แค่ไหนเรียก VIP? ‘เอกสิทธิ์ทางการทูต’ คืออะไร

Loading

ทำความรู้จักความหมายของ “เอกสิทธิ์ทางการทูต” จากกรณีครอบครัวทูตซูดานที่เดินทางเข้าไทยและมีสมาชิกคนหนึ่งติดโควิด-19 ใช้สิทธิทางการทูตเพื่อเลี่ยงการกักตัวในสถานที่ที่กำหนด จนเกิดเสียงวิจารณ์หนักถึงความไม่เท่าเทียมในการควบคุมโรคระหว่างสามัญชนกับทูต ขณะนี้ สังคมไทยกำลังให้ความสนใจกับ “เอกสิทธิ์ทางการทูต” ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษที่บรรดานักการทูต รวมถึงครอบครัวได้รับระหว่างเดินทางและพำนักในต่างประเทศ หลังเกิดกรณีที่บุตรสาววัย 9 ขวบของอุปทูตซูดานเดินทางเข้าไทยและถูกตรวจพบติดเชื้อโควิดที่สนามบิน แต่กลับเลี่ยงการกักตัวในสถานเอกอัครราชทูตของตนซึ่งเป็นสถานที่กักกันที่รัฐกำหนด โดยอ้างสิทธิทางการทูต และออกไปพักที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ จนล่าสุดกลายเป็นพื้นที่เสี่ยงโควิด-19 อีกรอบ ในวันอังคาร (14 ก.ค.) กระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงกรณีนี้ว่า การดูแลคณะทูตต่างประเทศที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย ขณะนี้จะต้องรักษาสมดุลตามอนุสัญญาเวียนนา และการควบคุมโรคของประเทศไทย ซึ่งจากกรณีบุตรสาวอุปทูตซูดาน ทำให้กระทรวงการต่างประเทศ ขอให้สำนักงานศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) หรือ ศบค. และ ศบค.ชุดเล็ก พิจารณาทบทวนมาตรการการเดินทางของคณะทูตใหม่ทั้งหมด เพื่อเพิ่มความเข้มข้นและให้เกิดความมั่นใจในการควบคุมโรคโควิด-19 “เราจะขอให้คณะทูตที่เดินทางเข้าประเทศไทย ต้องได้รับการกักตัวยังสถานที่ที่รัฐบาลกำหนด ซึ่งเป็นสถานที่กักกันทางเลือกที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง จากเดิมที่ต้องหาเชื้อโควิด-19 และ ให้กักตัวในพื้นที่สถานเอกอัครราชทูต เอง 14 วัน” นายเชิดเกียรติ อัตถากร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศระบุ และเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยจากการอ้างเอกสิทธิ์หรือความคุ้มกันทางการทูตในอนาคต ศบค. จึงมีมติทบทวนมาตรการผ่อนคลายมาตรการกักกันของบุคคลในคณะทูต โดยเฉพาะคู่สมรส บิดามารดา หรือบุตรของบุคคลดังกล่าว เอกสิทธิ์-ความคุ้มกันทางทูต/กงสุล คืออะไร ทำไมต้องมี เอกสิทธิ์และความคุ้มกัน (Privilege & Immunity) หมายถึง สิทธิประโยชน์และความคุ้มกันจากการถูกบังคับตามกฎหมายบางประเภทที่รัฐผู้รับให้แก่คณะผู้แทนทางทูตและตัวแทนทางทูต และเจ้าพนักงานกงสุลของรัฐผู้ส่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะผู้แทนทางทูตและเจ้าพนักงานกงสุลเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เอกสิทธิ์และความคุ้มกันของตัวแทนทางทูตและเจ้าพนักงานกงสุลจะเริ่มตั้งแต่ขณะที่บุคคลนั้นเข้ามาในอาณาเขตของรัฐผู้รับในการเดินทางไปรับตำแหน่งของตน และเมื่อการหน้าที่ของตัวแทนทางทูตและเจ้าพนักงานกงสุลยุติลง เอกสิทธิ์และความคุ้มกันจะสิ้นสุดลงขณะที่บุคคลนั้นออกไปจากประเทศของรัฐผู้รับ ทั้งนี้ เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางทูตและกงสุลมีอนุสัญญาที่เกี่ยวข้อง 2 ฉบับ ซึ่งในปัจจุบันมีสถานะเป็นกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ ได้แก่…

