ชาวเมียนมา ร่วมชู 3 นิ้วหน้าสถานทูต วาระ 2 ปีรัฐประหาร

Loading

    ชาวเมียนมา มากกว่า 400 คน ร่วมชู 3 หน้านิ้ว หน้าสถานทูตเมียนมา ประจำประเทศไทย เนื่องในโอกาสครบ 2 ปี การรัฐประหาร เรียกร้องปล่อยตัว “ออง ซาน ซูจี”     วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 บรรยากาศที่สถานทูตเมียนมา ประจำประเทศไทย ชาวเมียนมาที่อาศัย และทำงานอยู่ในประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า 400 คน เดินทางมาร่วมชุมนุม ที่หน้าสถานทูตเมียนมา ประจำประเทศไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ 2 ปีรัฐประหารในประเทศเมียนมาร์ เพื่อแสดงออกถึงการต่อต้านการรัฐประหาร และเรียกร้องให้ปล่อยตัว นางอองซานซูจี นักการเมือง นักการทูต นักเขียนชาวพม่าและประธานพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย     โดยบรรยากาศมีพี่น้องชาวเมียนมา ที่มาร่วมชุมนุม ส่วนใหญ่สวมเสื้อผ้า สีขาว-แดง มีลายสกรีนภาพและข้อความสนับสนุนแนวคิด ขอให้ปล่อยตัว นางออง ซาน ซูจี…

รัฐบาลทหาร “เมียนมา” จ่อขยายสถานการณ์ฉุกเฉิน

Loading

    ครบรอบ 2 ปี รัฐประหารในเมียนมา สถานการณ์ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ อาจมีการขยายสถานการณ์ฉุกเฉิน ส่อแววเลื่อนเลือกตั้ง   เมื่อวานนี้ ( 31 ม.ค.) รัฐบาลเมียนมาออกแถลงการณ์ว่า สภากลาโหม และความมั่นคงแห่งชาติของรัฐบาลทหารเมียนมาได้มีการประชุมหารือร่วมกันเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศ และได้ข้อสรุปว่า สถานการณ์ในเมียนมายังไม่กลับคืนสู่ภาวะปกติ เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลทหารเมียนมา ซึ่งรวมถึงกองกำลังป้องกันประชาชน (PDF) ที่ต่อต้านการรัฐบาลทหาร และรัฐบาลเงาที่ครอบงำ โดยฝ่ายนิติบัญญัติจากพรรคของนางอองซาน ซูจี ได้พยายามยึดอำนาจรัฐด้วยวิธีการก่อความไม่สงบ และความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง     นอกจากนี้ยังระบุว่า รัฐบาลทหารเมียนมาจะมีประกาศสำคัญออกมาเพิ่มเติมในวันนี้ (1 ก.พ.) แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติม   ทั้งนี้สถานการณ์ฉุกเฉินที่รัฐบาลทหารเมียนมาบังคับใช้ ได้สิ้นสุดในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังจากนั้นรัฐธรรมนูญระบุว่า ให้ผู้มีอำนาจต้องกำหนดแผนการจัดการเลือกตั้งใหม่ และวันนี้กองทัพเมียนมาจะต้องมีการประกาศเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง   อย่างไรก็ตาม ภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2008 ที่เขียนขึ้นโดยกองทัพ ระบุว่า ประธานาธิบดีที่ประสานงานกับ สภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติสามารถขยายสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปได้ 6 เดือน เมื่อได้รับการร้องขอจากผู้บัญชาการกองทัพ ซึ่งเมื่อวานนี้ในวงประชุมด้านความมั่นคงก็มีรักษาการอดีตประธานาธิบดีเมียนมาเข้าร่วมประเมินสถานการณ์ด้วย…

ตุรกีเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุด หวั่นเหตุโจมตีเป้าหมายชาติตะวันตก

Loading

    กระทรวงมหาดไทยของตุรกีเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (30 ม.ค.) ว่า ตุรกีได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยสู่ระดับสูงสุดเพื่อป้องกันการโจมตีของกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) และกลุ่มอัลกออิดะห์ (al-Qaida) ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเป้าหมายต่าง ๆ ที่เป็นของชาติตะวันตกภายในประเทศ   กระทรวงฯ ระบุว่า “เราได้ทำการประเมินการโจมตีที่เป็นไปได้ทั้งหมด และเพิ่มระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยจนถึงขีดสุดหลังจากที่มีการกระทำที่เลวร้ายต่อพระคัมภีร์อัลกุรอานของเราในประเทศสวีเดน เนเธอร์แลนด์ และเดนมาร์ก”   นอกจากนี้ ตุรกียังได้ประเมินข้อมูลเกี่ยวกับแผนดำเนินการขององค์กรก่อการร้าย อาทิ กลุ่ม IS และกลุ่มอัลกออิดะห์ในหลายประเทศด้วย   กระทรวงฯ ระบุว่า ตุรกีได้จับกุมตัวผู้ก่อการร้ายผ่านทางหน่วยข่าวกรองของประเทศพันธมิตรซึ่งไม่ระบุชื่อประเทศ แต่ก็ยังไม่พบอาวุธหรือแผนการโจมตีแต่อย่างใด   สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันจันทร์ (30 ม.ค.) สถานทูตสหรัฐในตุรกีได้ประกาศเตือนพลเมืองอเมริกันให้ระวังการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น กับโบสถ์ สุเหร่า และคณะผู้แทนทางการทูตในจังหวัดอิสตันบูล หลังจากที่เกิดการประท้วงต่อการเผาคัมภีร์อัลกุรอานในหลายประเทศของยุโรป ซึ่งนับเป็นการเตือนภัยครั้งที่สองในรอบ 4 วันที่ผ่านมา         ——————————————————————————————————————————————————————– ที่มา :       …

