สังคมโลก : มุดจีมา

Loading

  มือมีดที่บุกแทงคนในรถไฟใต้ดินที่แน่นขนัด หรือคนร้ายที่ไล่แทงผู้อื่นอย่างดุเดือดกลางถนน ฝันร้ายเหล่านี้ปรากฏขึ้นในจิตใจของชาวเกาหลีใต้จำนวนมาก หลังเกิดเหตุแทงประชาชนหลายคนอย่างน้อย 2 เหตุการณ์ ภายในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา   ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 21 ก.ค. ชายคนหนึ่งใช้มีดไล่แทงประชาชนที่สัญจรไปมาในเมืองหลวง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 คน โดยในภายหลัง ผู้ก่อเหตุบอกกับตำรวจว่า เขาใช้ชีวิตอย่างทนทุกข์ และอยากทำให้คนอื่นเป็นทุกข์เหมือนกัน   หลังจากนั้นในวันที่ 3 ส.ค. ชายคนหนึ่งในเมืองซองนัม ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงโซล ขับรถพุ่งชนคนเดินถนน บริเวณใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน ก่อนลงจากรถแล้ววิ่งเข้าไปในห้างสรรพสินค้า และก่อเหตุไล่แทงประชาชน 9 คน หนึ่งในนั้นเสียชีวิตในเวลาต่อมาซึ่งหลักฐานเผยให้เห็นว่า เหตุอุกอาจครั้งนี้อาจเป็นการเลียนแบบชายคนก่อนหน้า   KOREA NOW   ในเกาหลีใต้ “มุดจีมา” ซึ่งมีความหมายว่า “อย่าถาม” สื่อถึงการกระทำความรุนแรงที่ไม่สามารถอธิบายได้ต่อคนแปลกหน้า โดยผู้ก่อเหตุไม่มีความเชื่อมโยงส่วนตัวกับเหยื่อ หรือแรงจูงใจที่ชัดเจน   ชาวเกาหลีใต้เรียกอาชญากรรมเหล่านี้ว่า มุดจีมา (Mudjima)…

รวมเรื่องที่นายจ้างต้องรู้ ถ้าพนักงานใช้ AI ช่วยทำงาน ก่อนข้อมูลบริษัทรั่ว

Loading

  รวมเรื่องที่นายจ้างต้องรู้ ก่อนข้อมูลรั่วไม่รู้ตัว ถ้าพนักงานใช้ AI ช่วยทำงาน เพราะผลสำรวจล่าสุดบอกพนักงานเริ่มใช้ปัญญาประดิษฐ์มากขึ้น   ผลสำรวจของ Reuters/Ipsos พบว่า พนักงานจำนวนมากทั่วสหรัฐฯ เริ่มหันไปใช้ ChatGPT เพื่อช่วยงานพื้นฐาน ได้แก่ การร่างอีเมล การสรุปเอกสาร และการทำวิจัยเบื้องต้น   โดยการสำรวจความคิดเห็นของ Reuters/Ipsos มาจากผู้ใหญ่ 2,625 คนทั่วสหรัฐอเมริกามีช่วงความน่าเชื่อถือซึ่งเป็นการวัดความแม่นยำประมาณ 2 จุดเปอร์เซ็นต์   จากการทำแบบสำรวจออนไลน์เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระหว่างวันที่ 11-17 กรกฎาคม พบว่า •  28% บอกว่าพวกเขาใช้ ChatGPT ในที่ทำงานเป็นประจำ •  25% ไม่ทราบว่าบริษัทของพวกเขาอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีนี้หรือไม่ •  22% นายจ้างอนุญาตให้ใช้ืหากเป็นอุปกรณ์ภายนอกอย่างชัดเจน •  10% ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่าเจ้านายของพวกเขาห้ามเครื่องมือ AI ภายนอกอย่างชัดเจน   ChatGPT กลายเป็นแอปที่เติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์หลังจากเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน ปี 2565…

