กกต. สหราชอาณาจักรเผยแฮ็กเกอร์ทำข้อมูลรั่ว หน่วยข่าวเชื่อเป็นฝีมือรัสเซีย

Loading

  คณะกรรมการการเลือกตั้งของสหราชอาณาจักรออกมาขอโทษกรณีพบการแฮ็กที่มีความซับซ้อนโดยใช้มัลแวร์เรียกค่าไถ่ในเดือนตุลาคม 2022 แต่การแฮ็กจริงเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2021 แล้ว   การแฮ็กนี้ทำให้ข้อมูลทะเบียนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีชื่อและที่อยู่ระหว่างปี 2014 – 2022 หลุดออกมา   สำนักข่าว The Times และ The Telegraph เผยว่าบรรดาหน่วยข่าวกรองของสหราชอาณาจักรพบหลักฐานที่เชื่อมยังการโจมตีเข้ากับรัฐบาลรัสเซีย   เซอร์ เดวิด โอมานด์ (Sir David Omand) อดีตผู้อำนวยการศูนย์สื่อสารรัฐบาล (GCHQ) ซึ่งเป็นหน่วยงานข่าวกรองสัญญาณของสหราชอาณาจักร เชื่อว่ารัสเซียน่าจะอยู่เบื้องหลังการโจมตีในครั้งนี้ เช่นเดียวกับ เซอร์ ริชาร์ด เดียร์เลิฟ (Sir Richard Dearlove) อดีตผู้อำนวยการ MI6 ที่กล่าวในลักษณะเดียวกัน   กรณีนี้ทำให้เกิดความกังวลว่า กกต. อาจไม่สามารถเข้าถึงรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แต่ทางองค์กรชี้ว่าความเสี่ยงที่การแฮ็กดังกล่าวจะส่งผลต่อการเลือกตั้งนั้นมีน้อยนิด เพราะลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทำด้วยกระดาษ   อย่างไรก็ดี ชอน แม็กแนลลี (Shaun McNally) ประธาน กกต.…

CAC ยกร่างกฎควบคุมการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า

Loading

  สำนักงานไซเบอร์สเปซจีน (CAC) เผยว่าได้ยกร่างกฎควบคุมความมั่นคงปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า   CAC ชี้ว่าต้องมีการควบคุมให้ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในจุดประสงค์เฉพาะและต้องมีความจำเป็นที่พอเหมาะ ภายใต้มาตรการเชิงป้องกันที่เข้มงวด   นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้ายังต้องได้รับความยินยอมจากปัจเจกบุคคล อีกทั้งยังควรใช้ระบบการยืนยันตัวตนที่ไม่ใช่ข้อมูลไบโอเมตริกซ์หากมีประสิทธิภาพเท่ากัน   ในร่างกฎของ CAC ยังห้ามการใช้อุปกรณ์ยืนยันตัวตนและการจับภาพในห้องพักโรงแรม ห้องน้ำสาธารณะ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และสถานที่อื่น ๆ ที่จะละเมิดความเป็นส่วนตัว   การติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ควรมีเป้าหมายเพื่อความปลอดภัยสาธารณะเท่านั้นและต้องมีป้ายเตือนที่เห็นเด่นชัดวางอยู่ใกล้ ๆ ด้วย     ที่มา   Reuters       ————————————————————————————————————————————————— ที่มา :                    แบไต๋                     /…

สหรัฐฯ ลั่นยังพร้อมแชร์ข่าวกรองให้ ‘ญี่ปุ่น’ หลังมีข่าวถูก ‘แฮ็กเกอร์จีน’ เจาะเครือข่ายไซเบอร์ทางทหาร

