บริการดิจิทัลหลังความตาย
ทุกวันนี้จะทำอะไรก็ผูกติดอยู่กับบริการดิจิทัล แม้แต่จะใช้จ่ายแล้วท่านเมตตาให้ไปขอลดหย่อนภาษีเงินได้ ก็ยังต้องอาศัยบริการดิจิทัลออกใบรับเงินให้อีก สารพัดบริการดิจิทัลเหล่านี้น่าจะยุติลงเมื่อคนนั้นละสังขารไปสู่สุขคติ แต่ในโลกยุค Genrative AI มีบางคนคิดถึงธุรกิจการให้บริการดิจิทัลหลังความตาย ตามไปขายบริการกันแม้ว่าตัวตนของคนนั้นในโลกนี้ไม่มีอีกแล้ว แต่ตัวตนดิจิทัลจะอยู่ต่อไปเป็นอมตะ ชิวิตดิจิทัลที่เป็นอมตะเป็นนิยายวิทยาศาสตร์กันมานานหลายปี ใคร ๆ ก็สามารถพูดคุยกับคนที่เสียชีวิตแล้วได้ ผ่านจอภาพสามมิติ วันนี้มีนับร้อยบริษัททั่วโลกที่พยายามจะสร้างบริการดิจิทัลทำนองนี้ขึ้นมา ตอนที่คนนั้นยังมีชีวิตก็ขายบริการสะสมข้อมูลเก็บไว้ พอเสียชีวิตไปแล้วก็ขายบริการให้ลูกหลานญาติมิตรได้มีโอกาสพูดคุยกับคนนั้นในภาพลักษณ์ที่น่าประทับใจ ไม่ใช่ภาพลักษณ์ตอนที่เจ็บป่วยทรุดโทรม พูดคุยกันได้ตราบเท่าที่ยังจ่ายค่าบริการ ซึ่งอาจกลายเป็นการสร้างรายได้จากข้อมูลเดิมขยายออกไปได้อีกเป็นปีหลังจากที่เจ้าของข้อมูลนั้นไปสู่สุขคติแล้ว ขายบริการดิจิทัลกันตั้งแต่ยังไม่เกิดจนกระทั่งอีกนับปีหลังจากที่จากโลกนี้ไปแล้ว ที่ดูเป็นธุรกิจน้อยหน่อย เป็นบริการจากโครงการวิจัยที่พยายามหาหนทางสะสมความเป็นตัวตนของคนเอาไว้ให้ใกล้เคียงกับคนที่เป็นเจ้าของข้อมูลนั้นมากที่สุด ถ้าเป็นข้อมูลทางกายภาพ ก็ไล่สะสมตั้งแต่ ดีเอ็นเอ ตามมาด้วยอีกสารพัดข้อมูลทางชีวภาพเกี่ยวกับคนนั้น สูงเท่าใด หนักเท่าใด ข้อมูลสุขภาพเป็นอย่างไร หน้าตาและรูปร่างเป็นอย่างไร ท่าเดินท่านั่งท่ายืนเป็นอย่างไร เสียงเป็นอย่างไร ซึ่งโครงการวิจัยนี้พยายามหาคำตอบว่าเก็บอะไรบ้าง เก็บมากแค่ไหน ถึงจะเพียงพอที่จะมีข้อมูลที่วันหน้าเมื่อเทคโนโลยีมีความพร้อม จะสังเคราะห์ตัวตนดิจิทัลที่มีกายภาพใกล้เคียงกับเจ้าของข้อมูลมากที่สุด แต่ที่ยุ่งยากกว่ามากคือจะต้องบันทึกข้อมูลใดไว้บ้างเพื่อที่จะเพียงพอสำหรับการสังเคราะห์ความนึกคิด จิตใจที่ใกล้เคียงกับคนนั้นขึ้นมาได้ ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้เอไอมาช่วยงานนี้แน่ ๆ และเอไอจะเก่งขึ้นเมื่อได้รับการฝึกฝนจากข้อมูลจำนวนมากขึ้น หลากหลายยิ่งขึ้น เลยกลายเป็นบริการสะสมข้อมูลกายภาพ และข้อมูลจิตใจ ให้กับคนที่สนใจอยากมีตัวตนดิจิทัลที่เป็นอมตะ…