พบมัลแวร์ Daam บน Android ขโมยข้อมูลได้หลากหลาย

Loading

  CERT-IN องค์กรความปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติของอินเดียได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับมัลแวร์ตัวใหม่ของ Android ที่มีความอันตรายชื่อว่า Daam   รายงานระบุว่า Daam สามารถหลบหลีกการตรวจจับจากซอฟต์แวร์ได้ สามารถขโมยข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน หรือแม้แต่ติดตั้ง Ransomware บนอุปกรณ์เป้าหมายก็สามารถทำได้เหมือนกัน   เมื่อไหร่ก็ตามที่มัลแวร์ Daam สามารถเข้าถึงเครื่องเป้าหมายได้แล้ว มันจะสามารถเข้าถึงและดึงข้อมูลที่เป็นความลับได้หลากหลาย เช่น ประวัติการท่องเว็บ บันทึกการโทร ข้อมูลติดต่อ ภาพและวิดีโอที่ถ่าย ข้อความ SMS และไฟล์ต่าง ๆ   มันทำงานโดยหลบเลี่ยงมาตรการรักษาความปลอดภัย ทำให้ระบบตรวจจับและถอนการติดตั้งได้ยาก จากนั้นข้อมูลที่ถูกขโมยจะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮ็กเกอร์ ส่วนเนื้อหาของอุปกรณ์จะถูกเข้ารหัสโดยใช้การเข้ารหัส AES โดยทิ้งไฟล์ “.enc” และไฟล์สำหรับเรียกค่าไถ่ที่มีชื่อว่า “readme_now.txt” เอาไว้ที่เครื่องด้วย   CERT-IN ได้ให้คำแนะนำวิธีป้องกันมัลแวร์ดังกล่าวโดยการไม่ติดตั้งแอปพลิเคชันจากแหล่งที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ พยายามหลีกเลี่ยงการ Side load แอปเอง รวมถึงตรวจสอบให้ดีว่าแอปที่ติดตั้งมีการร้องขอ Permission อะไรบ้าง     ที่มา Gizmochina    …

อาจารย์ฟิสิกส์เตรียมฟ้องกลับเอฟบีไอ หลังโดนมั่วจับกุมว่าเป็น ‘สปาย’ ของทางการจีน

Loading

    อาจารย์ชาวอเมริกันเชื้อสายจีน ผู้เคยโดนกล่าวหาว่าเป็นสายลับให้ทางการจีน ได้สิทธิฟ้องกลับหน่วยงานเอฟบีไอของทางการสหรัฐ ที่กล่าวหาเขาโดยไม่มีมูลความจริง   สีเซียวซิง อาจารย์มหาวิทยาลัยเทมเพิล เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย ผู้ซึ่งเคยโดนกล่าวหาว่า ทำหน้าที่เป็นสายลับให้ทางการจีนเมื่อหลายปีก่อน ได้สิทธิในการยื่นฟ้องร้องหน่วยสืบสวนกลางของสหรัฐ ที่กล่าวหาเขาโดยไม่มีหลักฐาน   เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ผู้พิพากษาแห่งศาลอุทธรณ์กลาง ตัดสินให้ สี ชนะการยื่นอุทธรณ์เพื่อขอฟ้องกลับหน่วยงานสืบสวนกลางของสหรัฐ หรือเอฟบีไอ ซึ่งเคยกล่าวหาและจับกุมเขาโดยปราศจากหลักฐานยืนยันข้อเท็จจริง อีกทั้งละเมิดสิทธิของครอบครัวของเขา ขณะบุกเข้าค้นที่พัก ยึดทรัพย์สินและสอดส่องตรวจตราโดยมิชอบด้วยกฎหมาย   เหตุการณ์ละเมิดสิทธิของครอบครัว สี เกิดขึ้นเมื่อปี 2558 ทางเอฟบีไอได้ส่งเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปยังบ้านพักของ สี ในฟิลาเดลเฟีย ใช้ปืนข่มขู่และไล่ต้อนคนในครอบครัวของเขา จากนั้นก็จับกุมเขาด้วยข้อหาเกี่ยวกับการฉ้อโกงและจารกรรมทางเศรษฐกิจหลายกระทง แต่กลับยกเลิกข้อกล่าวหาทั้งหมดในอีกหลายเดือนต่อมา   ในปี 2558 กระทรวงยุติธรรมกล่าวหา สี ซึ่งเป็นนักวิชาการด้านฟิสิกส์ว่า เขาเปิดเผยข้อมูลแผนพิมพ์เขียวของอุปกรณ์ทำความร้อนแบบพกพาให้บุคคลอื่นในประเทศจีน ซึ่งเป็นการผิดข้อตกลงห้ามเผยแพร่ข้อมูลที่เขาเคยเซ็นสัญญาไว้     แต่เมื่อเรื่องไปถึงศาล กลุ่มเพื่อนนักวิชาการฟิสิกส์ซึ่งขึ้นให้การชี้ว่า พิมพ์เขียวดังกล่าวไม่เข้าข่ายตามข้อตกลง เนื่องจากเป็นผลงานการประดิษฐ์ส่วนตัวของเขาเอง ซึ่งตามบันทึกให้การในศาลระบุว่า อุปกรณ์ทำความร้อนแบบพกพาที่ สี คิดขึ้นมานั้น…

