แคสเปอร์สกี้หวั่นเหตุข้อมูลลูกค้าอีคอมเมิร์ซรั่วไหล ล่าสุดแนะองค์กร-นักชอปป้องกันรอบคอบ

Loading

แคสเปอร์สกี้ (Kaspersky) ออกแถลงการณ์กรณีข้อมูลแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรั่วไหลล่าสุด กระตุ้นทุกฝ่ายตื่นตัวรับมือเหตุข้อมูลลูกค้าอีคอมเมิร์ซรั่วไหล พร้อมแนะการป้องกันสำหรับองค์กรและลูกค้าทำได้ทันที นายเซียง เทียง โยว ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของแคสเปอร์สกี้ กล่าวถึงเหตุการณ์ข้อมูลลูกค้าอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยรั่วไหลล่าสุด ว่าในขณะที่เราพึ่งพาการชอปปิ้งออนไลน์มากขึ้น แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและการจองเซอร์วิสต่างๆ จึงเป็นเป้าหมายหลักสำหรับแฮกเกอร์ เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้มักมีข้อมูลของลูกค้าจำนวนมาก “แม้ว่าจะโชคร้ายที่เหตุการณ์ทั้งสองเกิดขึ้นใกล้กัน แต่สิ่งสำคัญที่ต้องหลีกเลี่ยงคือ ต้องตระหนักว่าอาชญากรไซเบอร์ไม่ได้มีกำหนดเวลาที่เป็นมงคลก่อนที่จะลงมือ แต่เมื่อสบโอกาสพบช่องโหว่ในระบบ ก็จะดำเนินการหาใช้ประโยชน์ทันที” Kaspersky ย้ำว่า การละเมิดข้อมูลสำหรับธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพียงครั้งเดียวมีมูลค่าสูงกว่า 1 ล้านดอลลาร์โดยเฉลี่ย ทำให้ธุรกิจต่างๆ สูญเสียโอกาสทางธุรกิจเพิ่มอีก 186 ล้านดอลลาร์หลังจากการละเมิดข้อมูล ในขณะที่รายงานสำรวจความเสี่ยงด้านความปลอดภัยด้านไอทีขององค์กรทั่วโลกโดยแคสเปอร์สกี้ พบว่า 84% ของธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้วางแผนที่จะเพิ่มงบประมาณด้านความปลอดภัยไอที แต่ก็ยังมีช่องว่างที่สำคัญสำหรับโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่โฮสต์โดยเธิร์ดปาร์ตี้ และความท้าทายในการโยกย้ายสภาพแวดล้อมเทคโนโลยีขั้นสูงที่ซับซ้อนมากขึ้น Kaspersky มองว่า ในเหตุการณ์การละเมิดข้อมูลของแพลตฟอร์มทั้งสองนี้ โซลูชันการรักษาความปลอดภัยเอ็นด์พอยต์และการใช้โปรโตคอลการโยกย้ายไอทีที่เหมาะสม จะช่วยให้ธุรกิจทั้งสองลดการละเมิดข้อมูลได้ ตัวอย่างเช่น โซลูชันการรักษาความปลอดภัยเอ็นพอยต์เป็นชั้นแรกของการป้องกัน และสามารถช่วยป้องกันการเข้าถึงระบบไอทีโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกประการหนึ่ง ธุรกิจไม่ควรดำเนินการตามกระบวนการดิจิทัลมากเกินไป การอัปเกรดอย่างต่อเนื่องและการเปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการใหม่อาจเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายมากขึ้นในการดำเนินธุรกิจและลูกค้า แต่ระบบใหม่จำเป็นต้องได้รับการบูรณาการให้เข้ากับสิ่งที่มีอยู่อย่างเหมาะสม หรือต้องมีนโยบายชัดเจนว่าข้อมูลจะไม่ถูกเก็บไว้ในโครงสร้างพื้นฐานเดิมอีกต่อไป ในภาพรวม Kaspersky เชื่อว่ากิจกรรมออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นทำให้อาชญากรไซเบอร์เคลื่อนไหวอย่างซ่อนเร้นมากขึ้น นี่คือเหตุผลที่บริษัทต่างๆ รวมถึงผู้ใช้งานทั่วไปควรตื่นตัวสูงสุดในช่วงเวลานี้ เราควรตั้งเป้าหมายที่จะปลูกฝังความรับผิดชอบเรื่องการจัดข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลขององค์กรภายในเครือข่ายภายในบ้าน ในทำนองเดียวกัน…

