ไต้หวันช้ำ! รบ.นิการากัว ‘ยึด’ อาคารสถานทูตเก่าเอาไปยกให้ ‘จีน’

Loading

  รัฐบาลนิการากัวเข้ายึดอาคารสถานทูตและอดีตสำนักงานการทูตของไต้หวัน โดยระบุว่า สถานที่เหล่านี้ “เป็นของจีน” แล้ว หลังจากประธานาธิบดีแดเนียล ออร์เตกา ตัดสัมพันธ์กับไทเป และสถาปนาความสัมพันธ์กับจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่จะเดินทางกลับไทเป คณะทูตไต้หวันได้แสดงเจตจำนงที่จะบริจาคอาคารเหล่านี้ให้เป็นทรัพย์สินของอัครสังฆมณฑลคริสต์คาทอลิกแห่งกรุงมานากัว (Roman Catholic archdiocese of Managua) ทว่า รัฐบาลออร์เตกา ประกาศเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26 ธ.ค.) ว่า การบริจาคดังกล่าว “ถือเป็นโมฆะ” และอาคารซึ่งตั้งอยู่ในย่านธุรกิจของกรุงมานากัวจะถูกยกให้จีน สำนักงานอัยการสูงสุดนิการากัวแถลงว่า การบริจาคดังกล่าว “เป็นความพยายามยักย้ายและอ้างสิทธิในทรัพย์สินที่ไม่ใช่ของพวกเขา” ด้านกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันออกมาประณาม “การกระทำที่ผิดกฎหมายร้ายแรงของรัฐบาลออร์เตกา” ทั้งยังบอกด้วยว่า รัฐบาลนิการากัวฝ่าฝืนธรรมเนียมการทูต หลังให้เวลาไต้หวันเพียง 2 สัปดาห์ในการนำคณะทูตทั้งหมดกลับประเทศ “ไต้หวันยังขอประณามรัฐบาลนิการากัวที่ขัดขวางการยกกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่คริสตจักรคาทอลิกแห่งนิการากัว” คาร์ลอส อาวีเลส ประมุขมิสซังแห่งมานากัว ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ ลา เพรนซา ว่านักการทูตไต้หวันคนหนึ่งได้เสนอจะยกอาคารดังกล่าวให้แก่โบสถ์คาทอลิกจริง “ซึ่งเราแจ้งเขาว่าไม่มีปัญหาหรอก แต่ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนทางกฎหมาย” กระทรวงการต่างประเทศนิการากัวได้ออกคำแถลงเป็นภาษาสเปนและอังกฤษ เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. โดยระบุ “ขอประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันและระงับการติดต่อหรือความสัมพันธ์ที่เป็นทางการทุกรูปแบบ” อีกทั้งยังย้ำว่า…

คาดคนร้ายปาบึ้มที่ ‘ปัตตานี’ ตอบโต้วิสามัญฯ 2 ศพ

Loading

  อีโอดีลงพื้นที่เก็บหลักฐาน หลังช่วงค่ำเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.คนร้ายขว้างระเบิดใส่บ้านประชาชนข้างฐาน ตชด.คาดโต้กรณีวิสามัญฆาตกรรม 2 ศพ 29 ธ.ค.2564 มีรายงานว่าเมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดของกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ได้เดินทางมาตรวจสอบและค้นหาพยานหลักฐานเหตุระเบิด เมื่อเวลา 19.10 น.วันที่ 28 ธ.ค. ร.ต.อ.อรรถชัย สุขสม รอง สว.(สอบสวน) สภ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุคนร้ายขว้างระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอม บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 84 บ.บ้านโต๊ะตีเต ม.2 ต.บาโลย อ.ยะหริ่ง ซึ่งอยู่บริเวณใกล้กับฐาน ตชด.ร้อย 444 หลังได้รับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและนำกำลังไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธีรพจน์ ยินดี ผกก. เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ได้กันพื้นที่บริเวณที่เกิดเหตุไว้เพื่อความปลอดภัย ตรวจสอบพบว่าหลุมระเบิดอยู่บริเวณหน้าบ้าน สะเก็ดระเบิดทำให้กระจกหน้าต่างหน้าบ้านแตก ผนังปูนหน้าบ้านมีร่องรอยจากสะเก็ดระเบิดหลายแห่งรวมไปถึงหลังคาบ้านอีกด้วย สอบสวนทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นของ นางอารียา ใหญ่อยู่ ซึ่งเวลานั้นทุกคนอยู่ภายในบ้าน ส่วนเจ้าหน้าตำรวจกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยตามปกติอยู่บริเวณทางเข้าฐาน ปรากฏว่าได้มีคนร้าย 2 คนขับขี่รถ จยย.มาจอดบนถนนห่างจากบ้านของนางอารียา ประมาณ…

