แค่ขนดิน ทำไมถึงเดือดร้อน

Loading

คอลัมน์ ข้าราษฎร โดย สายสะพาย เป็นข้าราชการที่มีตำแหน่งหน้าที่ต้องระมัดระวังการใช้อำนาจหน้าที่ให้ดีครับ เรื่องนี้ไม่ได้โกงเป็นร้อยพันล้านหรอก แต่ใช้หน้าที่ในลักษณะผลประโยชน์ทับซ้อน จะขอข้อมูลข่าวสารไปใช้โต้แย้งถูกสอบสวนได้หรือไม่ ไปอ่านกันครับ นางสาวปีใหม่มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลตำบลหลักเมือง ถูกดำเนินการทางวินัยกรณีนำรถบรรทุกของเทศบาลไปขนหินลูกรังเพื่อถมที่ดินของเอกชนจนมีผู้ร้องเรียน จึงมีคำขอข้อมูลข่าวสารสำเนาคำร้องการร้องเรียนและเอกสารสรุปสำนวนรายละเอียดการสอบข้อเท็จจริง เพื่อเป็นหลักฐานการโต้แย้งสิทธิในการถูกสอบสวนทางวินัย ต่อมาเทศบาลตำบลหลักเมืองมีหนังสือแจ้งเปิดเผยหนังสือร้องเรียนเพราะเห็นว่าไม่กระทบการสอบสวนและบุคคลภายนอก แต่เอกสารบางส่วนต้องดำเนินการต่อทางวินัย จึงไม่เปิดเผย นางสาวปีใหม่จึงมีหนังสืออุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร เมื่อถึงเวลาพิจารณาผู้แทนเทศบาลตำบลหลักเมืองชี้แจงว่าได้รับแจ้งว่ามีรถบรรทุกของเทศบาลไปขนดินถมที่เอกชนโดยไม่ทราบว่าเป็นที่ดินของใครจึงสืบหาข้อเท็จจริงทราบว่ามีการขออนุญาตนำรถบรรทุกของกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมไปขนดินจริง โดยนางสาวปีใหม่ได้รับผลประโยชน์โดยตรงเนื่องจากนำหินลูกรังไปถมทำที่จอดรถของหอพักที่นางสาวปีใหม่กับบุคคลภายนอกลงทุนสร้างขึ้น คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเห็นว่าการกระทำดังกล่าวผิดวินัยอย่างร้ายแรง และขณะนี้อยู่ระหว่างการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย จึงสามารถเปิดเผยได้เฉพาะหนังสือร้องเรียนโดยปกปิดชื่อผู้ร้องเรียนให้แก่ผู้อุทธรณ์ แต่ปฏิเสธในส่วนของรายงานการสอบข้อเท็จจริงเพราะต้องนำไปใช้ต่อไปและมีถ้อยคำพยานอยู่หากเปิดเผยจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ คณะกรรมการวินิจฉัยฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อมูลข่าวสารรายงานการสอบข้อเท็จจริงกรณีนำรถบรรทุกของราชการไปขนดินถมที่เอกชนเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางวินัยซึ่งยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น การเปิดเผยอาจทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพหรือไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้ตามมาตรา 15 (2) จึงไม่ควรเปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าวในขณะนี้ วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ แปลว่ายังไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสารให้นางสาวปีใหม่ครับ กรณีนี้หากการสอบสวนดำเนินการเสร็จสิ้นทุกขั้นตอนแล้ว นางสาวปีใหม่ก็สามารถกลับไปมีคำขอใหม่ได้ครับ หากเทศบาลตำบลหลักเมืองเห็นว่าเรื่องเสร็จสิ้นแล้วก็อาจเปิดเผย หรือยังยืนยันไม่เปิดเผยก็สามารถอุทธรณ์ได้อีก คำวินิจฉัยอาจเป็นอีกแนวทางหนึ่งก็ได้ ที่มา: มติชนรายวัน : หนังสือพิมพ์คุณภาพ วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2560 ปีที่ 40 ฉบับที่ 14184 ลิงค์ :  http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01edu20100160&sectionid=0107&day=2017-01-10