ทำไมเราจึงถือหนังสือเดินทางพิเศษและอพยพออกจากบ้านเกิด

Loading

เกรซ ชอย บีบีซี นิวส์ ฮ่องกง นับตั้งแต่จีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่มีความเข้มงวด ผู้คนก็เริ่มพูดคุยกันถึงกลยุทธ์การอพยพออกจากฮ่องกง มีชาวฮ่องกงมากถึง 3 ล้านคนที่สามารถอพยพออกไปได้โดยใช้หนังสือเดินทางสัญชาติบริติชโพ้นทะเล (British National Overseas–BNO) พวกเขาจะเลือกใช้แนวทางนี้อพยพออกไปจริง ๆ หรือไม่ แล้วคนที่เหลืออยู่จะทำอย่างไร ไมเคิลและเซเรนา ตัดสินใจเดินทางออกจากฮ่องกงเป็นการถาวร และไปลงหลักปักฐานในสหราชอาณาจักร ประเทศที่พวกเขาไม่เคยย่างเท้าไปเหยียบ สามีภรรยาคู่นี้มีหนังสือเดินทาง BNO ซึ่งออกให้กับชาวฮ่องกงที่ลงทะเบียนก่อนที่จะมีการส่งมอบฮ่องกงคืนให้แก่จีนในเดือน ก.ค. 1997 หนังสือเดินทางประเภทนี้มอบสิทธิ์ในการได้รับความช่วยเหลือด้านกงสุลหลายอย่าง สำหรับหลายคนการนำหนังสือเดินทางนี้ไปใช้ประโยชน์ดูเหมือนจะมีข้อจำกัดอยู่มาก แต่มันก็ช่วยให้เดินทางเข้าสหราชอาณาจักรและยุโรปได้ง่ายขึ้น คนบางส่วนจึงสมัครขอหนังสือเดินทางนี้ไว้ ชาวฮ่องกงจำนวนมากอาจจะคิดว่า ทำไมจะไม่ขอไว้ล่ะ ไมเคิลและเซเรนา เดินทางออกจากฮ่องกงพร้อมกับลูกสาววัย 13 ปี พวกเขาเป็นผู้จัดการธนาคาร และซื้อแฟลตหลังหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน การเดินทางออกมาจึงมีหลายอย่างที่ต้องสละทิ้ง มีการประท้วงที่รุนแรงหลายครั้งในฮ่องกงเมื่อปีที่แล้ว พวกเขาบอกว่า ฮ่องกงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว หลังจากต้องเผชิญกับการประท้วงยืดเยื้อนานหลายเดือนที่มีชนวนมาจากร่างกฎหมายที่เสนอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ได้ สิ่งที่สามีภรรยาคู่นี้มองเห็นคือ รัฐบาลที่ไม่ฟังเสียงประชาชน และตำรวจที่ใช้กำลังกับประชาชนโดยไม่มีการยับยั้ง ลูกสาวของพวกเขาได้รับผลกระทบอย่างมากจากการประท้วง แม้ว่าทางครอบครัวไม่ได้เข้าร่วมการประท้วงเพราะทั้งสองคนทำงานที่ธนาคารของจีนแห่งหนึ่ง ซึ่งพนักงานจะถูกไล่ออกหากเข้าร่วมประท้วง “ลูกโกรธและหงุดหงิดมาก เธอถาม ลูกถามตลอดว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ทางการถึงทำกับเราอย่างนั้น” เซเรนาเล่า เธอบอกว่าลูกสาวบอกกับเธอและสามีว่า…

