สุดยอด! “รบพิเศษ SAS อังกฤษ” ขับ “รถแท็กซี่” หลายร้อยกิโลฯ จากทางใต้ก่อนปลอมตัวเป็นผู้หญิงสวมบูร์กาฝ่า “ตอลิบาน” เข้าสนามบินคาบูล

Loading

  เอเจนซีส์ – หน่วยรบพิเศษ SAS อังกฤษใช้ความพยายามอย่างหนักในการต้องหลบตอลิบานจากทางใต้หลายร้อยกิโลเมตรของอัฟกานิสถานเพื่อฝ่าเข้าสู่สนามบินฮามิด การ์ไซเดินทางกลับอังกฤษ หลังหน่วยเหนือสั่งยกเลิกปฏิบัติการพร้อมเตือนไม่มี ฮ.มารับ สปุตนิก นิวส์ สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้ (5 ก.ย.) ว่า มีการเปิดเผยล่าสุดออกมาว่า ทหารหน่วยรบพิเศษ SAS ที่มีชื่อเสียงของอังกฤษจำนวน 20 นาย ซึ่งออกปฏิบัติการสอดแนมอยู่ทางใต้ของอัฟกานิสถานต้องใช้วิธีการปลอมตัวเป็นหญิงอัฟกานิสถานเคร่งศาสนาสวมชุดบูร์กาเพื่อตบตากลุ่มติดอาวุธตอลิบานเพื่อที่จะสามารถเข้าไปถึงสนามบินฮามิด การ์ไซเพื่อเดินทางกลับไปอังกฤษ โดยในรายงานของหนังสือพิมพ์เดลี สตาร์ของอังกฤษระบุว่า หน่วยปฏิบัติการพิเศษทางอากาศ SAS (Special Air Service) ถูกสั่งให้ถอนกำลังกลับไปยังกรุงคาบูลเพื่อออกจากอัฟกานิสถานท่ามกลางการบุกเข้ายึดครองของกลุ่มติดอาวุธตอลิบานที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วหลังกองกำลังชาติตะวันตกทั้งสหรัฐฯ และนาโตได้ถอนตัวออกจากประเทศ ทหาร SAS ที่มีจำนวน 20 นายสูงสุดได้รับการแจ้งว่าจะไม่มีเฮลิคอปเตอร์บินมารับพวกเขาออกมาจากทางภาคใต้ของอัฟกานิสถานที่คนเหล่านี้ประจำการในปฏิบัติการสอดแนมลับ อ้างอิงจากรายงาน “หน่วย SAS อยู่ในอัฟกานิสถานมานานหลายเดือนแล้วสำหรับปฏิบัติการสอดแนมลับท่ามกลางสถานการณ์ที่กำลังเสื่อมทราม คนเหล่านี้ได้รับคำสั่งให้ยกเลิกปฏิบัติการและเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางเพื่อไปยังกรุงคาบูล” ทั้งนี้ พบว่าหน่วย SAS ได้ทิ้งยุทโธปกรณ์ส่วนใหญ่ทั้งหมดไว้เบื้องหลังก่อนที่จะซื้อรถแท็กซี่ 5 คันเพื่อใช้เป็นยานพาหนะในการอำพรางขับจากฐานปฏิบัติการทางใต้ในระยะทางหลายร้อยกิโลเมตรเพื่อเข้าสู่กรุงคาบูลที่ตกอยู่ในเงื้อมือของกลุ่มติดอาวุธเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในรายงานกล่าวว่า ตลอดทั้งเส้นทางหน่วยรบพิเศษอังกฤษต้องพบกับด่านตรวจกลุ่มติดอาวุธมากมายตั้งอยู่เป็นระยะๆ และพบว่าพวกเขาได้รับการช่วยเหลืออย่างลับๆ จากตำรวจต่อต้านก่อการร้ายอัฟกานิสถานซึ่งในภายหลังได้จัดหาชุดบูร์กา (burqa) ที่มีสีสันต่างกันออกไปสำหรับการปลอมตัวให้ทหารอังกฤษ…

สำนักงานไซเบอร์ฯ รับเรื่องข้อมูลผู้ป่วยไทยหลุด 16 ล้านราย เร่งประสานสธ.ตรวจสอบระบบซิเคียวริตี้