รวม 7 ข้อมูลสำคัญที่รัฐบาลจีนปกปิด กังวลเสียเปรียบให้สหรัฐ

Loading

  บลูมเบิร์ก รวบรวม 7 ข้อมูลสำคัญที่รัฐบาลจีนปกปิด เมื่อเห็นว่าข้อมูลดังกล่าวมีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ และอาจทำให้จีนเสียเปรียบสหรัฐ   สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า การระงับเปิดเผยข้อมูลอัตราการว่างงานคนหนุ่มสาวจีนในสัปดาห์นี้ เป็นการระงับข้อมูลล่าสุดของประเทศยักษ์ใหญ่ในเอเชีย ที่มักปกปิดข้อมูลอ่อนไหว โดยเฉพาะข้อมูลที่ไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง   จีนประสบกับภัยคุกคามมากมาย ที่ส่งผลต่อการขยายเศรษฐกิจให้เติบโตตามเป้าในปีนี้ จึงเริ่มไม่เปิดเผยข้อมูลสำคัญต่อสาธารณะ และการต่อสู้ทางอุดมการณ์ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กับสหรัฐ ทำให้รัฐบาลปักกิ่งหวงข้อมูลมากขึ้น เพราะเชื่อว่าอาจสร้างความได้เปรียบให้กับรัฐบาลโจ ไบเดนได้   7 ข้อมูลสำคัญของจีนที่ถูกระงับเผยแพร่ มีดังนี้   1. ปกปิดอัตราว่างงานคนหนุ่มสาว อัตราการว่างงานคนหนุ่มสาวช่วงอายุ 16-24 ปี แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 21.3% เมื่อเดือนมิ.ย. ซึ่งหนุ่มสาวจีน 1 ใน 5 ไร้งาน ถือเป็นปัญหาต่อพรรคคอมมิวนิสต์ ที่ต้องการสร้างเสถียรภาพทางสังคม   การระงับข้อมูลชนิดนี้ รัฐบาลอ้างว่ามีความจำเป็นต้องหาวิธีประเมินใหม่ เพราะการคำนวณอัตราการว่างงานมีความซับซ้อน รัฐบาลคิดว่าธรรมชาติของเศรษฐกิจ และรูปแบบแรงงานเปลี่ยนแปลงไป ทำให้การคำนวณอัตราการว่างงานคนกลุ่มนี้ไม่สะท้อนความเป็นจริง จึงเกิดข้อสงสัยมากมายต่อความเคลื่อนไหวนี้   อย่างไรก็ตาม…

รู้จัก N-Day ไวรัสแฝงบน Chrome ที่ Google แก้เผ็ดด้วยการอัปเดตทุกสัปดาห์

Loading

  จำนวนผู้ใช้งาน Chrome ที่มีกว่า 3,000 ล้านคนทั่วโลก กลายเป็นเรื่องสำคัญ Google จำเป็นต้องเพิ่มความปลอดภัย ล่าสุด Google เรียกความมั่นใจจากผู้ใช้งานว่า Chrome ปลอดภัยจากช่องโหว่ Zero-day และ n-day แล้ว   การใช้ประโยชน์จาก N-day คืออะไร   Amy Ressler ทีมรักษาความปลอดภัยของ Chrome เล่าว่า ช่องโหว่ N-day คือการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของโปรแกรมระหว่างที่กำลังแก้ไขปัญหา ผ่านทางโครงการที่ชื่อ Chromium ซึ่งเป็นโอเพ่นซอร์สที่เปิดให้ทุกคนแอบดูซอร์สโค้ดเพื่อนำไปใช้ในการร่วมกันปรับปรุงและแก้ไขไวรัส   แต่มีคนดีก็ต้องมีคนร้าย ซึ่งคนร้ายแอบนำซอร์สโค้ดเหล่านี้ไปใช้แทรกซึมและแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ในช่วงที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์กำลังแก้ไขปัญหาและผู้ใช้งานรุ่นเบต้า จะฟีดแบ็กปัญหาต่าง ๆ กลับมา เมื่อได้รับการแก้ไข ก็ค่อยปล่อยออกสู่สาธารณะ   ซึ่งระหว่างนี้ อาชญากรไซเบอร์และผู้คุกคาม จะเอารุ่นเบต้าไปแอบปล่อยด้วยข้อความดึงดูดและหลอกลวงเพื่อหาผลจากช่องโหว่นั่นเอง   เมื่อมีการเปิดแพตช์ หรือตัวปรับปรุงแก้ไขสู่สาธารณะ ก็กลายเป็นช่องโหว่ให้กับผู้ใช้งานที่ไม่ได้ติดตั้งแพตช์ แฮ็กเกอร์ก็สามารถหาประโยชน์จากแพตช์ที่มีปัญหาเหล่านี้ได้อีก   นั่นจึงกลายเป็นที่มาของคำว่า “การแสวงหาผลประโยชน์แบบ…

