เฟซบุ๊กยอมแก้ไขนโยบายใช้ชื่อจริงหลังจากถูกประท้วงอย่างหนัก

Loading

เฟซบุ๊กประกาศจะแก้ไขนโยบายใช้ “ชื่อจริง” ที่เป็นปัญหามากหลังจากเผชิญกับการประท้วงอย่างรุนแรงจากกลุ่มต่างๆ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เฟซบุ๊กประกาศทดสอบใช้เครื่องมือใหม่ที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้อธิบายเหตุผลที่ไม่สามารถใช้ชื่อจริงได้ในกรณีและสถานการณ์พิเศษ โดยระบุว่าเครื่องมือนี้มุ่งช่วยคนที่อาจประสบกับความรุนแรงในครอบครัวหรือกรณีที่การเปิดเผยรสนิยมทางเพศของตนอาจจะทำให้เขาหรือเธอตกอยู่ในอันตรายได้ อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กก็ยังยืนยันให้คนใช้ “ชื่อจริง” ยกเว้นในกรณีที่ไม่ปกติจริงๆ เท่านั้น “เรากำหนดให้คนใช้ชื่อที่เพื่อนฝูงและครอบครัวใช้เรียกตัวเอง” เฟซบุ๊กกล่าว “เมื่อคนใช้ชื่อที่ตนเป็นที่รู้จัก การกระทำและคำพูดของเขาก็จะมีน้ำหนักมากขึ้นเพราะจะมีความรับผิดชอบกับสิ่งที่ตนพูดมากขึ้น” “แต่ว่าหลังจากได้รับเสียงสะท้อนความเห็นจากชุมชนผู้ใช้ เราก็เห็นความสำคัญที่นโยบายนี้จะต้องเหมาะกับทุกคนด้วย โดยเฉพาะกลุ่มคนที่อยู่ชายขอบหรือถูกเลือกปฏิบัติ” บริษัทยังได้เพิ่มเครื่องมือใหม่ในการรายงานชื่อปลอม โดยกำหนดให้คนที่แจ้งเรื่องคนอื่นใช้ชื่อปลอมต้องให้ข้อมูลบริบทเพิ่มมากขึ้นด้วย เฟซบุ๊กระบุว่าบริษัทได้รับเรื่องร้องเรียนเรื่องชื่อปลอมสัปดาห์ละหลายแสนกรณี “แต่เดิม ผู้ใช้สามารถแจ้งรายงานชื่อปลอมได้เลย แต่ตอนนี้จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนใหม่สองสามขั้นตอนเพื่อให้รายละเอียดแก่เรามากขึ้น” เฟซบุ๊กกล่าว “ข้อมูลบริบทที่เพิ่มมานี้จะช่วยให้ทีมงานตรวจสอบของเราเข้าใจได้ดีขึ้นว่าทำไมจึงมีการร้องเรียน” เฟซบุ๊กได้รับการกดดันอย่างมากจากกลุ่มรณรงค์ด้านสิทธิต่อนโยบายการใช้ชื่อจริงที่ทางบริษัทยืนยันหนักแน่นมาตลอด มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ถูกวิจารณ์อย่างหนักหลังจากเสนอว่าคนที่ใช้สองชื่อหรือใช้นามแฝงนั้นแสดงถึง “การขาดความซื่อสัตย์” เมื่อปีที่แล้วกลุ่มชายที่นิยมแต่งตัวข้ามเพศในซาน ฟรานซิสโก ถูกลบบัญชีเฟซบุ๊กไปเนื่องจากถูกพิจารณาว่าละเมิดนโยบายดังกล่าว หลังจากเผชิญกับการต่อต้านอย่างมาก ทางบริษัทก็ยอมรับว่าได้กระทำผิดพลาดไปที่ไปลบบัญชีเหล่านั้น แต่ก็บอกว่าบริษัทต้องเผชิญกับปัญหาท้าทายในการตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้ในเครือข่าย กลุ่มองค์กรที่ทำงานเรื่องสิทธิและเสรีภาพของพลเมืองได้รวมตัวกันจัดตั้ง “เครือข่ายพันธมิตรไร้ชื่อ” ขึ้นมาเพื่อกดดันเฟซบุ๊กให้เปลี่ยนนโยบายนี้ เครื่องมือใหม่ที่เปิดตัวเมื่อวันอังคารนั้นยังห่างไกลจากข้อเสนอของกลุ่มดังกล่าวอยู่มาก แต่ผู้แทนจากเฟซบุ๊กก็ได้พบกับสมาชิกของเครือข่ายพันธมิตรไร้ชื่อแล้ว ที่มา : Facebook บีบีซีไทย – BBC Thai

