ฟิลิปปินส์ห้ามสหรัฐนำอาวุธนิวเคลียร์เข้ามาติดตั้ง

Loading

  ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ประกาศว่า หากรายงานที่ว่า สหรัฐเตรียมประจำการอาวุธนิวเคลียร์ในฟิลิปปินส์ “เป็นความจริง” เขาจะยกเลิกข้อตกลงความร่วมมือทางทหารระดับทวิภาคี ที่เพิ่งต่ออายุกันเมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ว่าประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต กล่าวเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ว่าการประจำการอาวุธนิวเคลียร์ในฟิลิปปินส์ เป็นการดำเนินการซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างร้ายแรง และท่ามกลางกระแสข่าวที่กำลังแพร่สะพัด เกี่ยวกับการที่สหรัฐอาจนำอาวุธดังกล่าวเข้ามาในฟิลิปปินส์ หลังทั้งสองประเทศเพิ่งเห็นชอบขยายระยะเวลาบังคับใช้ข้อตกลงเยี่ยมเยืยนทางทหาร ( วีเอฟเอ ) “ออกไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน” ดูเตร์เตกล่าวว่า “หากเป็นความจริง” ฟิลิปปินส์จะยุติข้อตกลงทันที   President Rodrigo Duterte on Sunday said he would immediately terminate the Visiting Forces Agreement (VFA) between the Philippines and the United States the…

เพจตำรวจ เปิดขั้นตอนลำดับควบคุมฝูงชน เน้นเจรจา หากไม่เป็นผลถึงใช้กำลัง

Loading

    เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดขั้นตอนการควบคุมฝูงชน ระบุว่า เน้นการเจรจาและชี้แจง หากไม่เป็นผลจะพิจารณาใช้กำลังและเครื่องมือตามสถานการณ์ความรุนแรง ลำดับการควบคุมสถานการณ์ – ใช้เครื่องกระจายเสียง เพื่อแจ้งเตือนผู้ชุมนุม พร้อมๆกับการเจรจาต่อรอง     – ใช้โล่ดัน ในกรณีหากผู้ชุมนุมจะบุกรุกเข้ามา     – ใช้น้ำฉีด ควบคุมฝูงชน เพื่อยับยั้งความรุนแรง     – ใช้เครื่องกระจายเสียงระดับสูง (ทำให้หูดับ) เพื่อจะใช้เตือนผู้ชุมนุม ไม่ให้เข้าใกล้พื้นที่ต้องห้าม     – ใช้แก๊สน้ำตา เมื่อการเจรจาชี้แจงไม่เป็นผล ต้องเป็นการสั่งการของผู้บัญชาการเหตุการณ์ขึ้นไป การใช้กำลังหรืออุปกรณ์ ต้องเป็นการสั่งการของผู้บัญชาการเหตุการณ์ขึ้นไป พิจารณาใช้ อุปกรณ์ตามความรุนแรงของสถานการณ์ ไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับความรุนแรงของอุปกรณ์ มีแนวทางที่จะใช้เช่น แก๊สน้ำตา     – ใช้กระบอง กรณีไม่สามารถทำให้ฝูงชนรวมตัวอย่างสงบได้ จึงมีความจำเป็นต้องใช้อาวุธกระบองหรือกำลังทางร่างกาย    …

เปิดหลักสากล การใช้กระสุนยาง สลายการชุมนุม

Loading

  เปิดหลักสากล การใช้กระสุนยาง สลายการชุมนุม แนวปฏิบัติของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการใช้อาวุธร้ายแรงต่ำ ออกโดยคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชอาร์) โดยเอกสาร ระบุเอาไว้ถึง แนวปฏิบัติการใช้อาวุธวิถีโค้งที่มีแรงกระแทก (KINETIC IMPACT PROJECTILES) ซึ่งประกอบไปด้วย กระสุนยาง กระสุนพลาสติก กระสุนถุงถั่ว เป็นต้น       เอกสารระบุว่า สถานการณ์ที่อาจนำกระสุนยางมาใช้ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย กระสุนยางควรถูกใช้ในการเล็งยิงไปที่ช่องท้องส่วนล่าง หรือขา ของบุคคลที่ใช้ความรุนแรงเท่านั้น และเฉพาะกรณีที่เล็งเห็นว่ากำลังจะเกิดอันตรายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือสาธารณชน       ความเสี่ยงพิเศษ การเล็งไปที่หน้าหรือศีรษะอาจส่งผลให้ศีรษะแตกสมองได้รับบาดเจ็บ เกิดอันตรายต่อดวงตารวมไปถึงอาจก่อให้เกิดอาการตาบอดถาวร หรืออาจเสียชีวิตได้ การยิงกระสุนยางจากทางอากาศหรือที่สูง เช่น ระหว่างการชุมนุม มีแนวโน้มจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะยิงโดนศีรษะของผู้ชุมนุม การยิงไปที่ลำตัวผู้ชุมนุมอาจก่อให้เกิดอันตรายต่ออวัยวะสำคัญ และอาจทะลุลำตัวผู้โดนยิง โดยเฉพาะเมื่อยิงในระยะใกล้ ขนาดของลำกล้องและความเร็วของวิถีการยิง รวมไปถึงส่วนประกอบอื่น ล้วนส่งผลต่อการก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บและความรุนแรงของการบาดเจ็บนั้นทั้งสิ้น การใช้กระสุนยางที่จะเป็นไปตามหลักสากล ต้องเป็นการยิงจากกระสุนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 10 เซนติเมตรและยิงตรงไปยังเป้าเท่านั้น การยิงกระสุนลงพื้นอาจสร้างให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจยอมรับได้เนื่องจากความไม่แม่นยำของวิถีกระสุน       สถานการณ์ที่การนำกระสุนยางมาใช้อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย กระสุนยางไม่ควรยิงในโหมดอัตโนมัติ การยิงทีละหลายๆ…