Loading

  สำนักงานไซเบอร์ กระทรวงดีอีเอส รับเรื่องข้อมูลคนไข้จากกระทรวงสาธารณสุขกว่า 16 ล้านรายหลุด โดยอยู่ระหว่างประสาน สธ. ตรวจสอบข้อมูล พร้อมใช้พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ตามจับคนร้าย จากกรณีที่มีแฮกเกอร์ อ้างว่าสามารถเข้าถึงข้อมูลคนไข้ของกระทรวงสาธารณสุขกว่า 16 ล้านราย ในฐานข้อมูลขนาด 3.75 GB อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2564 ไปวางจำหน่ายในราคา 500 เหรียญ โดยภายในมีทั้งข้อมูลเลขทะเบียนผู้ป่วย ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด เบอร์โทรศัพท์ รวมถึงชื่อแพทย์เจ้าของไข้ โรงพยาบาล และรายละเอียดผู้ป่วยต่างๆ แหล่งข่าวจากกระทรวงดีอีเอส ระบุว่า ทางสำนักงานไซเบอร์ ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว กำลังประสานหาสาเหตุกับสธ. เนื่องจากทางสธ.มีการวางระบบซิเคียวริตี้ของตนเอง ทางกระทรวงมีหน้าที่เข้าไปตรวจสอบว่าทางสธ. ได้วางระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ตามมาตรฐานที่กำหนดตาม พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 (พ.ร.บ.ไซเบอร์ฯ) หรือระบบมีช่องโหว่ เบื้องต้นทางกระทรวงฯ มีหน้าที่ในการใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2563 (พ.ร.บ.คอมพ์ฯ) ตามจับคนร้ายที่เข้ามาแฮกข้อมูล ซึ่งต้องทำตามกระบวนการของกฏหมาย ส่วนประเด็นเรื่องข้อมูลคนไข้เนื่องจากพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลพ.ศ. 2562…

นาทีเสียงปืนดังสนั่น ทหารกินีก่อรัฐประหาร คุมตัวปธน. ปชช.เชียร์เต็มถนน

Loading

  กลุ่มทหารกินีก่อรัฐประหาร แถลงการณ์ผ่านทีวี ประกาศยุบรัฐบาล ฉีก รธน. คุมตัว ปธน. อัลฟา คอนเด ขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมว่าอยู่ที่ไหน เมื่อ 6 ก.ย. 64 สำนักข่าวรอยเตอร์และบีบีซี รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ตึงเครียดในสาธารณรัฐกินี ประเทศในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก กลุ่มทหารกินีเผยแพร่ภาพทางสถานีโทรทัศน์ ประกาศยุบรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีอัลฟา คอนเด โดยขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมผู้นำกินีวัย 83 ปีว่าอยู่ที่ไหน หลังจากไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า สถานการณ์ในกินีตกอยู่ในความตึงเครียดสับสน เนื่องจากได้ยินเสียงปืนดังกึกก้องมีการยิงปะทะกันอย่างหนักต่อเนื่องใกล้ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงโกนากรี เมืองหลวง เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น และต่อมา กระทรวงกลาโหมของกินีแถลงว่าสามารถปราบกลุ่มทหารที่คิดก่อรัฐประหารได้แล้ว     สถานีโทรทัศน์ในกินี ได้เผยแพร่ภาพทหาร 9 นาย นำโดย พ.ท.ดูมบูยา ซึ่งเคยเป็นอดีตทหารที่ประจำการกองทหารต่างด้าวฝรั่งเศส ประกาศแถลงการณ์ยึดอำนาจประธานาธิบดีคอนเด โดยกลุ่มทหารเหล่านี้ ซึ่งหลายนายนำธงชาติกินีมาห่ม ได้เรียกตัวเองว่า “คณะกรรมการความปรองดองและพัฒนาแห่งชาติ” ได้ประกาศยึดอำนาจรัฐบาล ยกเลิกรัฐธรรมนูญ และจะมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในกินี     พ.ท.มามาดี ดูมบูยา ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มทหารก่อรัฐประหารโค่นอำนาจประธานาธิบดีคอนเด กล่าวผ่านทางสถานีโทรทัศน์กินีว่า…

นิวซีแลนด์เปิดข้อมูล‘มือมีดซูเปอร์มาร์เก็ตโอ๊คแลนด์’