นักคิดค้น ‘ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง’ ของรัสเซีย ถูกกล่าวหาลอบเผยความลับให้จีน

Loading

  ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์รัสเซียถูกจับกุมในข้อหาขายชาติ และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีความเร็วเหนือเสียงอีกสองคนถูกกล่าวหาว่าลักลอบเปิดเผยความลับให้แก่จีน จากการเปิดเผยของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่ได้ข้อมูลมาจากแหล่งข่าวใกล้ชิดเรื่องนี้   รอยเตอร์ระบุว่า อเลกซานเดอร์ ชิปลียุค ผู้อำนวยการสถาบันทฤษฎีและกลศาสตร์ประยุกต์คริสติอาโนวิช หรือ ITAM (Khristianovich Institute of Theoretical and Applied Mechanics) ในไซบีเรีย ต้องสงสัยว่ามอบเอกสารลับให้แก่จีนระหว่างการประชุมด้านวิทยาศาสตร์ในประเทศจีนเมื่อปี 2017   ผอ.ของ ITAM วัย 56 ปี ยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง พร้อมระบุว่า ข้อมูลที่เขาส่งมอบให้กับจีนนั้นไม่ใช่ข้อมูลลับและสามารถหาได้ทั่วไปตามอินเทอร์เน็ต อ้างอิงจากแหล่งข่าวซึ่งรอยเตอร์ไม่ขอเปิดเผยชื่อเนื่องจากกังวลด้านความปลอดภัย   ชิปลียุค ถูกจับกุมเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วโดยไม่มีการเปิดเผยถึงข้อกล่าวหาที่มีต่อเขาในตอนนั้น ซึ่งกรณีของชิปลียุคถือเป็นเหตุการณ์ล่าสุดที่มีนักวิทยาศาสตร์รัสเซียหลายคนถูกจับกุมในรอบไม่กี่ปีมานี้จากข้อกล่าวหาว่าลอบเปิดเผยความลับให้รัฐบาลจีน     ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย กล่าวถึงกรณีนักวิทยาศาสตร์รัสเซียถูกจับกุมว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงของรัสเซียติดตามตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการ “ทรยศมาตุภูมิ” โดยตลอด และถือเป็นหน้าที่สำคัญ   และเมื่อรอยเตอร์สอบถามไปยังกระทรวงการต่างประเทศจีนถึงข้อกล่าวหานี้ ได้รับคำตอบว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียอยู่บนพื้นฐานของการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่เผชิญหน้า และไม่เป็นเป้าหมายของบุคคลที่สาม   ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เน้นย้ำว่า…

หน่วยข่าวกรองเยอรมนีปวดหัว สายลับรุ่นใหม่ขอ Work From Home

Loading

    หน่วยข่าวกรองเยอรมนีกำลังประสบปัญหาขาดสายลับ หลังสายลับรุ่นใหม่ ๆ ยื่นเงื่อนไขในการทำงานว่า “ต้องสามารถ Work From Home ได้”   สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อพฤติกรรมหลายอย่างของผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะเรื่องของการทำงานที่หลายคนมีความคุ้นชินกับการทำงานที่บ้าน (Work From Home) หรือการทำงานทางไกล (Remote) มากขึ้น   อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกสายอาชีพที่จะสามารถทำงาน Work From Home ได้ เพราะงานบางอย่างก็ต้องเข้าไปทำในสถานที่ทำงานของตัวเอง หรือบ้างก็ต้องทำงานแบบลงพื้นที่     หนึ่งในนั้นคืออาชีพ “สายลับ” ของหน่วยข่าวกรองประเทศต่าง ๆ ซึ่งจะต้องคอยแฝงตัว แทรกซึม สืบหาข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติของตัวเอง และปกป้องความมั่นคงของชาติจากภัยคุกคามต่าง ๆ   แต่ที่ประเทศเยอรมนี หน่วยข่าวกรองเยอรมันกำลังประสบปัญหาการรับสมัครสายลับหน้าใหม่ เพราะด้วยวัฒนธรรมการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้สายลับรุ่นใหม่ยื่นเงื่อนไขในการทำงานว่า “ต้องสามารถ Work From Home ได้”  …