มะกันระบุภาพดาวเทียมชี้ จีนซุ่มเคลื่อนย้ายขีปนาวุธ เตรียมพร้อมยิงนุกตอบโต้รุนแรงจากใต้ดิน

Loading

  ผู้เชี่ยวชาญอเมริกันระบุจีนดูเหมือนกำลังเคลื่อนย้ายขีปนาวุธนิวเคลียร์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีตอบโต้อย่างรุนแรงจากไซโลใต้ดิน สอดคล้องกับรายงานของเพนตากอนก่อนหน้านี้ ฮันส์ คริสเตนเซน ผู้เชี่ยวชาญอเมริกันที่เฝ้าสังเกตการณ์กองกำลังนิวเคลียร์ของรัสเซียและจีนมายาวนาน ระบุว่า ภาพถ่ายดาวเทียมเมื่อปลายปีที่แล้วบ่งชี้ว่า จีนเริ่มสร้างไซโลใต้ดิน 11 แห่งในสถานที่ฝึกอบรมด้านนิวเคลียร์ บริเวณตอนกลางของประเทศ เพิ่มเติมจาก 5 แห่งที่เริ่มสร้างก่อนหน้านั้น และเพิ่มจากไซโลที่มีอยู่เดิม 18-20 แห่งที่จัดเก็บขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) แบบ ดีเอฟ-5 ซึ่งเป็นขีปนาวุธรุ่นเก่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวบ่งชี้ว่า จีนกำลังพยายามตอบโต้ภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากอเมริกา ขณะที่ช่วงไม่กี่ปีมานี้วอชิงตันระบุว่า การพัฒนาศักยภาพนิวเคลียร์ของปักกิ่งเป็นเหตุผลสำคัญสำหรับอเมริกาในการทุ่มทุนนับแสนล้านดอลลาร์สร้างคลังแสงนิวเคลียร์ใหม่ในช่วง 2 ทศวรรษข้างหน้า อย่างไรก็ตาม คริสเตนเซนซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ที่ทำงานกับสหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน (Federation of American Scientists) สำทับว่า แม้จีนเพิ่มจำนวนไซโลไอซีบีเอ็มอีก 2-3 เท่า แต่ยังถือว่า น้อยมากเมื่อเทียบกับอเมริกาและรัสเซียที่มีไซโล 450 แห่ง และ 130 แห่งตามลำดับ ถึงแม้ไม่มีแนวโน้มว่า อเมริกากับจีนจะเปิดสงครามกัน แต่รายงานของคริสเตนเซนออกมาขณะที่สองชาติมีความขัดแย้งรุนแรงขึ้นตั้งแต่ประเด็นการค้าไปจนถึงความมั่นคงของชาติ และการยกระดับกองกำลังนิวเคลียร์ของจีนอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่สหรัฐฯต้องนำมาพิจารณา ในการตอบโต้ทางทหารต่อการดำเนินการก้าวร้าวของจีน เช่น ในไต้หวันหรือทะเลจีนใต้ ขณะเดียวกัน แม้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการวิเคราะห์ของคริสเตนเซน…

