ภาพรวม ปัจจุบันการใช้งานอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ (Internet of Things หรือ IoT) เช่น กล้องวงจรปิด สมาร์ตทีวี หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกติดตั้งหรือไม่ได้ถูกออกแบบมาให้มีระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่ดีพอ ทำให้ผู้ประสงค์ร้ายสามารถเจาะระบบเพื่อควบคุมอุปกรณ์ดังกล่าวมาใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตีได้ อุปสรรคต่อมาคือในหลายกรณีผู้ใช้งานไม่สามารถที่จะป้องกันหรือดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วยตนเองได้ เพราะตัวอุปกรณ์ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับการปรับปรุงด้านความมั่นคงปลอดภัยตั้งแต่แรก ก่อนหน้านี้ ความเสี่ยงของการใช้งานอุปกรณ์ IoT มักถูกพูดถึงเฉพาะในแง่ของการสูญเสียความเป็นส่วนตัว เช่น การเจาะระบบกล้องวงจรปิดเพื่อใช้สอดแนม แต่ปัจจุบันเนื่องจากการมีการใช้งานอุปกรณ์ IoT ในรูปแบบอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้มีความเสี่ยงในด้านอื่นๆ เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย เช่น การเจาะระบบอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อขโมยข้อมูลด้านสุขภาพ หรือเปลี่ยนแปลงการทำงานของอุปกรณ์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการรักษาพยาบาลหรือกรณีร้ายแรงที่สุดอาจส่งผลต่อชีวิตของผู้ป่วยได้ [1] ปัจจุบันหนึ่งในปัญหาใหญ่ของการใช้งานอุปกรณ์ IoT คือการเจาะระบบเพื่อควบคุมอุปกรณ์ดังกล่าวมาใช้ในการโจมตีทางไซเบอร์ ที่ผ่านมา อุปกรณ์ IoT เคยถูกควบคุมเพื่อใช้ในการโจมตีทางไซเบอร์อยู่หลายครั้ง สาเหตุหลักเกิดจากอุปกรณ์จำนวนมากถูกติดตั้งโดยใช้รหัสผ่านที่มาจากโรงงาน ทำให้ผู้ประสงค์ร้ายสามารถล็อกอินเข้าไปติดตั้งมัลแวร์ในอุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อควบคุมมาใช้ในการโจมตีได้ หนึ่งในเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นคือมีการใช้มัลแวร์ชื่อ Mirai ควบคุมอุปกรณ์ IoT ไปโจมตีแบบ DDoS ความรุนแรงสูงถึง 1.1 Tbps (เทระบิตต่อวินาที) บริษัท Gartner…