ผู้ว่าฯ’จะอินเซ็กจี’ ประกาศกฎอัยการศึก หลังสถานที่ราชการ’พญาตองซู’ถูกบุกเผาซ้ำ

Loading

    จากกรณีทหารเมียนมาส่งเครื่องบินแบบ YAK-130 จำนวน 3 ลำ บินมาทิ้งระเบิดโจมตีค่าย บ้านพักของ พ.อ.เพียวลิน หรือ เอวัน หรือ เอ้วา ผบ.บก.ยว.2 /รองผบ.พล.น.2 กกล.DKBA.รวมทั้งบ้านพักกำลังพล กกล.DKBA. และที่ตั้ง บก.พัน.903 สถานที่ฝึก กกล.DKBA./กกล.PDF. ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ บ้านเจ่เชาว์ หรือบ้านเลวะโพ อ.พญาตองซู จ.จะอินเซ็กจี รัฐกะเหรี่ยง เมียนมา ห่างจากชายแดนช่องทางจุดผ่อนปรนทางการค้าชายแดนด่านพระเจดีย์สามองค์ บ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี ระยะทางประมาณ 25-28 กิโลเมตร ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นเหตุทำให้ กำลังพล กกล.DKBA.พัน.903 ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 1 นาย ส่วนสถานที่ฝึกและอาคารสถานที่บ้านพักกำลังพลและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ได้รับความเสียหายจำนวนมาก เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นวันที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมา   ต่อมาเวลาประมาณ 22.00…

เพจต้านทุจริตแฉ “อาวุธปืนของกลางหาย” หลังเก็บไว้ที่ สภ.ทุ่งใหญ่ นครศรีฯ

Loading

    ศูนย์ข่าวภาคใต้ – เพจต้านทุจริตภาคใต้แฉ “อาวุธปืนของกลางหาย” ที่ สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช หลังศาลยกฟ้อง เจ้าของไปขอรับปืนคืน แต่กลับพบว่าปืนหาย   วันนี้ (29 ม.ค.) เพจ “ชมรมSTRONGต้านทุจริตภาคใต้” รายงานว่า เกิดเหตุอาวุธปืนของกลางหาย โดยระบุว่า เรื่องของกลางในคดีสูญหายเรามักได้ยินกันบ่อย ๆ โดยเฉพาะเกี่ยวกับรถของกลางในคดีที่นำไปจอดไว้อุปกรณ์ต่าง ๆ มักจะถูกถอดออกไปแบบหาร่องรอยไม่ได้ การแอบขายแบบยกคันก็เคยเป็นข่าวคราวกันมาแล้ว   “สภ.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช จับกุมผู้ต้องหาคดีมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ เมื่อเดือนมิถุนายน 2563 มีการยึดของกลางเป็นอาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม. ยี่ห้อ CZ (มีเครื่องหมายทะเบียน) จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนและซองบรรจุกระสุน”   “คดีนี้ศาลจังหวัดทุ่งสงพิพากษาเมื่อสิงหาคม 2565 ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา ม.90 ปรับ 4,000 บาท…

ออสเตรเลียจ่อทุ่ม 1 พันล้าน ซื้อทุ่นระเบิดทะเลไฮเทค คาดสกัดอิทธิพลต่างชาติ

Loading

    โฆษกกระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย เปิดเผยในวันนี้ (23 ม.ค.) ว่า ออสเตรเลียจะเร่งแผนซื้อทุ่นระเบิดทางทะเลประสิทธิภาพสูงเพื่อปกป้องเส้นทางเดินเรือและปกป้องท่าเรือจากผู้รุกราน ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แผนการดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางแผนการขยายอิทธิพลของจีนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก   โฆษกกระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ทุ่นระเบิดดังกล่าวคือทุ่นระเบิดอัจฉริยะซึ่งออกแบบมา เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างเป้าหมายทางทหารและเรือประเภทต่าง ๆ   กระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย ระบุว่า “ออสเตรเลียกำลังเร่งจัดหาทุ่นระเบิดทางทะเลอัจฉริยะ ซึ่งจะช่วยรักษาความปลอดภัยในเส้นทางคมนาคมทางทะเลและเส้นทางการเดินเรือของออสเตรเลีย” โดยความสามารถสำคัญของทุ่นระเบิดสมัยใหม่นี้อยู่ที่การขัดขวางผู้บุกรุก   สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แม้กระทรวงกลาโหมจะไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม แต่หนังสือพิมพ์ซิดนีย์ มอร์นิง เฮอร์รัลด์รายงานในวันนี้ว่า ออสเตรเลียอาจใช้งบประมาณสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (698 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในการจัดซื้ออาวุธใต้ทะเลไฮเทคดังกล่าว และยังรายงานอ้างแหล่งข่าวอีกว่า รัฐบาลกลางจะประกาศการทำสัญญาซื้อทุ่นระเบิดจำนวนมากจากผู้ค้าอาวุธยุทโธปกรณ์รายหนี่งในยุโรปในเร็ว ๆ นี้   ทั้งนี้ ออสเตรเลียได้เพิ่มการลงทุนทางทหารในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมทั้งการบรรลุข้อตกลงเมื่อปี 2564 ในการซื้อเรือดำน้ำนิวเคลียร์จากสหรัฐและอังกฤษ         ——————————————————————————————————————————————————————– ที่มา :         …