วิธีการและมาตรฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565

Loading

  ในอดีตที่ผ่านมา กฎหมายเกี่ยวกับเทคโนโลยีของประเทศไทยซึ่งมีอยู่มากมายหลายฉบับ ได้มีการกำหนดให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบหรือคณะกรรมการตามกฎหมายดังกล่าว กำหนดมาตรฐานทางเทคนิคในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้หน่วยงานอื่นของรัฐนำไปปฏิบัติอย่างมีมาตรฐานและมีความมั่นคงปลอดภัย อย่างไรก็ดี มาตรฐานเหล่านั้นโดยส่วนใหญ่ค่อนข้างมีความซับซ้อนในทางเทคนิคสูง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ปฏิบัติรวมถึงประชาชนทั่วไปประสบความยากลำบากในการทำความเข้าใจและไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างสอดคล้องครบถ้วน   ด้วยเหตุผลดังกล่าว พระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 ซึ่งตราขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การบริการประชาชนด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม นั้น นอกจากวัตถุประสงค์หลักในการรับรองผลทางกฎหมายของการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมตลอดทั้งการรับรองผลทางกฎหมายของเอกสารหรือหลักฐานในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและใช้เป็นหลักฐานได้ตามกฎหมาย แล้ว กฎหมายดังกล่าวยังได้วางรากฐานและกรอบแนวทางเกี่ยวกับวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์และมาตรฐานทางเทคนิคของการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ไว้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ความประหยัดคุ้มค่า และเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของหน่วยงานของรัฐ   โดยมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ฯ ได้บัญญัติให้คณะรัฐมนตรีกำหนดวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งรวมถึงมาตรฐานข้อมูลด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่หน่วยงานของรัฐจะต้องใช้และปฏิบัติให้สอดคล้องกัน เชื่อมโยงถึงกันได้ มีความมั่นคงปลอดภัย และประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก และมาตรา 19 กำหนดให้เป็นหน้าที่ของสี่หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ในการจัดทำและเสนอวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามีมติให้หน่วยงานของรัฐใช้และถือปฏิบัติ โดยจะจัดแบ่งวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นระยะเริ่มต้นและระยะต่อ ๆ ไปก็ได้ ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวต้องคำนึงถึงการเชื่อมโยงถึงกันโดยสามารถใช้อุปกรณ์และข้อมูลที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย   ปัจจุบัน คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม…

‘อีวีทัล (eVTOL)’ อากาศยานไร้คนขับสมรรถนะสูงจาก สจล.

Loading

  ‘อีวีทัล (eVTOL)’ อากาศยานไร้คนขับหรือยูเอวีพลังไฟฟ้า บินสำรวจพื้นที่ป่า 13 ล้านไร่ เตรียมเฟส 2 สำรวจชายฝั่งทะเลไทย ผลงานร่วมสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม   ‘อีวีทัล (eVTOL)’ เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ ขึ้นลงแนวดิ่ง ใช้พลังงานไฟฟ้า มี 3 ขนาด (ขนาด 2.2, 2.5 และ 3.3 เมตร ) เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ อุบัติภัยไฟป่า-น้ำท่วม และปัญหาสิ่งแวดล้อม โดย เฟสที่ 1 บินนำร่องสำรวจทำแผนที่ทรัพยากรป่าไม้ของไทยให้อัพเดท 11 อุทยานแห่งชาติ 13 ล้านไร่ มีสมรรถนะสูง บินสำรวจได้นาน 3 ชั่วโมง น้ำหนักเบาและเงียบ   สจล.ส่งมอบ 14 ลำ แก่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ค่าใช้จ่ายต่อวันถูกหลักพัน เมื่อเทียบกับใช้เฮลิคอปเตอร์หลักแสน ส่วนแผนงานเฟส 2…

FBI เปิดเอกสาร คดีขู่ลอบปลงพระชนม์ควีนเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อ 40 ปีก่อน