ทำไมฉันเสียแพง

Loading

คอลัมน์ ข้าราษฎร โดย สายสะพาย หน่วยงานที่มีหน้าที่ในการพิจารณาอนุญาตอนุมัติหรือต้องเก็บภาษี ค่าธรรมเนียมต่างๆ จากประชาชน หลักเกณฑ์ต่างๆ เหล่านี้ควรเปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบโดยชัดเจนครับ เพื่อง่ายต่อการปฏิบัติและ ความโปร่งใสของหน่วยงาน ประชาชนจะได้สบายใจว่าได้รับการปฏิบัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องแล้ว เช่น กรณีเรื่องนี้ นางอุ้มเป็นเจ้าของอพาร์ตเมนต์ 52 ห้อง แน่นอนครับ ให้คนอื่นเช่า ได้ยื่นแบบเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน โดยเจ้าหน้าที่พิจารณาเอกสารที่นางอุ้มยื่นไว้ ประกอบรายงานการตรวจห้องว่างและราคาเช่าจากผู้พักของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน ประกอบกับข้อกฎหมายและหนังสือสั่งการที่เกี่ยวข้องแล้วจึงคิดค่าภาษีที่นางอุ้มต้องชำระเงินเป็นเงิน 211,150 บาท นางอุ้มไม่พอใจขอให้พิจารณาใหม่โดยอ้างว่ามีค่าบำรุงรักษา ค่าเสื่อมสภาพ แต่ถูกนำไปรวมในการคิดภาษี คณะกรรมการพิจารณาการประเมินใหม่เห็นว่าข้อโต้แย้งฟังไม่ขึ้น จึงแจ้งยืนยันไปว่าค่ารายปีและค่าภาษีที่พนักงาน เจ้าหน้าที่ประเมินกำหนดเหมาะสมแล้ว นางอุ้มจึงมีหนังสือไป 2 ฉบับขอเอกสารการยื่นแบบแสดงรายการภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ภ.ร.ด.2) หลักเกณฑ์การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินของตนเองและผู้ประกอบการบ้านเช่า ห้องเช่าทั้งหมดในเขตเทศบาล เพื่อตรวจสอบการคำนวณระหว่างอพาร์ตเมนต์ บ้านเช่าและห้องเช่าว่าแตกต่างกันอย่างไร ยุติธรรมและมาตรฐานเดียวกันหรือไม่ เทศบาลก็มีหนังสือชี้แจงไปว่าการจะขอตรวจสอบหลักเกณฑ์การประเมินนั้นควรเป็นกิจการประเภทเดียวกัน ซึ่งก็ได้แจ้งหลักเกณฑ์การคิดภาษีโรงเรือนและที่ดินให้นางอุ้มทราบไปแล้ว ส่วนเอกสารแจ้งรายการภาษีโรงเรือนและที่ดินของผู้ประกอบการรายอื่นทุกรายในเขตเทศบาลนั้นเทศบาลตำบลกุฎโง้งมีหนังสือไปหารือคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการว่าข้อมูลของผู้อื่นตามที่นางอุ้มขอจะเปิดเผยให้ได้หรือไม่ คณะอนุกรรมการตอบข้อหารือตามกฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการมีหนังสือตอบไปว่าเอกสารการแจ้งประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ภ.ร.ด.2) และหลักเกณฑ์การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินเป็นเอกสารการปฏิบัติงานตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถเปิดเผยได้ เพราะจะเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบความถูกต้อง และแสดงความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการของหน่วยงานของรัฐ ดังนั้นข้อมูลที่นางอุ้มมีคำขอจึงเปิดเผยได้ เรื่องแนวนี้เคยมีคำวินิจฉัยแล้วที่ สค.39/2556 ไปอ่านฉบับเต็มได้ครับ เรื่องนี้เทศบาลอื่นๆ ดูเป็นแนวทางการปฏิบัติได้ หากมีข้อสงสัยหารือไปได้…

น้ำที่คุณดื่ม สะอาดไหม?