เผยเหตุขู่ก่อการร้ายในโรงเรียนทั่วลอสแอนเจลิสวานนี้เป็นคำขู่หลอก

Loading

สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ หรือ เอฟบีไอแถลงว่า เหตุขู่ก่อการร้ายโรงเรียนเกือบพันแห่งทั่วเขตนครลอสแอนเจลิสวานนี้ เป็นคำขู่ที่ “ไม่น่าเชื่อถือ และไม่มีความเฉพาะเจาะจง” และว่า สำนักงานเขตการศึกษาในนครนิวยอร์คก็ได้รับคำขู่ดังกล่าวเช่นกัน แต่ไม่มีการดำเนินมาตรการป้องกันใดๆ เนื่องจากไม่เชื่อถือในคำขู่ดังกล่าวมาแต่ต้น เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตการศึกษานครนิวยอร์ค ได้วิจารณ์การดำเนินมาตรการป้องกันของสำนักงานเขตการศึกษานครลอสแอนเจลิส ซึ่งให้โรงเรียนทั้งหมดปิดทำการสอนไว้ก่อนว่า เป็นการกระทำที่ตื่นตูมเกินกว่าเหตุ แต่ฝ่ายนครลอสแอนเจลิสโต้ว่า การละเลยคำขู่ดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบ สำนักข่าวเอพีรายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งไม่เปิดเผยชื่อผู้หนึ่งว่า วานนี้ทางการนครนิวยอร์คได้รับอีเมลขู่ว่า จะมีการโจมตีทุกโรงเรียนในเมืองด้วยระเบิดหม้ออัดความดัน แก๊สทำลายประสาท และปืนกล ส่วนอีเมลที่ทางการนครลอสแอนเจลิสได้รับนั้นขู่ว่า จะโจมตีโรงเรียนทุกแห่งด้วยปืนยาวไรเฟิลและวัตถุระเบิด ที่มา : Facebook บีบีซีไทย – BBC Thai Links : http://www.bbc.com/news/world-us-canada-35102954

จีนเรียกร้องนานาชาติเคารพอธิปไตยในโลกไซเบอร์ของแต่ละประเทศ

Loading

ที่งานประชุมอินเทอร์เน็ตโลก ซึ่งมีจีนเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่มณฑลเจ้อเจียง ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนกล่าวว่า แต่ละประเทศควรมีสิทธิ์ขาดในการพัฒนาและควบคุมระบบอินเทอร์เน็ตด้วยวิถีของ ตนเอง ไม่ควรมีประเทศใดมุ่งสร้างอิทธิพลครอบงำโลกไซเบอร์ หรือกระทำการบั่นทอนความมั่นคงของประเทศอื่น นายจอห์น ซัดเวิร์ธ ผู้สื่อข่าวบีบีซีที่ได้เข้าร่วมการประชุมนี้ บอกว่าคำกล่าวของนายสีนั้นเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า มาตรการความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์และการควบคุมอินเทอร์เน็ตได้กลายมาเป็น ประเด็นสำคัญระดับชาติของจีน โดยนายสีกล่าวย้ำว่า จีนนั้นมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตถึง 650 ล้านคน จึงควรมีสิทธิ์มีเสียงในการร่างกฎระเบียบการใช้อินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงสิทธิ์ในการตัดสินใจว่าจะบล็อกหรือเซ็นเซอร์ข้อมูลประเภทใดบ้าง ด้วย นายสีระบุด้วยว่า เขาสนับสนุนระบบการจัดการทั่วโลกเพื่อรับมือกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศใน ทางที่ผิด ต่อต้านการสอดแนมและการโจรกรรมข้อมูล และจะต่อสู้กับการโจมตีทางไซเบอร์ โดยการตัดสินใจในเรื่องนี้ไม่ควรเป็นอำนาจของประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือเป็นการตัดสินใจของกลุ่มประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น ดูวิดีโอเพิ่มเติมได้ที่ ที่มา : Facebook บีบีซีไทย – BBC Thai

มหาวิทยาลัยญี่ปุ่นสั่งห้ามพกนาฬิกาทุกชนิดเข้าห้องสอบ

Loading

มหาวิทยาลัยเกียวโตของญี่ปุ่นประกาศห้ามสวมนาฬิกาข้อมือและนาฬิกาทุกประเภทเข้าห้องสอบ เนื่องจากนวัตกรรมไฮเทคทำให้นาฬิกากลายเป็น “สมาร์ทวอช” ที่อาจใช้ทุจริตสอบได้