Loading

    FBI เผยเรื่องราวที่โลกไม่เคยรับรู้ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เคยทรงถูกขู่ลอบปลงพระชนม์เมื่อครั้งเสด็จเยือนสหรัฐฯ   เรื่องของการลอบสังหารบุคคลสำคัญของโลกเป็นเรื่องที่ปรากฏอยู่บ่อยครั้งในหน้าประวัติศาสตร์หรือในภาพยนตร์ โดยบ่อยครั้งมักไม่ค่อยมีการเปิดเผยรายละเอียดต่อสาธารณชน   ล่าสุด หน่วยงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ หรือ FBI เปิดเผยเรื่องราวที่โลกไม่เคยรับรู้มาก่อน นั่นคือเบื้องหลังการเสด็จเยือนสหรัฐฯ ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อราว 40 ปีก่อน เคยทรงถูกขู่ลอบปลงพระชนม์     ข้อมูลดังกล่าวได้รับการเปิดเผยจากเอกสารความยาว 103 หน้าถูกโพสต์ไปยัง The Vault หรือคลังข้อมูลออนไลน์ของ FBI ซึ่งรวบรวมรายละเอียดการเตรียมการสำหรับการเสด็จเยือนสหรัฐฯ หลายครั้งของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2   หนึ่งในนั้นคือการเสด็จเยือนชายฝั่งตะวันตกกับพระสวามี เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ เมื่อปี 1983 ซึ่งในเอกสารระบุว่า ราว 1 เดือนก่อนจะเสด็จมาเยือน เจ้าหน้าที่ตำรวจซานฟรานซิสโกได้รับโทรศัพท์จาก “ชายคนหนึ่งที่อ้างว่าลูกสาวของเขาถูกฆ่าตายในไอร์แลนด์เหนือด้วยกระสุนยาง”   เอกสารระบุว่า “ชายคนนี้อ้างว่า เขามีแผนจะทำร้ายสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และจะทำสิ่งนี้โดยการทิ้งวัตถุบางอย่างจากสะพานโกลเดนเกตลงบนเรือยอตช์รอยัลบริทาเนีย และจะพยายามลอบสังการพระองค์ขณะเสด็จประพาสอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี”  …

มข. ผลิตหลักสูตรเพิ่มแรงงานรับมือ ความปลอดภัยโลกไซเบอร์

Loading

    ม.ขอนแก่น ผนึก ฟอร์ทิเนท พัฒนาหลักสูตรที่มีความทันสมัยตอบโจทย์กระแสโลก ผลิตแรงงาน รับมือความท้าทาย ด้านความมั่นคงปลอดภัยโลกไซเบอร์   มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ บริษัท ฟอร์ทิเนท ซีเคียวริตี้ เน็ทเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด จัดพิธีลงนามความร่วมมือ ( MOU ) ระหว่างรองศาสตราจารย์สิรภัทร เชี่ยวชาญวัฒนา คณบดีวิทยาลัยการคอมพิวเตอร์ และคุณภัคธภา ฉัตรโกเมศ ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฟอร์ทิเนท โดยมีรองศาสตราจารย์ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นประธานและกล่าวต้อนรับ ณ วิทยาลัยการคอมพิวเตอร์ อาคารวิทยวิภาส มหาวิทยาลัยขอนแก่น   หลักสูตรการศึกษา กับทรัพยากรบุคคลด้านไซเบอร์   มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้นำยุทธศาสตร์ระดับชาติ และแนวโน้มกระแสคลื่นด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่สำคัญ โดยเฉพาะด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ มาเป็นกรอบแนวคิดและจัดทำยุทธศาสตร์ และมอบหมายนโยบายสำคัญ ให้วิทยาลัยการคอมพิวเตอร์ (College of Computing) ได้มีการพัฒนาหลักสูตรที่มีความทันสมัยตอบโจทย์กระแสโลกด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์   รองศาสตราจารย์ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น…

