อินฟอร์’ แนะเคล็ดลับ ก้าวสู่ยุคใหม่ ‘เวิร์คฟรอมโฮม’
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชน ต่างต้องพิจารณาทำแผนการทำงานที่บ้าน หรือ “เวิร์คฟรอมโฮม” เพื่อลดความแออัด การเดินทาง และความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผลสำรวจโดย “การ์ทเนอร์” เมื่อเร็ว ๆ นี้ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้จะยังคงอยู่ตลอดไป โดยมีผู้บริหารองค์กรจำนวนสูงถึง 82% วางแผนให้พนักงานทำงานจากระยะไกลในอนาคต ฟาบิโอ ทิวิติ รองประธาน ประจำภูมิภาคอาเชียน บริษัท อินฟอร์ เปิดมุมมองว่า ปัจจัยสำคัญที่สุดประการหนึ่งที่องค์กรพึงตระหนักถึงในการจัดทำแผนกลยุทธ์ระยะยาว คือ “ต้องใช้กลยุทธ์ที่ครอบคลุมพร้อมประเมินความเป็นไปได้ระยะยาว” ซึ่งองค์กรต้องมองภาพรวมให้รอบคอบก่อนทำการตัดสินใจ ‘ทางเลือก‘ มากับ ’ความเสี่ยง’ เขากล่าวว่า ไม่มีใครทราบเลยว่า การแพร่ระบาดของโควิดจะสิ้นสุดลงเมื่อใด และโลกของการทำงานจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรหลังจากเหตุการณ์นี้ แต่ที่แน่ๆ รับรู้ได้ถึงผลกระทบและปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตนี้ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงมากมายที่ได้ประสบในช่วง 12-18 เดือนที่ผ่านมา ทั้งยังพบว่าการทำงานเสมือนจริงไม่ว่าจะเป็นแบบไฮบริดที่ทำงานจากบ้านหรือจากที่ใดก็ตาม หรือเข้าออฟฟิศทุกวันเต็มเวลาจะยังคงอยู่ต่อไปอีกนาน อย่างไรก็ดี ในมุมหนึ่งโควิดให้โอกาสพิสูจน์แนวคิดเรื่องการทำงานจากที่บ้านว่าเป็นไปได้จริงหรือไม่ จากการศึกษาล่าสุดของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดแสดงให้เห็นว่า พนักงานที่ได้รับอนุญาตให้เวิร์คฟอร์มโฮมมีความสามารถในการทำงานเพิ่มขึ้น เทียบได้กับการทำงานเต็มวันในทุกสัปดาห์ ยิ่งไปกว่านั้น ผลสำรวจเพิ่มเติมจากรายงานฉบับนี้ยังแสดงให้เห็นว่า เวิร์คฟรอมโฮมทำให้การลาออกของพนักงานลดลง 50% และมีการลาป่วยน้อยลงอีกด้วย ซึ่งสิ่งที่ตอกย้ำข้อเท็จจริงนี้คือการลดพื้นที่สำนักงานได้ช่วยประหยัดเงินค่าเช่าลงได้อย่างมาก ที่ผ่านมา กลยุทธ์และนโยบายการเวิร์คฟอร์มโฮมส่วนใหญ่เกิดจากการจัดการกับวิกฤติ ซึ่งข้อบ่งชี้ถึงการทำงานระยะยาวแบบนี้เห็นได้ชัดว่า…