อุปกรณ์พกพาเพื่อการตรวจหาการสัมผัสเชื้อในสิงคโปร์ ทำงานอย่างไร

Loading

ไซรา อาเชอร์ บีบีซี นิวส์ สิงคโปร์ อุปกรณ์ขนาดพกพาที่ชื่อ เทรซ ทูเกตเตอร์ โทเคน (Trace Together Tokens) คือเทคโนโลยีล่าสุดของสิงคโปร์ในการรับมือกับโควิด-19 อุปกรณ์ที่พกติดตัวได้นี้ช่วยให้แอปพลิเคชันตรวจจับการสัมผัสเชื้อไวรัสโคโรน่าที่มีการใช้งานอยู่แล้วทำงานได้ดีขึ้น ในการระบุตัวผู้ที่อาจจะติดเชื้อไวรัสจากผู้ที่มีเชื้ออยู่แล้ว ผู้ใช้งานต้องพกพาอุปกรณ์นี้ ซึ่งทำงานด้วยแบตเตอรีที่มีพลังงานสะสมถึง 9 เดือน เรื่องนี้สร้างความ “ตกตะลึง” แก่ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่ง หน่วยงานของรัฐบาลที่พัฒนาอุปกรณ์นี้ ทราบดีว่า อุปกรณ์ประเภทนี้ และเทคโนโลยีโดยทั่วไป ไม่ใช่ “ยาวิเศษ” ที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ แต่มันจะมาช่วยเสริมความพยายามในการตรวจจับการสัมผัสเชื้อของคน คนกลุ่มแรกที่จะได้รับอุปกรณ์นี้ไปใช้งานคือ ผู้สูงอายุหลายพันคน ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเอง โดยพวกเขาจะต้องแจ้งหมายเลขประจำตัวประชาชนและหมายเลขโทรศัพท์ เช่นเดียวกับผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน เทรซทูเกตเตอร์ (Trace Together) ถ้าผู้ใช้อุปกรณ์นี้ถูกตรวจพบว่าติดโรคโควิด-19 พวกเขาต้องส่งมอบอุปกรณ์คืนให้กระทรวงสาธารณสุข เพราะอุปกรณ์นี้ไม่สามารถส่งข้อมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้หมือนแอปฯ ดังกล่าว จากนั้น อุปกรณ์นี้ จะใช้ข้อมูลที่ถูกเก็บบันทึกไว้ ในการระบุตัวผู้ที่อาจจะติดเชื้อ เครื่องมือขนาดพกพาในกระเป๋ากางเกงได้นี้ทำงานโดยการสื่อสารทางบลูทูธกับเครื่องมือชนิดเดียวกัน หรือโทรศัพท์มือถือที่มีแอปฯเดียวกัน โดยเก็บข้อมูลการสื่อสารไว้ 25 วัน แล้วลบทิ้ง ถ้าผู้ใช้อุปกรณ์นี้ ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโรคโควิด-19 ต้องนำเครื่องนี้มาให้ทางการเพือตรวจสอบข้อมูลใเนครื่องว่าติดต่อกับใครบ้าง…

ทฤษฎีสมคบคิด (conspiracy theory): นัยของความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