Loading

  กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยืนยันวานนี้ (8 ส.ค.) ว่ายังคงเชื่อมั่นและพร้อมที่จะแบ่งปันข่าวกรองให้ญี่ปุ่น หลังสื่อดังในอเมริกาออกมาแฉว่าหน่วยแฮ็กเกอร์ทางทหารของจีนได้ทำการเจาะเครือข่ายข้อมูลด้านกลาโหมที่เปราะบางที่สุดของญี่ปุ่นได้แล้ว   หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์เผยแพร่รายงานเมื่อวันจันทร์ (7) โดยอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และญี่ปุ่นทั้งอดีตและปัจจุบันซึ่งระบุว่า แฮ็กเกอร์ของกองทัพจีนได้เจาะเครือข่ายกลาโหมชั้นความลับของญี่ปุ่นเมื่อปี 2020 และสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับแสนยานุภาพทางทหารของกองกำลังญี่ปุ่น ตลอดจนแผนงาน และผลการประเมินข้อบกพร่องต่าง ๆ   ฮิโรคาซุ มัตสึโนะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุในงานแถลงข่าววานนี้ (8 ส.ค.) ว่า ญี่ปุ่นไม่สามารถยืนยันได้มีข้อมูลด้านความมั่นคงใด ๆ รั่วไหลออกไปหรือไม่   อย่างไรก็ตาม วอชิงตันโพสต์อ้างข้อมูลจากอดีตนายทหารสหรัฐฯ คนหนึ่งซึ่งยอมรับว่า ปฏิบัติการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งนี้จัดว่า “รุนแรงและเลวร้ายอย่างน่าตกตะลึง” และผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ (NSA) ถึงขั้นต้องบินไปโตเกียวเพื่อหารือกับรัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น ซึ่งขอให้ทางสหรัฐฯ แจ้งเรื่องนี้ให้นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นทราบ   วอชิงตันโพสต์ระบุด้วยว่า แม้ญี่ปุ่นจะยกระดับป้องกันความปลอดภัยของเครือข่ายข้อมูลกลาโหม แต่เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามหลายคนเชื่อว่ามาตรการเหล่านี้ “ยังไม่เพียงพอ” ที่จะสกัดหน่วยจารกรรมจีน และอาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการแชร์ข้อมูลข่าวกรองที่มากยิ่งขึ้นระหว่างเพนตากอนกับกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นในอนาคต   ล่าสุด ซาบรีนา ซิงห์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานของวอชิงตันโพสต์ โดยขอให้โตเกียวเป็นฝ่ายชี้แจงเอง แต่ย้ำว่าสหรัฐฯ…

พ่อลูก ‘ชาวไต้หวัน’ โดนจับข้อหาสอดแนมความลับให้จีน

Loading

  นักธุรกิจไต้หวันพร้อมกับลูกชาย ถูกฟ้องร้องในข้อหาจ้างวานทหาร 2 นาย ช่วยรวบรวมข้อมูลลับการฝึกซ้อมกองทัพไต้หวันครั้งใหญ่ให้กับจีน   สำนักข่าวเอเอฟพีอ้างสำนักอัยการสูงสุดไต้หวันรายงานว่า หลังจากนักธุรกิจไทเปแซ่ฮวงรายนี้ย้ายไปทำการค้าที่มณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ในปี 2558 เขาและลูกชายถูกเกลี่ยกล่อมจากเจ้าหน้าที่จีน ให้จัดหาเอกสารลับด้านความมั่นคงของไต้หวันให้กับจีน   “พ่อลูกคู่นี้ จงใจคุกคามความมั่นคงไต้หวัน และร่วมสร้างเครือข่ายล้วงความลับไต้หวันในเกาะไทเป เพื่อชักจูงใจทหารเกณฑ์ให้ทำงานด้วย” ใจความหนึ่งระบุในแถลงการณ์อัยการสูงสุดไต้หวันที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (7 ส.ค.)   พ่อลูกแซ่ฮวงสองคนนี้ ถูกตั้งข้อหาละเมิดกฎหมายความมั่นคงและกฎหมายความคุ้มครองความลับของไต้หวัน ส่วนทหารเกณฑ์ถูกตั้งข้อหาละเมิดประมวลกฎหมายอาญาของกองทัพไต้หวัน โทษฐานทุจริต   “ปัจจุบัน ทหารเกณฑ์สองคนนี้ทำงานให้กับหน่วยป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธของกองทัพอากาศไต้หวัน ซึ่งนักธุรกิจพ่อในคดีนี้ได้ขอให้พวกเขาลงนามในหนังสือความตกลงเพื่อแสดงความภักดีต่อปักกิ่ง”รายงานระบุ   หลังจากนั้นพวกเขาได้พยายามรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการฝึกซ้อมฮั่นกวง ซึ่งเป็นการซ้อมรบประจำปีที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวันเมื่อสองสัปดาห์ และเอกสารทางการทหารอื่น ๆ เพื่อแอบส่งมอบให้เจ้าหน้าที่จีนด้วยตัวเองหรือส่งผ่านทางโทรศัพท์มือถือ   อย่างไรก็ตาม สองสามปีที่ผ่านมาจีนกดดันทางทหารและการเมืองเกาะไทเปอย่างหนัก โดยอ้างว่าไต้หวันเป็นเขตปกครองตนเองของจีน ซึ่งได้สร้างความตึงเครียดระหว่างกันมากขึ้น       ————————————————————————————————————————————————— ที่มา :                 …