ตำรวจฮ่องกงบุกค้นสื่อ ‘Stand News’ รวบ 6 ผู้ต้องสงสัย พร้อมนักร้องดัง ‘เดนิส โฮ’ ฐานเผยแพร่สื่อปลุกระดม

Loading

แพทริก แลม บรรณาธิการใหญ่ Stand News ถูกตำรวจฮ่องกงสวมกุญแจมือ และนำตัวไปยังสำนักงานของสื่อแห่งนี้ในย่าน Kwun Tong เพื่อทำการค้นหาหลักฐานต่างๆ เช้าวันนี้ (29 ธ.ค.)   ตำรวจความมั่นคงแห่งชาติฮ่องกงนับ 100 นายบุกค้นสำนักงานของ Stand News ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ที่มีจุดยืนสนับสนุนประชาธิปไตยเช้าวันนี้ (29 ธ.ค.) และมีการจับกุมผู้ต้องสงสัย 6 คน รวมถึงอดีตผู้บริหารและบรรณาธิการอาวุโส ฐาน “สมคบคิดกันเผยแพร่สื่อปลุกระดม” ปฏิบัติการล่าสุดของตำรวจฮ่องกงยิ่งกระพือความกังวลเกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพของสื่อในอดีตเกาะอาณานิคมอังกฤษ ซึ่งถูกส่งคืนให้จีนเมื่อปี 1997 ภายใต้คำรับรองของรัฐบาลปักกิ่งว่าจะให้อำนาจปกครองตนเองขั้นสูงแก่ฮ่องกงเป็นเวลาอย่างน้อย 50 ปี ตำรวจชี้แจงว่า ได้ปฏิบัติตามหมายค้นที่ระบุให้มีการ “ค้นหาและตรวจยึดสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง” “ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 200 นาย ได้เข้าร่วมในปฏิบัติการครั้งนี้ และการค้นหายังคงดำเนินอยู่” ข้อหาปลุกระดม (sedition) นั้น ไม่ถูกระบุเป็นความผิดอาญาตามกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่จีนนำมาบังคับใช้กับฮ่องกงเมื่อเดือน มิ.ย. ปี 2020 ทว่าคำพิพากษาของศาลฮ่องกงในระยะหลังๆ มักเปิดทางให้ภาครัฐอาศัยอำนาจตามกฎหมายความมั่นคงนำเอากฎหมายเก่ายุคอาณานิคมกลับมาใช้ ซึ่งรวมถึง Crime Ordinance…

วงจรปิดจับภาพชัดเจน พบ 2 คนร้ายวางระเบิดฐาน นปพ.ที่รือเสาะ

Loading

  เมื่อเวลา 06.15 น. วันที่ 29 ธันวาคม 2564 ร.ต.อ.คมสัน ทีฆกาญจน์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดที่บริเวณริมกำแพงรั้วด้านหลังของฐานปฏิบัติการหน่วยปฏิบัติการพิเศษ นราธิวาสที่ 21 ซึ่งตั้งอยู่บ้านบาเละ หมู่ 10 ต.รือเสาะ จึงพร้อมด้วย พ.ท.สุกฤษฐ์ กาญจนคลอด รอง ผบ.ฉก.นราธิวาส 46 เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดอโณทัย และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบที่บริเวณริมกำแพงข้างถนนซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายลอบวางระเบิด ถูกอานุภาพของระเบิดทำให้เสาปูนซีเมนต์ของกำแพงรั้วที่ก่อสร้างแบบสำเร็จรูปหัก 1 ต้น และมีแผ่นปูนซีเมนต์ที่หล่อเป็นกำแพงรั้วแตกหัก 2 แผ่น รวมทั้งซากเศษชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังก๊าซปิกนิก หนัก 20 กก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนนและพงหญ้ารกทึบริมทาง เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังนายนายนิติ ชัยภูมิ นายสถานีรถไฟรือเสาะ เพื่อขอตรวจสอบกล้องวงจรปิด เนื่องจากฐานปฏิบัติการของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ นราธิวาสที่ 21 ตั้งอยู่ในเขตของสถานีรถไฟรือเสาะ ซึ่งคาดว่าน่าจะสามารถบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บริเวณประแจเบอร์ 1…