วุฒิสภาสหรัฐฯ สอบระบบรักษาความปลอดภัยอาคารรัฐสภาในวันเกิดเหตุจลาจล

Loading

  คณะกรรรมาธิการ 2 คณะของวุฒิสภาสหรัฐฯ เดินหน้าสอบสวนเหตุก่อการจลาจลบุกยึดอาคารเมื่อวันที่ 6 มกราคม โดยมุ่งเน้นไปที่ประเด็นความล้มเหลวด้านการรักษาความปลอดภัยและการบังคับใช้กฎหมายในเหตุการณ์ดังกล่าว โดยในวันอังคารตามเวลาในสหรัฐฯ คณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิและคณะกรรมาธิการด้านกิจการรัฐบาลวุฒิสภาเชิญผู้มีส่วนรับผิดชอบด้านการรักษาความปลอดภัยในวันเกิดเหตุ ซึ่งบางรายลาออกจากตำแหน่งไปหลังการจลาจลผ่านพ้นไป วุฒิสมาชิก เอมี โคลบูชา บอกกับผู้สื่อข่าวของ The Associated Press ว่า สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อกรณีที่ว่า หน่วยงานด้านการรักษาความปลอดภัยทั้งหลายมีการแบ่งปันข้อมูลก่อนเกิดเหตุอย่างไรบ้าง และประเด็นช่วงเวลาการส่งกองกำลังสำรองของรัฐเข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำรัฐสภา รวมทั้ง เรื่องของโครงสร้างการสั่งการของหน่วยงานทั้งหลายที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยของอาคารรัฐสภา ซึ่งมีส่วนทำให้การรักษาความปลอดภัยในวันเกิดเหตุล้มเหลว ส.ว. โคลบูชา กล่าวด้วยว่า คณะกรรมาธิการทั้งสองจะจัดให้มีการไต่สวนรับฟังข้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้อย่างน้อย 1 ครั้ง เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับการรับมือกับเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยกระทรวงกลาโหม กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และสำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐฯ (FBI) ด้วย เหตุจลาจลที่เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนมกราคม ระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ กำลังดำเนินกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งการนับคะแนนโดยคณะผู้แทนเลือกตั้งในแต่ละรัฐสรุปว่า โจ ไบเดน คือผู้ชนะและจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศต่อจาก โดนัลด์ ทรัมป์ โดยกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีเป็นผู้ก่อเหตุบุกเข้าอาคารรัฐสภา ทำลายทรัพย์สิน และปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่เหล่าสมาชิกรัฐสภาต้องหลบหนีออกจากห้องประชุมเพื่อความปลอดภัย ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลง พร้อมรายงานการเสียชีวิตของทั้งผู้ร่วมก่อเหตุและเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำรัฐสภา รวมทั้งหมด 5…

สุดแสบ! ฟิลิปปินส์รวบหญิงอิสลามิสต์ 9 คนเตรียม ‘ระเบิดฆ่าตัวตาย’ โจมตีทหาร

Loading

  กองทัพฟิลิปปินส์แถลงจับกุมหญิง 9 คนซึ่งมีแผนใช้ระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีฐานที่มั่นของทหารในภาคใต้ โดยพบว่าผู้ต้องหาส่วนใหญ่เป็นภรรยาม่ายและลูกสาวของพวกนักรบ “อาบูไซยาฟ” ซึ่งเป็นขบวนการก่อการร้ายที่เชื่อมโยงกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (19 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ความมั่นคงฟิลิปปินส์ได้จับกุมหญิงทั้ง 9 คน พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นอุปกรณ์ทำระเบิดหลายรายการ ระหว่างปฏิบัติการตรวจค้นบ้านหลายหลังบนเกาะโจโล (Jolo Island) ซึ่งเป็นแหล่งกบดานของพวกอาบูไซยาฟที่ถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีเป็นองค์กรก่อการร้าย “ผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นลูกสาวหรือภรรยาม่ายของนักรบอาบูไซยาฟที่เสียชีวิต และหลายคนมีความตั้งใจที่จะเป็นมือระเบิดพลีชีพ” พล.ต. วิลเลียม กอนซาเลซ ระบุในถ้อยแถลง “มันแสดงให้เห็นว่าพวกผู้ก่อการร้ายกำลังจนตรอก ถึงขั้นต้องยอมใช้สมาชิกในครอบครัวเป็นเครื่องมือตอบโต้เจ้าหน้าที่ความมั่นคง” ร้อยโท เจอร์ริกา มานองโด เผยกับเอเอฟพีว่า หญิงเหล่านี้ถูกทางการเพ่งเล็งมานานแล้ว เนื่องจากคอยสนับสนุนทางด้านการเงินหรือโลจิสติกส์แก่ญาติที่ก่อความไม่สงบ และพวกเธอยังมีแผนใช้ระเบิดแสวงเครื่องโจมตีทหารด้วย ผู้ต้องหา 3 คนเป็นลูกสาวของ ฮาติบ ฮาจัน ซาวาจาอัน (Hatib Hajan Sawadjaan) อดีตผู้นำกลุ่มอาบูไซยาฟซึ่งเสียชีวิตในเหตุปะทะกับทหารเมื่อเดือน ก.ค. ปีที่แล้ว โดยชายผู้นี้ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนวางแผนโจมตีโบสถ์โจโลเมื่อปี 2019 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 21 ราย ปฏิบัติการจับกุมล่าสุดนี้มีขึ้น หลังจากที่มือระเบิดหญิง 2…