อิรักปิดกั้น Telegram ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงและความปลอดภัยของข้อมูล

Loading

  กระทรวงการสื่อสารอิรักเผยว่าได้ปิดกั้นแอป Telegram ด้วยข้ออ้างด้านความมั่นคงแห่งชาติ และความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล   สำนักข่าว Reuters ชี้ว่า Telegram ได้รับความนิยมในหมู่ชาวอิรักซึ่งใช้ในการสื่อสารและยังเป็นแหล่งข่าวสารและเนื้อหาต่าง ๆ   บางช่องบน Telegram ในอิรักมีข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมหาศาล ทั้ง ชื่อ ที่อยู่ และความสัมพันธ์เชิงครอบครัว   กระทรวงการสื่อสารเผยว่าได้เคยขอให้แอปปิดแพลตฟอร์มที่ปล่อยข้อมูลขององค์กรของรัฐและข้อมูลส่วนบุคคลของพลเมือง แต่ Telegram ไม่ตอบสนองต่อคำขอดังกล่าว     ที่มา Reuters         ————————————————————————————————————————————————— ที่มา :                    แบไต๋                   …

หน่วยข่าวกรองยูเครนจับกุมสายลับหญิงที่แอบส่งข้อมูล “เซเลนสกี” ให้รัสเซีย

Loading

ภาพ: รอยเตอร์   หน่วยข่าวกรองของยูเครนได้จับกุมตัวผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกตั้งข้อหาว่าพยายามรวบรวมข้อมูลการเดินทางของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี และพยายามส่งต่อข้อมูลเกี่ยวกับการทหารให้แก่รัสเซีย   สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติยูเครน (SBU) ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองของยูเครนได้เผยแพร่ภาพของผู้หญิงผมดำในชุดกระโปรงสีขาวดำถูกเจ้าหน้าที่ 2 คนควบคุมตัวไว้ โดยภาพดังกล่าวได้มีการเบลอใบหน้าผู้หญิงคนนี้ อย่างไรก็ตาม SBU ไม่ได้เปิดเผยชื่อของผู้หญิงคนดังกล่าว   SBU ระบุว่า ผู้ต้องสงสัยถูกจับกุมได้ในเมืองท่าทางตอนใต้ของภูมิภาคมิโคลาอิฟ (Mykolaiv) ซึ่งปธน.เซเลนสกีเดินทางไปครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ก.ค.   นอกจากนี้ SBU ยังระบุอีกว่า ผู้ต้องหารายนี้ยังพยายามค้นหาสถานที่ตั้งของระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ของยูเครนและคลังแสงใกล้กับเมืองโอชาคีฟ (Ochakiv) ซึ่งเป็นเมืองท่าที่อยู่ห่างจากมิโคลาอิฟ (Mykolaiv) ประมาณ 30 ไมล์   “สมาชิกของ SBU สามารถจับกุมคนทรยศได้คาหนังคาเขา ขณะที่เธอกำลังส่งมอบข่าวกรองให้กับผู้บุกรุก สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เราตัดสินใจเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเมื่อ ปธน.เซเลนสกีเดินทางเยือนในพื้นที่ต่าง ๆ ผู้หญิงคนดังกล่าวมาจากเมืองโอชาคีฟและเคยทำงานที่ร้านค้าในกองทัพที่ขายสินค้าให้กับทหารหน่วยหนึ่งในพื้นที่ของยูเครน โดยศาลได้อนุมัติการจับกุมเธอแล้ว และหากเธอถูกตัดสินว่ามีความผิด เธอจะต้องรับโทษจำคุกสูงสุด 12 ปี”   SBU ระบุในแถลงการณ์      …