Loading

  รัฐบาลนิวซีแลนด์เผยข้อมูลมือมีดซูเปอร์มาร์เก็ตโอ๊คแลนด์ โกงสถานะผู้ลี้ภัย ทางการพยายามเนรเทศมาหลายปี เอกสารของศาลนิวซีแลนด์ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ระบุว่า มือมีดที่ก่อเหตุไล่แทงคนในห้างสรรพสินค้าเมืองโอ๊คแลนด์เมื่อสัปดาห์ก่อน เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 คน คือนายอาทิล โมฮัมเหม็ด ซัมซูดีน ชาวมุสลิมเชื้อสายทมิฬ วัย 32 ปีจากศรีลังกา เข้ามานิวซีแลนด์เมื่อสิบปีก่อนด้วยวีซ่านักเรียนแล้วได้สถานะผู้ลี้ภัยในปี 2556 ซัมซูดีนถูกตำรวจและเจ้าหน้าที่ความมั่นคงจับตาเมื่อปี 2559 หลังโพสต์เฟซบุ๊คเห็นใจการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธ โพสต์คลิปวีดิโอสงครามรุนแรง และแสดงความเห็นนิยมความรุนแรง ต่อมาทางการพบว่า เขาได้สถานะผู้ลี้ภัยมาอย่างไม่ชอบมาพากลรัฐบาลจึงเริ่มกระบวนการยกเลิกสถานะ ก่อนหน้านี้นายซัมซูดีนเคยถูกจำคุกอยู่ราว 3 ปี เพิ่งได้รับปล่อยตัวในเดือน ก.ค. แล้วมาก่อเหตุไล่แทงคนเมื่อวันศุกร์ (3 ก.ย.) การก่อเหตุของมือมีดรายนี้ทำให้เกิดคำถามว่า ในเมื่อทางการรู้ว่าจำเป็นต้องจับตาเขาอย่างใกล้ชิดแล้วทำไมถึงยังปล่อยให้เขาอยู่อย่างอิสระ ด้านนายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ให้คำมั่นวานนี้ (4 ก.ย.) ว่าจะออกกฎหมาย กำหนดให้การวางแผนโจมตีก่อการร้ายเป็นความผิดอาญา และจะกระชับกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายให้เข้มงวดยิ่งขึ้น ขณะที่ครอบครัวของนายซัมซูดีนโดยนายอารุส พี่ชายออกแถลงการณ์ถึงสถานีโทรทัศน์วันนิวส์ สื่อท้องถิ่นนิวซีแลนด์ ระบุว่า พวกเขาตกใจมากกับเหตุที่เกิด “พวกเราใจสลายเมื่อเกิดเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ พวกเราหวังว่าจะเรียนรู้ไปพร้อมกันกับคุณ ถึงสิ่งที่อาทิลทำลงไปและเราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก” แถลงการณ์ครอบครัวระบุ   —————————————————————————————————————————————–…

ศาลสหรัฐฯ รับคำฟ้อง “สิริ-กูเกิล” แอบฟังเสียงผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