Loading

เพื่อนผมคนหนึ่งทำงานอยู่ด้วยกันเคยบ่นครับว่าเบื่ออยู่กรุงเทพฯ เพราะแม้แต่น้ำดื่มก็ต้องซื้อ ก็เลยขอย้ายไปทำงานที่จังหวัดบ้านเกิด น้ำจึงมีความสำคัญต่อชีวิตและอนาคตอย่างนี้แหละครับ น้ำดื่มบรรจุขวดเกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 อย่างไร ไปดูกันครับ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรีได้รับหนังสือจากบริษัท ห้าง ร้านขวดกลมที่ประกอบธุรกิจบรรจุภัณฑ์และชุดทดสอบคุณภาพน้ำดื่มเพื่อขอข้อมูลรายชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ ผู้ประกอบการกิจการน้ำดื่ม น้ำแข็ง ในจังหวัดสระบุรี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรีในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่อนุญาตประกอบกิจการด้านอาหารจะสามารถเปิดเผยข้อมูลของผู้ประกอบกิจการน้ำดื่ม น้ำแข็งดังกล่าวให้ผู้ขอได้หรือไม่ และเปิดเผยอะไรได้บ้าง จึงมีหนังสือไปหารือคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ คณะอนุกรรมการตอบข้อหารือตามกฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการพิจารณาแล้วเห็นว่า ในมาตรา 11 วรรคสาม แห่ง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 บัญญัติว่า “ข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยงานของรัฐจัดหาให้ต้องเป็นข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่แล้วในสภาพพร้อมจะให้ได้ ไม่ต้องจัดทำใหม่…แต่หากเห็นว่าการขอนั้นมิใช่การแสวงหาผลประโยชน์ทางการค้าและเป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพสำหรับผู้นั้น หรือเป็นเรื่องที่จะเป็นประโยชน์แก่สาธารณะ หน่วยงานของรัฐจะจัดหาข้อมูลข่าวสารให้ก็ได้” ดังนั้น กรณีที่บริษัท ห้าง ร้านขวดกลมที่ประกอบธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ และชุดทดสอบคุณภาพน้ำดื่ม ขอข้อมูลรายชื่อผู้ประกอบกิจการน้ำดื่ม น้ำแข็ง ถ้าสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรีมีข้อมูลอยู่แล้วก็ให้ได้ แต่ก็ต้องพิจารณาด้วยว่า การขอข้อมูลข่าวสารอย่างนี้ ผู้ขอมีเหตุผลสมควรหรือไม่ ที่ขอหารือไปนั้นคณะอนุกรรมการฯเห็นว่า การขอเพื่อนำไปใช้ในการติดต่อเสนอขายผลิตภัณฑ์ ถือว่าเพื่อนำไปใช้ในการแสวงหาประโยชน์ทางการค้าและอาจมีผลกระทบต่อบุคคลอื่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรีสามารถใช้ดุลพินิจไม่จัดหาข้อมูล ไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามที่ขอให้แก่บริษัทขวดกลมได้ เรื่องนี้ก็ไม่ได้ตอบครับ ว่าน้ำที่เราดื่มสะอาดหรือไม่ ต้องเลือกซื้อและดู อย.กันเอง เพียงแต่บอกว่าการจะใช้กฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการไปใช้ในลักษณะง่ายต่อการทำธุรกิจนั้นไม่ได้ครับ ที่มา : วันที่…

กลุ่มรณรงค์เสรีภาพด้านข้อมูลข่าวสารวิพากษ์กรณีเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ได้รับเอกสารลับของคณะรัฐมนตรี