สหรัฐฯ – อิรัก ตึงเครียด! หลังเหตุจรวดโจมตีสถานทูตอเมริกันในกรุงแบกแดด

Loading

Security forces inspect the scene of a rocket attack at the gate of al-Zawra public park in Baghdad, Iraq, Nov. 18, 2020. Rockets struck Iraq’s capital on Tuesday with four landing inside its heavily fortified Green Zone. เกิดเหตุจรวดโจมตีบริเวณเขตอาคารสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงแบกแดด ในช่วงข้ามคืนวันอังคารที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดทางการทูตเพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ กับอิรัก หลังจากที่สหรัฐฯ เพิ่งจะประกาศถอนทหารอเมริกันอีก 500 นายออกจากอิรัก สื่อของอิรักรายงานว่า จรวดจำนวน 7 ลูกที่ยิงมาจากกลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนรัฐบาลอิหร่าน ตกลงในเขตปลอดภัยสูงสุด หรือ กรีนโซน ในกรุงแบกแดด โดยเชื่อว่ามีเป้าหมายโจมตีอาคารสถานทูตสหรัฐฯ…

เครื่องบินอีซีเจ็ต ผู้โดยสาร 186 ชีวิต หวิดชนโดรนที่อังกฤษ ห่างแค่ 3 ฟุต

Loading

เครื่องบินโดยสารสายการบินอีซีเจ็ต บรรทุกผู้โดยสาร 186 ชีวิต หวิดชนโดรนลำใหญ่ ที่อังกฤษ ห่างกันเพียงแค่ 3 ฟุต หลังเพิ่งทะยานขึ้นจากสนามบินในแมนเชสเตอร์ เมื่อ 17 พ.ย.63 เว็บไซต์ เดลี่เมล รายงาน เครื่องบินโดยสารของสายการบิน Easy Jet (อีซีเจ็ต) ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารนับ 186 คน หวุดหวิดจะชนกลางอากาศกับอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรนลำใหญ่ โดยมีระยะห่างกันเพียงแค่ 3 ฟุตเท่านั้น หลังจาก เครื่องบินโบอิ้ง แอร์บัส A320 ลำนี้ เพิ่งทะยานออกจากสนามบินในเมืองแมนเชสเตอร์ เพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงเอเธนส์ เมืองหลวงของกรีซ และกำลังบินที่ระดับความสูง 8,000 ฟุต ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ในคณะกรรมการว่าด้วยเหตุเข้าใกล้ทางอากาศซึ่งเป็นอันตรายของสหราชอาณาจักร (UK Airprox Board) เผยว่าจากการสอบสวน กัปตันและผู้ช่วยนักบินของสายการบินอีซีเจ็ต ได้เห็นโดรนลำใหญ่ซึ่งถูกส่งขึ้นบินโดยผิดกฎหมาย เพราะไม่ได้ขออนุญาต มุ่งหน้าตรงมาทางเครื่องบินโบอิ้ง แอร์บัส A 320 ที่กำลังบินด้วยความเร็ว 320 ไมล์ต่อชั่วโมง จนเกือบจะชนกัน เพราะมีระยะห่างแค่เพียง…

สหรัฐฯ ประกาศ “ความก้าวหน้าอันเป็นรูปธรรม” ในการต่อต้านภัยคุกคามความมั่นคงจากจีน

Loading

US Attorney General William Barr speaks on Operation Legend, the federal law enforcement operation, during a press conference in Chicago, Illinois, on September 9, 2020. (Photo by KAMIL KRZACZYNSKI / AFP) กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เผยว่า “มีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม” ในโครงการ “China Initiative” ที่เป็นความริเริ่มของรัฐบาลในการต่อต้านความพยายามของจีนในการก่อกวนความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศ ตามข้อมูลในแถลงการณ์ที่ออกมาในวันจันทร์ตามเวลาในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 2 ปีของการดำเนินโครงการดังกล่าว วิลเลียม บารร์ รัฐมนตรียุติธรรมกล่าวว่า ทางกระทรวงฯ ประสบความสำเร็จอย่างมากในการต่อต้านภัยคุกคามจากจีน แต่ย้ำด้วยว่า ยังมีหลายเรื่องที่ต้องดำเนินการอยู่ และกระทรวงยุติธรรมจะเดินหน้าจัดการกับผู้ที่ขโมย หรือเข้าถึง “ทุน” ทางปัญญาของสหรัฐฯ โดยไม่ถูกกฎหมายให้ได้ สหรัฐฯ…

ปากีสถานปิดถนนเข้าเมืองหลวง-ตัดสัญญาณโทรศัพท์ ป้องกันประท้วงต่อต้านฝรั่งเศสลุกลาม