บึ้มสนั่นกลางถนนในจะแนะ ขึ้นป้ายโจมตีสายลับสยาม

Loading

  คนร้ายลอบวางระเบิดถนนในหมู่บ้านในจะแนะ นราธิวาส ตูมสนั่นเป็นหลุมขนาดใหญ่ โชคดีไร้คนเจ็บ ส่วนอีก 2 พื้นที่มีแขวนป้ายผ้าเขียนข้อความขู่สายข่าวรัฐในคราบชาวบ้านหาของป่า-ล่าหมู่ป่า สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงตึงเครียดและมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 06.40 น.ของวันจันทร์ที่ 27 ธ.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านว่า มีเหตุก่อกวนโดยการแขวนป้ายผ้าพาดสายไฟฟ้าในพื้นที่ อ.จะแนะ จำนวน 2 จุด คือ 1.บ้านกาแย หมู่ 4 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ มีการแขวนป้ายผ้าที่มีข้อความเขียนว่า “เขตปลอดสายลับสยามในรูปแบบไทยพุทธยิงหมูป่า” 2.บ้านไอร์กรอส หมู่ 6 ต.จะแนะ อ.จะแนะ แขวนป้ายผ้าที่มีข้อความว่า “คำเตือนกองกำลังติดอาวุธที่จัดตั้งโดยรัฐสยาม ที่มาในคราบชาวบ้านหาของป่า “ นอกจากนี้ เมื่อช่วงค่ำของวันอาทิตย์ที่ 26 ธ.ค.64 มีระเบิดเกิดขึ้นกลางถนนสายชนบทในพื้นที่บ้านนือเปาะ หมู่ 4 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ แต่โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.จะแนะ ได้ประสานชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ…

สมช.เผย “บิ๊กตู่” ย้ำความปลอดภัยคนไทยมาก่อน มีแผนอพยพกรณีพม่า ตั้งศูนย์ดูแลตามหลักมนุษยชน

Loading

  เลขาฯ สมช. เผย นายกฯ ย้ำ ความปลอดภัยคนไทยต้องมาก่อนแจง มีแผนอพยพหากเมียนมาปะทะรุนแรง ชี้ ผู้หลบหนีภัยเกือบ 5 พันคน ด้านจังหวัดตั้งศูนย์อำนวยการฯ ประสานดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน วันนี้ (27 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงสถานการณ์ปะทะรุนแรงในเมียนมาและมีผู้อพยพเข้ามายังประเทศไทยด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก จำนวนมากว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นห่วง และสั่งการไว้แล้วว่าอาจจะมีเหตุการณ์สู้รบและปะทะกันรุนแรง ดังนั้นสิ่งแรกที่รัฐบาลต้องดูแลและดำเนินการคือ ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนไทยเป็นลำดับแรก ควบคู่ไปกับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามความจำเป็นหากมีเหตุรุนแรง ทางจังหวัดจะร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงได้เตรียมแผนอพยพประชาชนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว หากมีการหนีภัยเมื่อเข้ามาหน่วยงานความมั่นคงจะประสานตรงไปถึงรัฐบาลเมียนมาและหน่วยกองกำลังที่อยู่ตามชายแดน พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่หนีภัยเข้ามาตามแนวชายแดนในปัจจุบันยังไม่พบการติดเชื้อโควิด แต่ได้พูดคุยกับฝ่ายความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย รวมถึงกองกำลังในพื้นที่ จ.ตาก เรื่องการรับผู้หนีภัยความไม่สงบ ตามที่นายกฯ เป็นห่วงและกำชับ ให้มีการคัดกรอง หากพบว่ามีลักษณะเสี่ยงติดเชื้อ จะคัดแยกและแจ้งทางจังหวัดให้ดำเนินการรักษาต่อไป ทั้งนี้ สถานการณ์ล่าสุดยังมีสถานการณ์สู้รบในเมียนมา โดยมีผู้หนีภัยเข้ามาประมาณ…