พบ IoT Botnet แพร่ระบาด Router กว่า 100,000 เครื่อง ใช้เป็นฐานยิงสแปมอีเมล

Loading

ทีมนักวิจัยด้านความมั่นคงปลอดภัยจาก NetLab, Qihoo 360 ออกมาแจ้งเตือนถึง IoT Botnet ตัวใหม่ที่พุ่งเป้าโจมตีอุปกรณ์ Router ตามบ้าน แล้วเปลี่ยนเป็นกองทัพ Botnet สำหรับเชื่อมต่อกับ Webmail Services เพื่อใช้ยิงอีเมลสแปม จนถึงตอนนี้มี Router ที่ตกเป็นเหยื่อแล้วกว่า 100,000 เครื่องภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน ทีมนักวิจัยระบุว่า IoT Botnet นี้แพร่กระจายตัวผ่านทางการโจมตีช่องโหว่ที่มีอายุนานกว่า 5 ปี ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่นักวิจัยด้านความมั่นคงปลอดภัยจาก DefenseCode ค้นพบเมื่อปี 2013 บน Broadcom UPnP SDK ชิ้นส่วนซอฟต์แวร์ที่ถูกฝังอยู่บน Router หลายพันรุ่นในหลากหลายยี่ห้อ ช่องโหว่นี้ช่วยให้แฮ็กเกอร์สามารถลอบรันโค้ดจากระยะไกลโดยไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวตนได้ ถือเป็นหนึ่งในช่องโหว่ที่อันตรายที่สุดในยุค IoT Netlab ตั้งชื่อช่องโหว่ IoT Botnet นี้ว่า BCMUPnP_Hunter ตามพฤติกรรมของมันที่เน้นค้นหา Router ที่เปิดใช้งาน UPnP Interface (พอร์ต 5431) จนถึงตอนนี้…

อียูจะเริ่มใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ตรวจคนข้ามชายเเดน

Loading

หากคุณเดินทางข้ามชายแดนระหว่างประเทศต่างๆ ในเขตเชงเกนของยุโรปในอนาคต คุณอาจต้องตอบคำถามต่างๆ ที่ถามโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง อย่างไรก็ตาม ทีมนักวิทยาศาสตร์ในอังกฤษบอกว่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่างจากเจ้าหน้าที่มนุษย์ตรงที่สามารถจับโกหกได้ดีกว่า คีลลี่ย์ คร็อคเก็ทท์ (Keeley Crockett) ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ เมโทรโพลิเเทน (Manchester Metropolitan) กล่าวว่า โปรแกรมนี้จับผิดคนจากพฤติกรรมที่แสดงออกทางใบหน้า โดยจะตรวจจับดูอากัปกริยาที่แสดงออก เช่น สายตาที่มองดูขวามองซ้าย แต่จะไม่ดูว่ากำลังยิ้มหรือกำลังขมวดใบหน้า คร็อคเก็ทท์ ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยี AI ช่วยพัฒนาโปรแกรมตรวจคนข้ามชายเเดนนี้ที่เรียกว่า i-Border-Control นี้ กล่าวว่า โปรแกรมดังกล่าวสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าได้ 38 รูปแบบภายในเวลาสั้นๆ สามารถวิเคราะห์น้ำเสียง ตรวจข้อมูลไบโอเมตริกที่รวมถึงเส้นเลือดบนฝ่ามือหรือลายนิ้วมือ งานตรวจตราคนเข้าเมืองตามแนวชายเเดนได้กลายเป็นประเด็นร้อนทั่วยุโรป ขณะที่มีคนอพยพเข้าเมืองหลายหมื่นคน ส่วนมากมาจากแอฟริกาเเละตะวันออกกลางพยายามเดินทางเข้าไปในยุโรป ในปี 2015 ฮังการีได้สร้างรั้วลวดหนามติดใบมีดโกน หลังเกิดการปะทะที่ชายเเดนที่ติดกับเซอร์เบีย อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ตรวจคนข้ามชายเเดนนี้จะไม่นำไปใช้ทดแทนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชายเเดนที่เป็นมนุษย์ คร็อคเก็ทท์ กล่าวว่า โปรแกรมตรวจคนข้ามชายแดน i-Border-Control นี้ไม่สามารถตัดสินใจได้อัตโนมัติ แต่จะประเมินความเสี่ยงออกมาเป็นคะเเนนสำหรับนักเดินทางข้ามชายแดนเเต่ละคน โปรแกรมตรวจคนข้ามชายแดนนำร่องนี้ได้รับเงินสนับสนุนโดยโครงการ Horizon 2020 ของสหภาพยุโรป (เรียงเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน) ————————————————————— ที่มา :…

