TikTok เผยตรวจพบบัญชีปลอมประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2022 ทั้งสิ้น 33.6 ล้านบัญชี

Loading

  ติ๊กต่อก (TikTok) เผยในรายงานการบังคับใช้หลักเกณฑ์สำหรับชุมชนประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2022 พบมีการใช้บัญชีปลอมในแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น 61 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 33.6 ล้านบัญชี และประเทศไทยอยู่อันดับ 14 ประเทศที่ถูกลบวิดีโอมากที่สุด   ติ๊กต่อก แพลตฟอร์มวิดีโอโซเชียลมีเดีย เผยแพร่รายงานการบังคับใช้หลักเกณฑ์สำหรับชุมชน ประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2022 โดยรายงานฉบับนี้ ครอบคลุมช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนถึง 30 มิถุนายน 2022   สิ่งที่น่าสนใจของรายงานฉบับนี้อยู่ตรงที่ ติ๊กต่อก ได้เปิดเผยว่า มีการตรวจพบบัญชีปลอมและได้ลบบัญชีปลอมเหล่านี้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 33.6 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 61 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ถ้ามองย้อนกลับไปช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว จะเห็นได้ว่า อัตราการลบบัญชีปลอมของติ๊กต่อก เพิ่มขึ้นมากกว่า 2,000 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว   ตัวเลขการลบบัญชี     พร้อมกันนี้ ติ๊กต่อก กล่าวว่า…

แฮ็กเกอร์จากจีนออกอาละวาดด้วยการซ่อนมัลแวร์ไว้ในโลโก้ Windows

Loading

  ผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์จาก Symantec พบปฏิบัติการไซเบอร์จากจีนที่ซ่อนมัลแวร์ไว้ในโลโก้ Windows ของคอมพิวเตอร์ที่ใช้   กลุ่มแฮ็กเกอร์นี้มีชื่อเรียกขานว่า Witchetty ที่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ Cicada (อีกชื่อหนึ่งคือ APT10) กลุ่มแฮ็กเกอร์ที่มีรัฐบาลจีนหนุนหลัง และยังน่าจะเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร TA410 ที่เคยโจมตีบริษัทพลังงานของสหรัฐอเมริกา   Witchetty เริ่มปฏิบัติการซ่อนมัลแวร์มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ โดยมุ่งเป้าไปที่ 2 ประเทศในตะวันออกกลาง ในจำนวนนี้มีการโจมตีตลาดหุ้น   สำหรับวิธีการปฏิบัติการของ Witchetty กระทำโดยเทคนิกที่เรียกว่าวิทยาการอำพรางข้อมูล (Steganography) ซึ่งเป็นการซ่อนข้อมูลลับไว้ในภาพหรือข้อความอื่นในการซ่อน Backdoor (หรือทางลัดในการเข้าถึงอุปกรณ์หรือระบบเครือข่าย) ที่เข้ารหัสด้วยวิธีการ XOR ลงในปุ่ม Start   การซ่อนมัลแวร์ไว้ในภาพมักจะเล็ดลอดการตรวจจับของซอฟต์แวร์ Anti-Virus ไปได้ เนื่องจากมักไม่ค่อยตรวจหาไวรัสจากรูปภาพ   โดย Backdoor ตัวนี้จะเป็นช่องทางให้กลุ่มแฮ็กเกอร์เจาะเข้าไปดูไฟล์ข้อมูล เปิดปิดโปรแกรม ดาวน์โหลดมัลแวร์ลงบนเครื่องของเหยื่อเพิ่มเติม เข้าไปแก้ไข Windows Registry หรือแม้แต่ทำให้อุปกรณ์ของเหยื่อเป็นเซิร์ฟเวอร์สำหรับการแฮ็กเหยื่อรายต่อ ๆ ไป    …

คณะปฏิวัติบูร์กินาฟาโซ ยึดอำนาจคืนจากผู้นำรัฐบาลทหาร ชี้เหตุทำรปห.ขึ้นมา ก็ปราบกลุ่มก่อความไม่สงบไม่ได้