Loading

  เหล่าบริษัทเทคโนโลยีมีความพยายามมานานที่จะกระตุ้นให้ลูกค้ามีอุปกรณ์ฟังคำสั่งในบ้านและในกระเป๋า และโน้มน้าวอย่างไม่ลดละที่จะให้ลูกค้าพึ่งพาผู้ช่วยคำสั่งเสียงในทุกๆ กิจวัตรประจำวัน แต่กำลังมีความกังวลมากขึ้นว่า อุปกรณ์เหล่านั้นอาจบันทึกเสียงในเวลาที่เราไม่ได้เรียกใช้มันด้วยซ้ำ เมื่อวันพฤหัสบดี (2) ผู้พิพากษาตัดสินว่า แอปเปิลจะต้องต่อสู้กับคำร้องของเหล่าผู้ใช้ในศาลรัฐบาลกลางในแคลิฟอร์เนีย ที่กล่าวหาว่า สิริ ผู้ช่วยคำสั่งเสียงของบริษัททำการบันทึกบทสนทนาส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้พิพากษา ระบุว่า คำฟ้องส่วนใหญ่ยังเดินหน้าต่อได้ ถึงแม้แอปเปิลจะร้องขอให้ปัดตกแล้วก็ตาม ผู้พิพากษา เจฟฟรี เอส.ไวท์ แห่งศาลแขวงรัฐบาลกลางในโอ๊กแลนด์ ปัดตกคำร้องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายทางเศรษฐกิจของผู้ใช้ แต่เขาระบุว่า คำร้องเหล่านั้น ซึ่งกำลังพยายามทำให้การฟ้องร้องครั้งนี้เป็นการฟ้องร้องแบบกลุ่ม ยังสามารถหาข้อพิสูจน์ต่อข้อกล่าวหาที่ว่า สิริเปิดเองอย่างไม่ถูกต้องและบันทึกการสนทนาที่มันไม่สมควรบันทึกและส่งข้อมูลดังกล่าวไปให้บุคคลที่สาม ซึ่งถือเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ คำฟ้อองนี้เป็นหนึ่งในหลายๆ คำฟ้องต่อแอปเปิล กูเกิล และแอมะซอน ที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาการละเมิดความเป็นส่วนตัวโดยผู้ช่วยคำสั่งเสียง เทคโนโลยีเหล่านั้น ซึ่งมักถูกเรียกในชื่อ สิริ อเล็กซา และกูเกิล ถูกสร้างมาเพื่อช่วยเหลือกิจวัตรประจำวัน มันสามารถเชื่อมต่อกับลำโพงและเปิดเล่นเพลง หรือตั้งเวลา หรือเพิ่มสินค้าลงในรายการสั่งซื้อ บริษัทเหล่านั้นปฏิเสธว่า ผู้ช่วยคำสั่งเสียงไม่ได้ฟังการสนทนาเพื่อจุดประสงค์อื่นใดนอกจากการช่วยทำงานหรือเล่นเพลง โฆษกหญิงของแอมะซอน เฟธ ไอเชน กล่าวในถ้อยแถลงว่า แอมะซอนจะบันทึกเสียงก็ต่อเมื่อตรวจพบ “คำสั่งเรียกใช้” เท่านั้น และจะมีเสียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ถูกนำไปตรวจสอบเอง เธอกล่าวว่า ผู้ใช้สามารถจัดการการบันทึกเสียงและปฏิเสธการตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง เมื่อปี…

นักรบ IS แก๊ง ‘เดอะบีเทิลส์’ ขึ้นศาลสหรัฐฯ รับสารภาพข้อหา ‘ก่อการร้าย-ฆ่าตัดหัว’

Loading

  หนึ่งในสมาชิกกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) แก๊ง ‘เดอะบีเทิลส์’ ซึ่งก่อเหตุฆ่าตัดหัวชาวอเมริกันในซีเรีย ยอมรับสารภาพ 8 ข้อหาหนักระหว่างถูกดำเนินคดีในสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (2 ก.ย.) ซึ่งรวมถึงความผิดฐานจับคนเป็นตัวประกันจนถึงแก่ความตาย และสมคบคิดเพื่อสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย อเล็กซานดา โคตีย์ (Alexanda Kotey) เป็นหนึ่งในสองนักรบไอเอสที่ถูกทหารอเมริกันจับกุมได้ในอิรัก ก่อนจะนำตัวมายังสหรัฐฯ เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ระหว่างขึ้นศาลที่เมืองอเล็กซานเดรีย รัฐเวอร์จิเนีย โคตีย์ รับสารภาพต่อผู้พิพากษา ที.เอส.เอลลิส ว่า ได้สังหาร เจมส์ โฟลีย์ (James Foley) และสตีเวน ซ็อตลอฟฟ์ (Steven Sotloff) สองผู้สื่อข่าวชาวอเมริกัน รวมถึงเคย์ลา มุลเลอร์ (Kayla Mueller) และปีเตอร์ คาสซิก (Peter Kassig) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ แม้ความผิดทั้งหมดจะมีระวางโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต แต่รัฐบาลสหรัฐฯ เคยแจ้งต่อเจ้าหน้าที่อังกฤษไว้แล้วว่าอัยการจะไม่เสนอโทษประหารสำหรับ โคตีย์ ผู้พิพากษาเอลลิส ระบุว่า สหรัฐฯ และอังกฤษมีข้อตกลงเบื้องต้นว่าจะให้ โคตีย์…