แรงมาแรงกลับ! ติ๊กต็อกยื่นฟ้อง ‘รัฐมอนทานา’ ค้านกม.แบนใช้แอป

Loading

    สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ติ๊กต็อก แอปพลิเคชันแชร์วิดีโอชื่อดังของบริษัทไบต์แดนซ์ ของจีน ได้ยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐเพื่อคัดค้านการที่รัฐมอนทานาผ่านร่างกฎหมายแบนไม่ให้ประชาชนของรัฐสามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันติ๊กต็อก   การยื่นฟ้องดังกล่าวมีขึ้นหลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐมอนทานากลายเป็นรัฐแรกของสหรัฐอเมริกาที่ประกาศผ่านร่างกฎหมายแบนติ๊กต็อก ท่ามกลางกระแสการเรียกร้องจากสมาชิกสภานิติบัญญัติและเจ้าหน้าที่รัฐให้มีการแบนแอปพลิเคชันติ๊กต็อกทั่วประเทศสหรัฐจากข้อกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของรัฐบาลจีนที่มีต่อติ๊กต็อก   ส่งผลให้ติ๊กต็อกยื่นฟ้องร้องต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐในรัฐมอนทานา โดยระบุว่าการแบนดังกล่าวซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 มกราคม ปี 2024 ได้ละเมิดบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 (First Amendment) ถึงสิทธิเสรีภาพในการพูด และเรียกร้องให้ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐประกาศให้การแบนแอปพลิเคชันติ๊กต็อกของรัฐมอนทานานั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญและสกัดกั้นไม่ให้รัฐมอนทานามีการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว   โฆษกของติ๊กต็อกกล่าวในแถลงการณ์ว่า “เราขอคัดค้านการแบนติ๊กต็อกของรัฐมอนทานาที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพื่อปกป้องธุรกิจและผู้ใช้งานติ๊กต็อกหลายแสนคนในรัฐมอนทานา” พร้อมกับระบุอีกว่าเราเชื่อว่าจะได้รับชัยชนะในการยื่นคัดค้านทางกฎหมายจากคำพิพากษาในอดีตและข้อเท็จจริงจำนวนมาก และรัฐมอนทานาได้ออกมาตรการพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อนจากการคาดการณ์ที่ไม่มีมูล พร้อมกับยืนยันในการยื่นฟ้องว่าติ๊กต็อกไม่เคยและจะไม่ส่งข้อมูลของผู้ใช้งานในสหรัฐให้กับรัฐบาลจีน   นายเกร็ก เกียนฟอร์เต ผู้ว่าการรัฐมอนทานาเผยว่าเขาลงนามรับรองกฎหมายการแบนดังกล่าวเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของประชาชนในรัฐจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน   ภายใต้กฎหมายการแบนแอปติ๊กต็อกของรัฐมอนทานา แอปเปิลและกูเกิลจะต้องนำแอปติ๊กต็อกออกจากแอปสโตร์ (App store) มิเช่นนั้นจะถูกปรับเป็นเงินสูงถึง 1 หมื่นดอลลาร์ หรือกว่า 3.4 แสนบาทต่อวัน อย่างไรก็ตาม จะไม่มีบทลงโทษต่อผู้ใช้งานติ๊กต็อกและจะไม่มีการห้ามไม่ให้ผู้ที่ใช้งานติ๊กต็อกอยู่ก่อนหน้าเลิกใช้งานแอปดังกล่าว   ด้านทนายความของทางการรัฐมอนทานากล่าวว่า พวกเขาเตรียมที่จะปกป้องการแบนดังกล่าวในชั้นศาล  …

ออสเตรเลียจ่อฟ้อง PwC หลังทำข้อมูลแผนภาษีของรัฐบาลรั่วไหล

Loading

    สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า รัฐบาลออสเตรเลียเตรียมดำเนินการตอบโต้ ไพรซ์วอเตอร์เฮาส์ คูเปอร์ส (PricewaterhouseCoopers หรือ PwC) บริษัทตรวจสอบบัญชีชื่อดังระดับโลก ภายหลังการตรวจสอบพบว่า PwC ทำแผนภาษีของรัฐบาลรั่วไหล   รัฐบาลออสเตรเลีย ซึ่งเป็นลูกค้าของ PwC ประเทศออสเตรเลีย (PwC Australia) กล่าวหาว่า PwC ได้แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการต่อต้านการหลีกเลี่ยงภาษีฉบับใหม่ให้กับลูกค้าของ PwC ซึ่งการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการละเมิดความไว้วางใจครั้งใหญ่ และรัฐบาลเตรียมจะส่งเรื่องนี้ให้กับสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย (AFP) เพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป   นายสตีเฟน โจนส์ (Stephen Jones) ผู้ช่วยรัฐมนตรีคลังและรัฐมนตรีฝ่ายบริการด้านการเงินของออสเตรเลีย เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังกำลังสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกำลังพิจารณาว่าควรส่งข้อกล่าวหาทางอาญานี้ไปให้กับสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลียหรือไม่   ในขณะที่ฝ่ายนิติบัญญัติบางคน เรียกร้องไม่ให้รัฐบาลออสเตรเลียทำสัญญาใด ๆ เพิ่มเติมอีกกับบริษัทตรวจสอบบัญชีรายนี้ รวมถึงนายจิม ชาลเมอร์ส (Jim Chalmers) รัฐมนตรีว่าการกระทวงการคลังออสเตรเลียที่ระบุว่า “นี่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถให้อภัยได้”   แม้ว่า นายทอม ซีมอร์ (Tom Seymour)…