Loading

Security vehicles park near shipping containers placed by authorities on a highway to stop supporters of the ‘Tehreek-e-Labaik Pakistan, a religious political party, entering into the capital during an anti-France rally in Islamabad, Nov. 16, 2020. กองกำลังรักษาความมั่งคงปากีสถานเข้าปิดล้อมถนนสายหลักที่เข้าสู่กรุงอิสลามาบัดในวันจันทร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนชาวมุสลิมหลายพันคนที่ชุมนุมประท้วงอยู่นอกเมืองเดินทางเข้าไปในเขตใจกลางกรุงอิสลามาบัด รายงานระบุว่า ชาวมุสลิมราว 5,000 คนซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มขวาจัด Tehreek-e-Labbaik Pakistan หรือ TLP เริ่มเดินขบวนเมื่อวันอาทิตย์ในเมืองราวัลพินดี นอกกรุงอิสลามาบัด โดยมีเป้าหมายมุ่งหน้าไปยังสถานทูตฝรั่งเศสในกรุงอิสลามาบัด เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านการตีพิมพ์ภาพการ์ตูนล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัด ในหนังสือพิมพ์ชาร์ลีเอ็บโด ในฝรั่งเศส บรรดาผู้ประท้วงพากันตะโกนคำขวัญต้านฝรั่งเศส และเรียกร้องให้ขับเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสออกจากประเทศ รัฐบาลปากีสถานได้ส่งกำลังตำรวจและทหารกองหนุนหลายพันคนเข้าควบคุมสถานการณ์…

พบประตูลับในสภาแดนผู้ดี เปิดไปเจอทางเดินอายุกว่า 300 ปี ตะลึงหลอดไฟยังเปิดติด

Loading

ภาพทางเข้าที่ถูกค้นพบในสภาสามัญของสหราชอาณาจักร (ภาพจาก AFP) นักประวัติศาสตร์ค้นพบประตูลับที่นำไปสู่ทางเดินในอาคารสภาสามัญ เชื่อว่าเคยมีนายกรัฐมนตรีและกลุ่มทางการเมืองเป็นผู้ใช้งาน โดยทีมค้นพบขณะกำลังบูรณะตัวอาคาร คาดว่าเป็นทางเดินที่มีอายุราว 360 ปีเลยทีเดียว รายงานจากสำนักข่าวบีบีซีอ้างอิงข้อมูลในการแถลงจากเว็บไซต์สภาแห่งสหราชอาณาจักรเปิดเผยเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ทางเดินนี้ถูกสร้างขึ้นสำหรับใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าชาร์ลสที่ 2 ในค.ศ. 1660 เพื่อให้แขกเดินทางเข้างานเลี้ยงในเวสต์มินสเตอร์ ฮอลล์ ซึ่งตั้งอยู่ข้างโถงสภาสามัญที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เดิมทีแล้วทางเดินนี้ถูกใช้โดยสมาชิกสภาและนักการเมืองในฐานะทางเข้าหลักมาสู่สภาแต่ภายหลังถูกปิดและถูกผนังหนาปิดทับอีกชั้น ผู้ใช้งานซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเวลานั้น อาทิ Samuel Pepys สมาชิกสภาที่โด่งดังจากบันทึกที่เขาเก็บไว้ ทางเดินนี้เคยถูกค้นพบเมื่อปี 1950 ขณะบูรณะอาคารซึ่งได้รับความเสียหายจากระเบิด หลังจากนั้นทางเดินก็ถูกปิดอีกครั้งจนมาถึงปัจจุบัน มาร์ก คอลลินส์ นักประวัติศาสตร์ที่ศึกษาด้านทรัพย์สินของรัฐสภากล่าวว่า พวกเขาเคยคิดว่าทางเดินถูกผนังปิดทับไปแล้วหลังจากยุคสงคราม ขณะที่ลิซ ฮาลลัม สมิธ ที่ปรึกษาด้านสถาปัตยกรรมและมรดกรัฐสภา ชี้ว่า การค้นพบล่าสุดทำให้เห็นว่า รัฐสภายังมีปริศนารอคอยการค้นพบอีกมาก ภายในทางเดินยังพบกราฟฟิตีเป็นอักษรที่น่าจะเขียนขึ้นด้วยดินสอโดยบุคคลที่เป็นผู้ปิดทางเดินทั้งสองฝั่ง อักษรช่วงหนึ่งจารึกไว้ว่า “ห้องนี้ถูกปิดโดยทอม พอร์เตอร์ ผู้ซึ่งนิยมชมชอบในเอล(เครื่องดื่ม)เก่าๆ เป็นอย่างมาก”  ทีมยังพบสิ่งน่าประหลาดใจอีกอย่างคือ หลอดไฟที่น่าจะติดตั้งไว้ตั้งแต่ยุค 50s ยังใช้งานได้อยู่ หลอดไฟขนาดใหญ่มีจารึกสีทองข้อความว่า “ทรัพย์สินของรัฐบาล” (HM Government Property) ดร. คอลลินส์ ยังเผยว่า ทีมศึกษาสนใจค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาที่ไปของหลอดไฟอันแสนทนทานนี้ด้วย…