วิธีปิดการเข้าถึง Location แอปบนแอนดรอยด์ เพื่อไม่ให้ถูกติดตามโดยไม่รู้ตัว

Loading

  วิธีปิดการเข้าถึง Location แอปบนแอนดรอยด์ เพื่อไม่ให้ถูกติดตามโดยไม่รู้ตัวกรณีอนุญาตให้แอปต่าง ๆ เข้าถึง Location ตามเราได้ทุกที่   ตอนนี้ Android เวอร์ชั่นใหม่ๆ จะต้องอนุญาตการเข้าถึง Location เข้าถึง Microphone , เข้าถึง กล้อง ดังนั้นเราต้องมาตรวจสอบผ่านการตั้งค่าบนมือถือว่ามีแอปไหนบ้างที่แอบเข้าถึง Location โดยไม่ได้อนุญาตจากเจ้าของเครื่อง   วิธีปิดการเข้าถึง Location แอปบนแอนดรอยด์   วิธีดูว่าแอปใดมีสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่ง Location บ้าง   iT24Hrs   ไปที่ การตั้งค่า แล้วเลือกที่ ตำแหน่ง   iT24Hrs   จะเห็นรายชื่อแอปที่เข้าถึง Location ล่าสุด คุณสามารถดูรายชื่อแอปทั้งหมดได้โดยแตะที่ ดูทั้งหมด     iT24Hrs   เช็กตรงอนุญาตตลอด ว่ามีแอปอะไรเข้าถึง Location อยู่เบื้องหลังบ้าง หากพบก็แตะแอปนั้น…

Account ในระบบคลาวด์ มากกว่าครึ่ง เสี่ยงถูกแฮ็ก

Loading

  ปัจจุบัน มีการใช้งานระบบคลาวด์ (Cloud) กันอย่างแพร่หลายในทั่วทุกมุมโลก ส่งผลให้เกิดปัญหาการคุกคามทางไซเบอร์จากผู้ไม่ประสงค์ดีซึ่งมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน   อีกทั้งองค์กรต่าง ๆ ยังคงต้องเผชิญกับสภาวะการขาดแคลนทักษะในตลาดแรงงานทางด้านคลาวด์อีกเป็นจำนวนมากถึง 2.7 ล้านคนทั่วโลก   การสำรวจเรื่องความปลอดภัยเกี่ยวกับการใช้งานระบบคลาวด์พบว่า องค์กรระดับโลกส่วนใหญ่ต่างพากันไม่มั่นใจในประสิทธิภาพของการควบคุมความปลอดภัยในระบบคลาวด์สาธารณะ (Public Cloud) แม้ว่าองค์กรนั้น ๆ จะมีการจัดเก็บข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนไว้บนนั้นก็ตาม   สำหรับกลุ่มเป้าหมายในการสำรวจครั้งนี้คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีและความปลอดภัยจากองค์กรต่าง ๆ ซึ่งผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า 2 ใน 3 หรือประมาณ 67% มีการจัดเก็บข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน หรือ เวิร์คโหลดไว้กับผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะ (Cloud Service Provider หรือ CSP)   นอกจากนี้ มีประมาณ 1 ใน 3 หรือ 31% ที่ยอมรับว่า ไม่มั่นใจ หรือมั่นใจเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับความสามารถในการปกป้องข้อมูลในระบบคลาวด์ และอีก 44% มีความมั่นใจในระดับปานกลางเท่านั้น   ในความเป็นจริงแล้ว CSP…