ทวิตเตอร์เตือนให้ระวังรัฐบาล ‘แฮ็ก’

Loading

ทวิตเตอร์ได้ส่งคำเตือนไปยังผู้ใช้จำนวนมากว่าบัญชีของพวกเขาอาจถูกแฮ็กโดย “ผู้กระทำที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ” ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทวิตเตอร์ออกคำเตือนเช่นนี้ ทวิตเตอร์ส่งอีเมล์บอกผู้ใช้ว่าแฮ็กเกอร์อาจพยายามหาอีเมล์ หรือไอพีแอดเดรส หรือหมายเลขโทรศัพท์ของพวกเขา ซึ่งเป็นข้อมูลที่ทวิตเตอร์เริ่มเก็บเมื่อไม่นานมานี้ ยังไม่ชัดเจนว่าจำนวนบัญชีผู้ใช้ที่สงสัยว่าถูกแฮ็กครั้งนี้มีมากน้อยแค่ไหน โคลด์แฮ็กที่เป็นองค์กรไม่แสวงกำไรของแคนาดา เผยว่าได้รับคำเตือนจากทวิตเตอร์ โดยอีเมล์จากทวิตเตอร์ระบุว่า “เราเชื่อว่าผู้กระทำเหล่านี้ (ที่เป็นไปได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลของประเทศหนึ่ง) อาจพยายามเก็บข้อมูลอย่างเช่น อีเมล์แอดเดรส ไอพีแอดเดรส และ/หรือหมายเลขโทรศัพท์” “ในขณะนี้ เรายังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าพวกเขาได้ข้อมูลบัญชีของคุณไปแล้ว แต่เราก็กำลังสอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง เราอยากมีข้อมูลแจ้งให้คุณทราบมากกว่านี้ แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมใดๆ ในขณะนี้” รัฐบาลจีนและเกาหลีเหนือถูกมองว่าเป็นผู้รับผิดชอบกการแฮ็กข้อมูลบางอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับบริษัทและรัฐบาลของประเทศตะวันตก ผู้เชี่ยวชาญไอทีบางรายบอกว่าแฮ็กเกอร์ที่เจาะเข้าไปในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของโซนีเมื่อปลายปีที่แล้วและปล่อยข้อมูลลับออกมาจำนวนมากนั้นได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือก็ปฏิเสธในเรื่องนี้มาตลอด เจมส์ ลูว์อิส ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ตที่ศูนย์เพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ระหว่างประเทศที่วอชิงตัน บอกว่าแฮ็กเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมีทรัพยากรต่างๆ ให้ใช้มากกว่าแก๊งค์แฮ็กเกอร์อาชญากรธรรมดามากทีเดียว และพวกเขาอาจใช้วิธีการอื่นๆ อย่างเช่น การใช้นายหน้าหรือสายลับ หรือการดักจับการสื่อสาร เพื่อเลี่ยงหรือข้ามมาตรการรักษาความปลอดภัยต่างๆ ได้ ที่มา : Facebook บีบีซีไทย – BBC Thai

ห้องประชุมรัฐสภาของโคโซโว ฝ่ายค้านได้ปล่อยแก๊ซน้ำตา 2 กระป๋อง

Loading

กลุ่มสมาชิกสภานิติบัญญัติฝ่ายค้านได้ปล่อยแก๊ซน้ำตา 2 กระป๋อง เพื่อให้สมาชิกอื่นไม่สามารถเข้าร่วมประชุมภายในห้องประชุมรัฐสภาของโคโซโวเมื่อ 14 ธ.ค.58 การดำเนินการครั้งนี้เพื่อกดดันรัฐบาลให้ยุติการติดต่อกับเซอร์เบียและมอนเตนีโกร กรณีปล่อยแก๊ซน้ำตาเพื่อล้มการประชุมในโคโซโวเช่นนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อ ต.ค.58 ถึง 2 ครั้ง และการประชุมเมื่อ ก.ย.58 ฝ่ายค้านเคยใช้แก๊ซพริกไทย การเป่านกหวีดและปาขวดน้ำ เพื่อก่อกวนให้ต้องยุติการประชุมสภามาแล้ว ที่มา: The Washington post 14 Dec 2015