ที่มาภาพ: https://www.dw.com/en/coronavirus-how-do-i-recognize-a-conspiracy-theory/a-53492563 Written by Kim ทฤษฎีสมคบคิด (conspiracy theory) อาจส่งผลให้เกิดการรวมกันของกลุ่มคนขาวผู้สูงส่ง (white supremacists) รวมทั้งกลุ่ม QAnon[1] และกลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่เห็นว่าไวรัส COVID-19 เป็นโอกาสเดียวที่จะต่อต้านบรรทัดฐานทางสังคมอย่างเฉียบพลัน สำหรับทฤษฎีสมคบคิดกลุ่มต่อต้านยิว (anti-Semitic conspiracy theories) ปรากฏตัวบนแพลตฟอร์มสื่อสังคมหลัก (mainstream social media) และซอกหลืบของอินเทอร์เน็ต ส่วนทฤษฎีสมคบคิดกลุ่ม 5G และการต่อต้านวัคซีนถูกใช้กระตุ้นให้เกิดความรุนแรงในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนา ทั้งนี้ การแพร่ขยายและการทำให้ทฤษฎีสมคบคิดเข้าสู่ภาวะเป็นปกติ (normalization) เนื่องจากความเชื่อมั่นต่อสื่อกระแสหลักลดน้อยลงหรือการผสานความเป็นพิษ ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ[2]           นับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของวิกฤติไวรัส COVID-19 รัฐและตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐ (non-state actors) ได้ผลักดันทฤษฎีสมคบคิดอย่างหลากหลาย โดยสร้างเรื่องเท็จเพื่อประณามศัตรูเก่า คุกคามผู้ที่ตน (คิดว่า) เป็นศัตรูใหม่และกล่าวโทษรัฐบาล มีประเด็นทับซ้อนทางความคิดระหว่างกลุ่มคนขาวผู้สูงส่งและกลุ่มต่อต้านรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเล่าผิด ๆ เกี่ยวกับ COVID-19 ทำให้กลุ่มดังกล่าวบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ ชุมชนคนขาวผู้สูงส่งเห็นว่า COVID-19 เป็นตัวเร่งให้เกิดการสร้่างเชื้อชาติสหรัฐฯที่บริสุทธิ์ กลุ่ม QAnon ซึ่งเป็นการรวมตัวแบบหลวม ๆ ของความเชื่อเกี่ยวกับวันสิ้นโลกและการจุติใหม่ของพระเยซูเห็นว่า COVID-19 จะทำให้เกิดการตื่นรู้ครั้งใหญ่ (Great Awakening) ส่วนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลมองว่า COVID-19 เป็นทฤษฎีสมคบคิดที่จะถอดถอนเสรีภาพของพลเรือนและเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐพันลึก (deep state) ที่จะขับไล่ประธานาธิบดีทรัมป์ออกจากตำแหน่ง สำหรับกลุ่มที่มีลักษณะคล้ายทหารและมีแนวคิด “สงครามกลางเมือง” เช่น ขบวนการBoogaloo เห็นว่า COVID-19 ทำให้มั่นใจว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะไม่ถูกช่วงชิงไป…

นานาชาติหวั่นใจการบังคับใช้กม.ความมั่นคงใหม่ของจีนในฮ่องกง

Loading

กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ที่รัฐบาลจีนอนุมัติให้ฮ่องกงมีผลบังคับใช้แล้ว ทำให้หลายฝ่ายเกิดความวิตกกังวลและกระวนกระวายใจ โดยเฉพาะกลุ่มนักเคลื่อนไหวและผู้ที่มีความเห็นต่าง ด้วยความกลัวบทลงโทษที่นำมาใช้จากนี้ไป สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ลงนามรับรองกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ ที่คณะกรรมาธิการสภาประชาชนแห่งชาติจีนมีมติอนุมัติใช้ในฮ่องกงในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น โดยรายงานข่าวระบุว่า หลังจากนี้ ทางการจีนจะเพิ่มเติมมาตรการใหม่ต่างๆ ของกฎหมายนี้เข้าไปในอนุรัฐธรรมนูญของฮ่องกงต่อไป นางแครี่ แลม ผู้บริหารเกาะฮ่องกง เผยว่า กฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในช่วงค่ำของวันอังคาร ซึ่งเป็นวันก่อนวันครบรอบ 23 ปีที่อังกฤษส่งมอบคืนเกาะฮ่องกงให้จีน กฎหมายฉบับใหม่ที่รัฐบาลกรุงปักกิ่งผ่านออกมาใช้งานในฮ่องกงนี้ มีจุดประสงค์เพื่อหยุดยั้งการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่ดำเนินมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่มีความผิดฐานพยายามแบ่งแยกดินแดน ล้มล้างการปกครอง ก่อการร้าย และสมคบคิดกับต่างชาติเพื่อทำการใดๆ สำนักข่าวซินหัว รายงานโดยอ้างคำพูดของ หลี่ จานชู ประธานคณะกรรมาธิการสภาประชาชนแห่งชาติจีน ว่า กฎหมายใหม่นี้ร่างออกมาตามหลักการของ “การลงทุนคนกลุ่มน้อยเพื่อปกป้องคนส่วนใหญ่” และเพื่อปกป้องและรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงระยะยาวของฮ่องกง ขณะที่ยังไม่มีใครได้เห็นรายละเอียดของกฎหมายความมั่นคงฉบับล่าสุดนี้ รายงานข่าวสื่อท้องถิ่น อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับกรณีนี้ว่า ผู้บริหารของฮ่องกงและหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติใหม่ที่รัฐบาลกรุงปักกิ่งตั้งขึ้นในฮ่องกงสามารถส่งตัวผู้กระทำความผิด “ร้ายแรง” ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงไปขึ้นศาลในจีนแผ่นดินใหญ่ได้ และว่าโทษของผู้กระทำความผิดนั้นเป็นการจำคุกที่เริ่มตั้งแต่ 3 ถึง 10 ปี รวมทั้งการจำคุกตลอดชีวิตในบางกรณีด้วย หลังมีการประกาศบังคับใช้กฎหมายใหม่ ตัวแทนกลุ่มเคลื่อนไหวด้านการเมืองที่เป็นที่รู้จักกันทั่ว อาทิ โจชัว หว่อง นาธาน…