Loading

  ร้อยเอกอิบราฮิม ทราออเร อ่านคำประกาศปลดพันโทพอล-อองรี ดามีบา ประธานาธิบดีบูร์กินาฟาโซ ออกจากตำแหน่ง (RADIO TÉLÉVISION DU BURKINA)   คณะปฏิวัติบูร์กินาฟาโซ ยึดอำนาจคืนจากผู้นำรัฐบาลทหาร ชี้เหตุทำ รปห.ขึ้นมา ก็ปราบกลุ่มก่อความไม่สงบไม่ได้   เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ตึงเครียดในบูร์กินาฟาโซ ประเทศในแถบแอฟริกาตะวันตก ว่า กลุ่มนายทหารได้ทำการปฏิวัติยึดอำนาจจากพันโทพอล-อองรี ดามีบา ประธานาธิบดีบูร์กินาฟาโซที่มาจากการก่อรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในเดือนมกราคมปีนี้ หลังเกิดเหตุตึงเครียดขึ้นในกรุงวากาดูกู โดยกลุ่มนายทหารที่ก่อเหตุยึดอำนาจครั้งนี้นำโดยร้อยเอกอิบราฮิม ทราออเร ที่ประกาศปลดพันโทดามีบาและยึดอำนาจควบคุมประเทศบูร์กินาฟาโซในวันศุกร์ (30 ก.ย.) ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าเพื่อรักษาสันติสุขในประเทศนี้ที่ถูกทำลายโดยกลุ่มนักรบญิฮาด   หลังเกิดเหตุเสียงปืนและระเบิดดังสนั่นขึ้นใกล้กับทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงวากาดูกูในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา และมีการเคลื่อนกำลังทหารเข้ารักษาการณ์ตามถนนสายหลักต่างๆ ก่อนที่ในเวลา 20.00 น.ของวันเดียวกันตามเวลาท้องถิ่น กลุ่มนายทหารหลายสิบนายในสภาพอิดโรย ได้ปรากฏตัวทางสถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุทางการ อ่านแถลงการณ์ประกาศปลดพันโทดามีบาออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากตัวพันโทดามีบาเองไม่สามารถจัดการกับการก่อความไม่สงบของกลุ่มนักรบญิฮาด ที่ก็เป็นเหตุผลให้ตัวเขาเองก่อรัฐประหารยึดอำนาจมาจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในชุดที่แล้วได้เช่นกัน   “เราได้ตัดสินใจที่จะรับผิดชอบโดยขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์เดียว นั่นคือ การฟื้นฟูความมั่นคงและบูรณภาพแห่งดินแดนของเรา” แถลงการณ์ของคณะปฏิวัติระบุ   กลุ่มนายทหารผู้ก่อการยึดอำนาจยังประกาศปิดน่านฟ้าและพรมแดนประเทศของบูร์กินาฟาโซตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมาเป็นต้นไป ตลอดจนระงับการใช้รัฐธรรมนูญและประกาศยุบรัฐบาลและสภานิติบัญญัติเฉพาะกาล รวมถึงประกาศภาวะเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา…

เว็บสื่อก็ไม่รอด แฮ็กเกอร์เล็งเป้าโจมตี ปล่อยข่าวปลอม มากับภาพโป๊

Loading

  หากใครชอบอ่านข่าวต่างประเทศ น่าจะเคยผ่านตากับเว็บที่ชื่อว่า Fast Company มาบ้างนะ โดยตอนนี้ เว็บดังกล่าวได้ถูกแฮกเกอร์โจมตี และปล่อยข่าวปลอม ข้อความเหยีดผิว และรูปภาพโป๊อนาจารไปยังผู้อ่านผ่านแพลทฟอร์ม Apple News   ในการตอบสนองต่อเรื่องดังกล่าว Apple ได้ให้ข้อมูลว่า เว็บไซต์ FastCompany ถูกแฮก ทำให้ Apple ได้ทำการปิดการใช้งาน FastCompany บน Apple News ทันทีครับ   ทั้งนี้ Fast Company ได้แพร่แถลงการณ์ที่ยืนยันการโจมตีจริง ๆ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จนตอนนี้ ต้องปิดการใช้งานหน้าเว็บ และรอการแก้ไขครับ   เห็นแบบนี้แล้ว เป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่ากลัว เพราะการเผยแพร่ข่าวที่สร้างความเกลียดชังหรือสร้างกระแสลบใด ๆ ออก การจะแก้ข่าวก็อาจเป็นเรื่องที่ยากกว่า เห็นได้ชัดกับกรณี Fake News ในบ้านเรา ซึ่งถ้าหากว่าวันหนึ่ง เว็บไซต์สื่อดัง ๆ โดนแฮกแล้วเผยแพร่ข่าวปลอม มันอาจจะสร้างความเสียหายมาก ๆ…