อิหร่านกล่าวหาอิสราเอลทำการโจมตีไซเบอร์ใส่ระบบโทรคมนาคม

Loading

เอเจนซีส์ – รัฐมนตรีโทรคมนาคมของอิหร่านกล่าวหาอิสราเอลในวันจันทร์ (5 พ.ย.) โดยระบุว่า อิสราเอลทำการโจมตีไซเบอร์รอบใหม่ต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมอิหร่าน พร้อมลั่นวาจาจะตอบโต้ในทางกฏหมาย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อิหร่านได้เปิดเผยว่าพบเจเนอเรชั่นใหม่ของไวรัสคอมพิวเตอร์ที่ชื่อ Stuxnet ซึ่งเคยถูกใช้เล่นงานโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านในทศวรรษที่แล้ว “รัฐบาลของพวกไซออนนิสต์ (อิสราเอล) ที่เคยมีประวัติการใช้อาวุธไซเบอร์อย่างไวรัสคอมพิวเตอร์ Stuxnet ได้เปิดการโจมตีอิหร่านรอบใหม่ในวันจันทร์ เพื่อจะสร้างความเสียหายแก่ระบบโทรคมนาคม” โมฮัมหมัด จาวัด อาซารี-จาโรมี รัฐมนตรีโทรคมนาคมอิหร่าน ระบุ “ต้องขอบคุณทีมเฝ้าระวังด้านเทคนิคของเรา ที่ทำให้พวกนั้นล้มเหลว” เขาระบุทางทวิตเตอร์ พร้อมบอกด้วยว่าจะดำเนินการทางกฏหมายต่ออิสราเอลผ่านองค์กรนานาชาติ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม สำนักข่าวทัสนิมของอิหร่านรายงานว่า ฮามิด ฟัตตาซี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงโทรคมนาคมอิหร่าน ระบุจะเปิดเผยรายละเอียดมากกว่านี้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า Stuxnet ซึ่งเชื่อกันอย่างแพร่หลายว่าเป็นไวรัสคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาโดยอเมริกาและอิสราเอล ถูกค้นพบในปี 2010 หลังจากที่มันถูกใช้เพื่อโจมตีโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่าน ———————————————————- ที่มา : MGR Online / 5 พ.ย. 2561 Link : https://mgronline.com/around/detail/9610000110594

ถูกนำตัวออกจากเครื่องบินเพราะกินยานอนหลับ

Loading

ชายชาวแคนาดาถูกนำตัวลงจากเที่ยวบินจากแคนาดาไปยังคิวบา ขณะจอดแวะพักที่สนามบินกลางทางที่เมืองโตรอนโต ด้วยเหตุที่เขากินยานอนหลับระหว่างรอเดินทางต่อ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ต.ค. บนเครื่องบินของสายการบินเวสต์เจ็ต นายสตีเฟน เบนเนทท์ ชาวเมืองบริติชโคลัมเบียของแคนาดา อยู่ระหว่างกำลังเดินทางไปคิวบา พร้อมด้วยภรรยาและลูกชาย ได้เปิดเผยว่า ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งในลูกเรือพยายามจะปลุกเขาให้ตื่นก่อนเครื่องจะทะยานขึ้น เขาถูกนำตัวออกจากเที่ยวบินและไม่ได้รับอนุญาตให้กลับมาโดยสารบนเที่ยวบินนั้นต่อ แม้แพทย์ประจำตัวที่สั่งยาจะอีเมลคำอธิบายเพื่อยืนยันความพร้อมของสุขภาพ อีกทั้งหน่วยกู้ชีพฉุกเฉินของสนามบินจะประเมินแล้วว่าเขาเดินทางต่อได้ นายเบนเนทท์ซึ่งเพิ่งฟื้นตัวจากอาการโรคหลอดเลือดในสมอง บอกอีกว่า เขาไม่ได้นอนมาเลยในช่วงเที่ยวบินกลางคืนที่เดินทางมาจากเมืองบริติชโคลัมเบีย จึงกินยานอนหลับ ซึ่งมีใบสั่งยาจากแพทย์ ก่อนที่จะเดินทางต่อเครื่อง หลังจากนั้นเขาเริ่มง่วงในแทบจะทันที ก่อนจำได้ว่าสะดุ้งตื่นจากการกระทุ้งตัวของภรรยา และพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินบอกว่า เขาต้องออกจากเครื่องบิน เพราะสภาพของเขาอยู่ในภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ พนักงานสายการบินได้เรียกรถกู้ชีพฉุกเฉินและนำตัวนายเบนเนทท์ออกจากห้องโดยสารโดยพานั่งวีลแชร์ออกไป หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่หน้าหน่วยกู้ชีพได้ตรวจร่างกายและแจ้งกับพนักงานสายการบินว่า ร่างกายของนายเบนเนทท์แข็งแรงดี อวัยวะสำคัญของร่างกายไม่มีปัญหาและสามารถเดินทางได้ แต่ทั้งหมดก็ไม่เป็นผล เขาบอกอีกว่า แพทย์ประจำตัวที่สั่งยานอนหลับได้เขียนรับรองมาทางอีเมล ว่าสุขภาพร่างกายแข็งแรงพอที่จะเดินทางได้ “เป็นเรื่องน่าอายมาก… เรื่องนี้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินทำตัวราวว่าเป็นผู้พิพากษา คณะลูกขุน และเพชฌฆาตในคราวเดียวกัน” ด้านสายการบินเวสต์เจตต์ ชี้แจงว่า ไม่สามารถให้รายละเอียดและความเห็นเกี่ยวกับกรณีของนายเบนเนทท์เป็นการเฉพาะได้ เนื่องจากนโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้โดยสาร อย่างไรก็ตาม สายการบินเวสต์เจ็ต ระบุว่า ในกรณีเช่นนี้ หากลูกเรือเห็นว่าผู้โดยสารรายใด มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกว่าสภาพร่างกายไม่พร้อมที่จะโดยสาร ผู้โดยสารรายนั้นจะถูกเชิญออกจากเที่ยวบินด้วยความระมัดระวัง “กรณีที่มีการเชิญตัวผู้โดยสารออกยังรวมถึง ผู้โดยสารที่สภาพร่างกายสูญเสียสมรรถภาพจากการใช้ยาเสพติดหรือดื่มแอลกอฮอล์” สายการบินเวสต์เจ็ต ระบุว่า…