คลื่นใต้น้ำของการประท้วงในสหรัฐฯ: ความน่ากลัวของพวกแหกคอก

Loading

ที่มาภาพ:https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/1/16/Virginia_2nd_Amendment_Rally_%282020_Jan%29_-_49416109936_%28cropped%29.jpg Written by Kim ขบวนการ Boogaloo[1] ของสหรัฐฯประกอบด้วยกลุ่มบุคคลที่ได้รับอิทธิพลหลากหลายมารวมกันด้วยความรังเกียจการบังคับใช้กฎหมายของรัฐ ขบวนการนี้เห็นด้วยกับสิทธิในการครอบครองอาวุธปืนเพื่อป้องกันตัว โดยตีความการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่สอง (2nd Amendment)[2] อย่างแคบและอำพรางตัวภายใต้การประท้วงเพื่อให้มลรัฐต่าง ๆ ยุติการปิดเมือง (reopen) ท่ามกลางการแพร่ระบาดของ COVID-19 รวมทั้งเข้าร่วมการประท้วงกรณีการเสียชีวิตของ George Floyd พลพรรคของขบวนการมีแผนก่อความรุนแรงเพื่อต่อต้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ การโจมตีครั้งล่าสุดใน Las Vegas โดยบุคคลสามคน (ถูกตรวจพบก่อน) และการกราดยิงที่ Santa Cruz และ Oakland โดยบุคคลซึ่งเรียกตัวเองว่า Boogaloo Bois นั้น ผู้ก่อเหตุทั้งหมดมีประสบการณ์ทำงานในกองทัพสหรัฐฯ[3] การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลสหรัฐฯในช่วงความสับสนของปี 2019 จนถึงช่วงน่าอับอายกลางปี 2020 โดยกลุ่มบุคคลผู้มีแนวคิดต่อต้านรัฐบาล อยู่ในช่วงเริ่มต้นของคลื่นใต้น้ำของเครือข่ายปฏิบัติการ Boogaloo (คำรหัส) หมายถึง “สงครามกลางเมือง” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง Breakin’2: Electric Boogaloo ที่ออกฉายช่วงกลางทศวรรษ 1980 บุคคลในขบวนการซึ่งเรียกตัวเองว่า “Boogaloo Bois” มักอ้างภึงภาพยนตร์ดังกล่าวประหนึ่งสงครามกลางเมืองครั้งที่ 2 (Civil War 2: Electric Boogaloo) ความแปลกแหวกแนวของขบวนการ Boogaloo ได้แก่ การสวมเสื้อเชิตฮาวาย แต่งกายด้วยเครื่องประดับ igloos[4] และใช้การ์ตูน memes[5] ขบวนการได้แต่งตั้ง Duncan Lemp หรือ Boogaloo Boi ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสังหารระหว่างการจู่โจมบ้านของเขาในมลรัฐ Maryland ให้มีสถานะเป็นไอคอนและผู้พลีชีพ เช่นเดียวกับพวก incels[6] ยกย่องบูชา Elliot Rodger[7] หรือพวกคนขาวผู้สูงส่ง…