Brave จัดให้ บล็อกแบนเนอร์บนหน้าเว็บ เลิกกดยินยอม ให้เก็บข้อมูล

Loading

  ต้องยอมรับว่า Brave เป็นเบราว์เซอร์ที่กล้าหาญสมชื่อเค้าจริง ๆ นะ ด้วยการที่ออกมาประกาศว่า เบราว์เซอร์ในเวอร์ชั่นใหม่นี้จะบล็อกแบนเนอร์ที่ให้เรากดยินยอมการใช้คุกกี้บนเว็บไซต์ต่าง ๆ   หลายคนน่าจะเคยมีประสบการณ์ ที่ต้องกดยินยอมให้เว็บใช้คุกกี้กันมาบ้างแล้ว จากกฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่รัฐบาลบังคับใช้งาน โดยหนึ่งในนั้นคือข้อมูลการท่องเว็บของผู้ใช้ก็ถือเป็นข้อมูลส่วนตัวเหมือนกัน ทำให้ทุกเว็บไซต์ต้องมีการขออนุญาต ก่อนจะทำการเก็บข้อมูลครับ   โดยมันจะขึ้นมาเป็นแบนเนอร์ให้เรากด ซึ่งต้องกดทุกครั้งที่เข้าเว็บใหม่ และนั่นทำให้ Brave มองว่า มันอาจไปรบกวนประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ จึงเป็นที่มาว่า Brave ในเวอร์ชันถัดไปนี้ จะทำการ Block แบนเนอร์ที่ขึ้นมาให้กดยินยอมคุกกี้ เพื่อลดความรำคาญของผู้ใช้   หากย้อนกลับไปก่อนที่กฏหมายหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล GDPR (ยุโรป) และ PDPA (ไทย) จะถูกบังคับใช้ ทุกเว็บจะมีการเก็บคุกกี้ผู้ใช้งานอยู่แล้ว เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในด้านต่าง ๆ ครับ   ซึ่งในตอนนั้น Brave ก็เป็นเบราว์เซอร์เดียวที่บล็อกการเก็บคุกกี้ได้แบบ Default หรือก็คือติดตั้งเสร็จ เปิดใช้งานมันก็จะบล็อกให้เลย แตกต่างจากเบราว์เซอร์อื่นที่ต้องไปตั้งค่าใหม่เอง หรือบางอันก็ไม่สามารถทำการบล็อกคุกกี้ได้เลยครับ ดังนั้นการบล็อกแบนเนอร์นี้จึงเป็นอีกขั้นที่อาจทำให้ User ชอบใช้งาน Brave…

สุดโหด มือระเบิดฆ่าตัวตาย บึมร.ร.กวดวิชาในอัฟกานิสถาน ตายเจ็บอื้อ 19 ศพ

Loading

  มือระเบิดฆ่าตัวตายเหี้ยมสุดๆ จุดชนวนระเบิดโจมตีโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่งในกรุงคาบูล เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตสลดอย่างน้อย 19 ศพ บาดเจ็บระนาว   เมื่อ 30 ก.ย. 2565 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีศูนย์การศึกษา หรือโรงเรียนกวดวิชา Kaaj ตั้งอยู่ที่เขต Dasht-e-Barchi ทางตะวันตกของกรุงคาบูล เมืองหลวงอัฟกานิสถาน ในวันนี้ (30 ก.ย.) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 ศพ บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 27 ราย โดยเบื้องต้น ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบ   เจ้าหน้าที่โรงเรียนกวดวิชาแห่งนี้ กล่าวด้วยความตื่นตระหนก ว่าขณะเกิดเหตุวินาศกรรมสะเทือนขวัญ นักเรียนหลายคนกำลังนั่งทำข้อสอบกวดวิชาเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในขณะที่ เด็กนักเรียนจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้มาจากชนกลุ่มน้อยเผ่าฮาซารา ซึ่งตกเป็นเป้าโจมตีหลายครั้งที่ผ่านมา   ภาพที่รายงานทางสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นในอัฟกานิสถานรวมถึงภาพที่ถูกแชร์ทางโซเชียล แสดงให้เห็นภาพเหตุการณ์ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ โดยมีศพหลายศพถูกนำมาวางเรียงเป็นแถวอยู่บนพื้น ในขณะที่สื่ออื่น ๆ รายงานจากที่เกิดเหตุ แสดงให้เห็นสภาพความเสียหายภายในห้องเรียนของโรงเรียนกวดวิชาแห่งนี้ ที่ถูกโจมตีด้วยมือระเบิดฆ่าตัวตาย   ทั้งนี้ ศูนย์การศึกษา หรือโรงเรียนกวดวิชา Kaaj เป็นโรงเรียนกวดวิชาเอกชน ซึ่งสอนทั้งนักเรียนชายและหญิง…