Loading

     ข้อมูลจากการระบุในเอกสารของรัฐบาลอังกฤษที่เพิ่งได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณะหลังจากมีการรณรงค์ต่อสู้ในเรื่องเสรีภาพในข้อมูลข่าวสารชี้ว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงได้รับสำเนาเอกสารลับสำหรับแจกจ่ายในคณะรัฐมนตรีของอังกฤษด้วย ขณะที่กลุ่มรณรงค์ที่ใช้ชื่อว่า รีพับลิค (สาธารณรัฐ) ที่ได้ข้อมูลดังกล่าวหลังจากทำการรณรงค์ต่อสู้เพื่อเสรีภาพในข้อมูลข่าวสารมาเป็นเวลาสามปี กล่าวว่าการเข้าถึงข้อมูลของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ดังกล่าวเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง      หนังสือที่เรียกว่า “พรีซีเดนท์ บุค (หนังสือแบบอย่างบรรทัดฐาน)” ของสำนักงานคณะรัฐมนตรีระบุว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระราชินี รัฐมนตรีและบุคคลอื่นอีกจำนวนหนึ่งเป็นผู้ได้รับเอกสารต่างๆ ของคณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการกระทรวงต่างๆ โดยหนังสือเล่มดังกล่าวถูกเขียนขึ้นในปี 2535 ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการดำเนินการเช่นนั้นมานานกว่า 20 ปีแล้ว      หนังสือระบุว่าเอกสารเหล่านั้นเป็นความลับมากจนต้องมีความระมัดระวังมากเป็นพิเศษกับการแจกจ่าย และรัฐมนตรีจะได้รับเอกสารด้วยตัวเอง บุคคลที่ได้รับบันทึกการประชุมคณะรัฐมนตรีประกอบด้วยพระราชินี เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ รัฐมนตรีทั้งหมด อัยการสูงสุดและวิปหรือผู้คุมเสียงในสภา      เนื้อหาสี่บทของหนังสือเล่มนี้ได้รับการเปิดเผยต่อกลุ่มรีพับลิคหลังจากสำนักงานคณะรัฐมนตรีล้มเหลวในการคัดค้านการเปิดเผยต่อสาธารณะ      กลุ่มรณรงค์ดังกล่าวได้ส่งจดหมายไปถึงนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน โดยเรียกร้องให้เขายุติการส่งเอกสารไปให้กับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์      จดหมายดังกล่าวระบุว่า “เป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์จะทรงสามารถล็อบบี้ข้อเสนอนโยบายใหม่ๆ ได้ ก่อนหน้าที่ประชาชนจะทันได้รู้ว่ามีข้อเสนอเหล่านั้นเสียอีก”      หัวหน้ากลุ่มรีพับลิค แกรห์ม สมิธ บอกว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรง “ไม่มีความจำเป็นที่ชอบธรรม” ที่จะได้เห็นเอกสารเหล่านั้น และเขาเรียกการปฏิบัติดังกล่าวว่า “ค่อนข้างไม่ธรรมดาและยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง”…

อ้างกฎหมายอะไรมาดักฟัง ดักรับข้อมูลข่าวสาร……

Loading

: จากบางส่วนของบทความ นายสุทัศน์ เงินหมื่น อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม น.ส.พ.มติชน/12 มิถุนายน 2543 คำถาม  กฎหมายใดให้อำนาจในการดักฟัง/ดักรับข้อมูลจากโทรศัพท์ และหากมีการดักฟัง/ดักรับข้อมูลจากโทรศัพท์โดยไม่ชอบ ผู้กระทำและการกระทำนี้มีผลตามกฎหมายอย่างไร คำตอบ   เนื่องจากมีกฎหมายหลายฉบับเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จึงเริ่มจาก ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 105  บัญญัติว่า จดหมาย ไปรษณียบัตร โทรเลข สิ่งพิมพ์หรือเอกสารอื่น ซึ่งส่งทางไปรษณีย์และโทรเลข จากหรือถึงผู้ต้องหาหรือจำเลย และยังมิได้ส่ง ถ้าเจ้าหน้าที่ต้องการเพื่อประโยชน์แห่งการสอบสวนไต่สวน มูลฟ้อง พิจารณา หรือการกระทำอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายนี้ ให้ขอคำสั่งจากศาลถึงเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์โทรเลขให้ส่งเอกสารนั้นมา ถ้าอธิบดีกรมตำรวจ หรือข้าหลวงประจำจังหวัดเห็นว่า เอกสารนั้นต้องการใช้เพื่อการดังกล่าวแล้ว ระหว่างที่ขอคำสั่งต่อศาล มีอำนาจขอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไปรษณีย์โทรเลขเก็บเอกสารนั้นไว้ก่อน บทบัญญัติแห่งมาตรานี้ไม่ใช้ถึงเอกสารโต้ตอบระหว่างผู้ต้องหา หรือจำเลยกับทนายความของผู้นั้น พระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ.2477 วัตถุประสงค์หลักของมาตรา 105  คือ ต้องการได้ข้อมูลการติดต่อสื่อสารของตัวจำเลยหรือผู้ต้องหา ด้วยเหตุว่า ข้อมูลการติดต่อสื่อสารนั้นเป็นประโยชน์ต่อการสืบทราบข้อเท็จจริงในการจะนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ     ความเหมาะสมในด้านสิทธิ/เสรีภาพของบุคคลของกฎหมายนี้ ต้องพิจารณา  2  เเง่ คือ 1. เพื่อประโยชน์ของรัฐในการดำเนินคดีอาญาขั้นการสืบสวน สอบสวน ไต่สวนมูลฟ้อง…