กระบอก   วันนี้ (5 เม.ย.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แถลงข่าวปิดคดีกรณีเมื่อวันที่ 20 ต.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจับกุมดำเนินคดีกับ ด.ต.เชาวลิต พุ่มขจร ผบ.หมู่ (ป) สภ.ปากเกร็ด ซึ่งทำหน้าที่ตรวจเก็บและดูแลรักษาอาวุธปืนหลวงในคลังของ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยดำเนินคดีในกรณีที่ตรวจพบว่า ด.ต.เชาวลิต ได้มีการลักเอาอาวุธปืนในคลังดังกล่าวจำนวนมากถึง 160 กระบอก นำไปจำหน่ายให้กับบุคคลอื่น โดยดำเนินคดีฐาน ลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตฯ   โดยคดีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง…

สหราชอาณาจักรสั่งปรับ “TikTok” 500 กว่าล้านบาท

Loading

  สหราชอาณาจักร สั่งปรับ TikTok เป็นเงิน 500 กว่าล้านบาท เหตุพบการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูล   เรียกว่างานเข้าไม่หยุด สำหรับแพลตฟอร์มวิดีโอคอนเทนต์ชื่อดังอย่าง “TikTok” ที่ก่อนหน้านี้ก็ถูกสั่งแบนในอุปกรณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐหลายประเทศ ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 เม.ย. หน่วยเฝ้าระวังข้อมูลของสหราชอาณาจักรได้ประกาศสั่งปรับ TikTok เป็นเงินจำนวนกว่า 12.7 ล้านปอนด์ (ราว 538 ล้านบาท) เนื่องจากพบการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูล จากการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และพบการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง     สำนักงานคณะกรรมาธิการด้านข้อมูลข่าวสารแห่งสหราชอาณาจักร (Information Commissioner’s Office หรือ ICO) ประมาณการว่า ในปี 2020 แอปพลิเคชัน TikTok อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี ประมาณ 1.4 ล้านคนทั่วสหราชอาณาจักร สามารถเข้าถึง TikTok ได้ แม้แอปพลิเคชันจะกำหนดอายุขั้นต่ำของผู้สร้างบัญชีใช้งานว่า ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 13…

ออสซี่โดดร่วมวง แบนติ๊กต็อก บนอุปกรณ์ของรัฐ ปักกิ่งประณามทันที จี้ปฏิบัติเป็นธรรมกับบริษัทจีน

Loading

แฟ้มภาพรอยเตอร์   ออสซี่โดดร่วมวง แบนติ๊กต็อก บนอุปกรณ์ของรัฐ ปักกิ่งประณามทันที จี้ปฏิบัติเป็นธรรมกับบริษัทจีน   เมื่อวันที่ 4 เมษายน ออสเตรเลีย ประกาศแบนการใช้ ติ๊กต็อก แอปพลิเคชันแชร์วิดีโอสั้นยอดนิยม บนอุปกรณ์ของรัฐบาลทุกชนิด ส่งผลให้ออสเตรเลีย เป็นประเทศล่าสุดในกลุ่มชาติพันธมิตรตะวันตกที่ห้ามการใช้งานแอปสัญชาติจีนนี้บนอุปกรณ์ต่าง ๆ ของหน่วยงานรัฐบาล เนื่องจากกลัวเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ   มาร์ก เดรย์ฟัส รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของออสเตรเลีย กล่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นภายหลังได้รับคำแนะนำจากหน่วยงานด้านข่าวกรองของประเทศและจะเริ่มปฏิบัติใช้โดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ดีรัฐบาลจะอนุมัติข้อยกเว้นบางประการเป็นรายกรณีไปด้วยการผ่อนปรนด้านความปลอดภัยที่เหมาะสม   ท่าทีนี้ส่งผลให้ออสเตรเลีย เป็นชาติสุดท้ายในกลุ่ม “ไฟฟ์ อายส์” พันธมิตรด้านความมั่นคง ร่วมกับสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา และ นิวซีแลนด์ ที่ได้แบนติ๊กต็อกเข้าถึงอุปกรณ์ของหน่วยงานรัฐบาลของตนเองไปก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากนี้ยังมีฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และ สหภาพยุโรป (อียู) ที่ก็ได้ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน   ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ กล่าวเตือนว่า ติ๊กต็อก ที่อ้างว่ามีผู้ใช้งานแอปนี้อยู่ทั่วโลกมากกว่า 1,000 ราย ได้แบ่งปันข้อมูลของผู้ใช้งานให้กับรัฐบาลจีน ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศต่าง…