อยู่ไหนกันบ้าง? สำรวจฐานทัพสหรัฐทั่วโลก

Loading

    การเมืองไทยหลังเลือกตั้งยังไม่ลงตัว แต่คนไทยบางกลุ่มกังวลไปถึงความสัมพันธ์กับมหาอำนาจสหรัฐ กลัวว่าจะถูกแทรกแซงโดยเฉพาะประเด็นการตั้งฐานทัพ กรุงเทพธุรกิจชวนสำรวจฐานทัพสหรัฐทั่วโลกว่าอยู่ที่ไหนกันบ้าง   เว็บไซต์ thesoldiersproject.org รายงานว่า สหรัฐเป็นหนึ่งในประเทศท็อปไฟว์ ที่มีกองทัพใหญ่สุดและอาวุธดีสุดของโลก จึงไม่ต้องแปลกใจที่สหรัฐมีฐานทัพมากมายในต่างประเทศ ราว 750 แห่งใน 80 ประเทศ รองลงมาคือสหราชอาณาจักรแต่มีเพียง 145 แห่งเท่านั้น ตามด้วยรัสเซียราว 36 แห่ง ส่วนจีนมีเพียง 5 แห่ง นั่นเท่ากับว่า สหรัฐมีฐานทัพมากกว่าอีกสามประเทศรวมกันถึงสามเท่า ข้อมูลที่น่าสนใจมีดังนี้     หน่วยบัญชาการรบ (ขึ้นตรงกับสำนักงานใหญ่เพนตากอน)   สหรัฐมีหน่วยบัญชาการรบ 11 แห่ง ได้แก่   – หน่วยบัญชาการแอฟริกา คุ้มครองและปกป้องผลประโยชน์สหรัฐในประเทศแอฟริกา   – หน่วยบัญชาการกลาง เน้นตะวันออกกลาง   – หน่วยบัญชาการไซเบอร์   – หน่วยบัญชาการยุโรป เน้นยุโรป ยูเรเชีย…

สกมช. ร่วมกับ โคลสเตอร์สติลมีเดียร์ นำ 500 ผู้นำด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ทั้งจากประเทศไทยและเอเชีย-แปซิฟิค ร่วมเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกผ่าน Smart Cybersecurity Summit Thailand

Loading

    สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ร่วมมือกับ โคลสเตอร์สติลมีเดียร์ และ เอ็กซโปซิส เปิดสุดยอดการประชุมและนิทรรศการด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ “Smart Cybersecurity Summit Thailand 2023” ที่รวบรวมเหล่าผู้นำและผู้ใช้งานจริงด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ทั้งจากภาครัฐและเอกชนกว่า 500 ท่าน พร้อมด้วยบริษัทชั้นแนวหน้าในอุตสาหกรรมกว่า 30 บริษัทจากทั้งประเทศไทยและทั่วภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ที่มาอัปเดตข่าวสารล่าสุด รวมไปถึงเทรนด์ในอุตสาหกรรม พร้อมกับข้อมูลเชิงลึก ความรู้ประสบการณ์ กรณีศึกษา และแนวทางในการจัดการกับเหตุอาชญากรรมทางไซเบอร์ ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่ผ่านมา   จากสถิติพบว่าในประเทศไทย มีภัยคุกคามจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น ประเทศไทยประสบกับการเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ จาก 135 เหตุการณ์ในปี 2564 เป็นมากกว่า 772 ครั้งในปี 2565 การโจมตีทางไซเบอร์ 44,144 ครั้ง เป็นจำนวนที่น่าตกใจอย่างยิ่ง และเชื่อมโยงกับการทำงานจากระยะไกล และเกิดขึ้นภายในช่วงระยะเวลาเพียงสี่เดือนของปีที่แล้ว การโจมตีเหล่านี้สร้างความเสียหายหลายพันล้านบาทในแต่ละปี และไม่มีอุตสาหกรรมใดที่ปลอดภัย เนื่องจากภาคการศึกษา หน่วยงานรัฐบาล…