บิน ‘ยูไนเต็ด’ เบนเข็มจอดเจอผู้โดยสารขู่

Loading

     ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส เบนเข็มลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินแวนคูเวอร์ ของแคนาดา หลังเจอผู้โดยสารส่งข้อความขู่      นักบินสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส เที่ยวบินจากรัฐแอลาสกา ไปยังเมืองเดนเวอร์ของสหรัฐ ตัดสินใจเบนเข็มลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินแวนคูเวอร์ ของแคนาดา หลังเจอผู้โดยสารส่งข้อความขู่ ขณะตำรวจรวบตัวผู้ต้องสงสัยไว้ทันที      รายงานข่าวระบุว่า เที่ยวบิน 1104 ของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ที่มีผู้โดยสาร 131 คน และลูกเรือ 6 คน ลงจอดฉุกเฉินที่เมืองแวนคูเวอร์ เมื่อเวลา 4.30 น ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลาประมาณ 19.30 น ตามเวลาในประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจแคนาดา ได้เข้าควบคุมตัวผู้โดยสารรายหนึ่งไว้ทันที      ตำรวจแคนาดา เผยว่า ลูกเรือพบข้อความข่มขู่จากผู้โดยสารรายดังกล่าว และนักบินตัดสินใจที่จะนำเครื่องลงจอดฉุกเฉิน เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย ไม่ได้มองว่าเป็นการก่อการร้ายแต่อย่างใด โดย่ไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับข้อความข่มขู่ดังกล่าว ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 10 มกราคม…

รัฐมนตรีท่องเที่ยวอียิปต์เพิ่มมาตรการดูแลนักท่องเที่ยว

Loading

  ที่บริเวณชานกรุงไคโร อียิปต์ ตำรวจและทหารถูกลอบยิงเสียชีวิตในรถเมื่อ 9 ม.ค.59 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อเนื่องจากกรณีคนร้ายใช้มีดแทงนักท่องเที่ยวบาดเจ็บ 3 คนในโรงแรมที่พักในพื้นที่ต่างอากาศทะเลแดงของอียิปต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวของอียิปต์แถลงว่าจะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยและดูแลนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น รายได้หลักส่วนหนึ่งของประเทศอียิปต์มาจากการประกอบกิจการท่องเที่ยว ที่มา : BY REUTERS ON 1/9/16 AT 2:49 PM Link : http://www.newsweek.com/cairo-red-sea-egypt-armed-men-shot-police-officer-413667

ฟิลิปปินส์เริ่มเทศกาลฉลองพระเยซูดำ ที่กรุงมะนิลา

Loading

     ฟิลิปปินส์เริ่มเทศกาลฉลองพระเยซูดำ (The Procession of the Black Nazarene) เมื่อ 9 ม.ค.59 ที่กรุงมะนิลา มีประชาชนเข้าร่วมขบวนแห่กว่าหนึ่งล้านคน      ทางการฟิลิปปินส์เตรียมการรักษาความปลอดภัยอย่างกวดขันตลอดระยะทางที่ทำพิธีฉลองครั้งนี้ ประกอบด้วยตำรวจและทหารดูแลความปลอดภัย 5,000 นาย และตามริมฝั่งแม่น้ำสายหลักของกรุงมะนิลา จัดหน่วยกู้ชีพและตำรวจเฝ้าระวังเหตุ      นอกจากนี้ ยังเตรียมพลแม่นปืน สุนัขดมกลิ่น และหน่วย SWAT ประจำการตามจุดเสี่ยงภัย พร้อมกับใช้เครื่อง Drone บินสังเกตการณ์ตลอดขบวนแห่ และยังทำการสุ่มตรวจอาวุธ พลุ หรือสิ่งต้องห้ามตามสัมภาระติดตัวของผู้เข้าร่วมขบวนแห่อีกด้วย      ถึงแม้ทางการฟิลิปปินส์จัยังไม่ได้รับการขู่คุกคามจากกลุ่มก่อการร้ายก็ตาม แต่เหตุที่ต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดเช่นนี้ เพื่อป้องปรามนับแต่เกิดกรณีโจมตีกรุงปารีส เพราะขณะนี้ฟิลิปปินส์ยังเผชิญกับปัญหาจากทั้งกลุ่มหัวรุนแรงและกลุ่มมุสลิมทางตอนใต้ที่ต่อต้านรัฐบาล ที่มา : The Washington Post วันที่ 9 มกราคม 2558 Link : https://www.washingtonpost.com/world/asia_pacific/huge-catholic-parade-held-under-heavy-security-in-manila/2016/01/09/86505498-b6a8-11e5-8abc-d09392edc612_story.html

โลกผวา!! ก่อการร้าย IS โชว์เทคโนโลยี “คาร์บอมบ์เคลื่อนที่ไร้คนขับ”

Loading

     ฮอฟฟิงตันโพสต์/สกายนิวส์ – พบวิดีโอชุดใหม่ของพวกรัฐอิสลาม (ไอเอส) เป็นภาพช่างเทคนิคของนักรบกลุ่มนี้กำลังทดสอบคาร์บอมบ์เคลื่อนที่ไร้คนขับและดัดแปลงขีปนาวุธพื้นผิวสู่อากาศ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธของอังกฤษถึงกับตกตะลึงต่อขีดความสามารถขององค์กรก่อการร้ายกลุ่มนี้      รายงานข่าวของสกายนิวส์ระบุว่า พวกไอเอสสามารถดัดแปลงซ่อมแซมขีปนาวุธหลายพันลูกที่เหล่ารัฐบาลชาติตะวันตกสันนิษฐานว่าไม่สามารถใช้งานได้แล้ว เนื่องจากมีอายุเก่าเก็บ จนกลับมาใช้การได้อีกครั้ง      ภาพแสดงให้เห็นว่าไอเอสมีความสามารถผลิตแบตเตอรี่ทำเองสำหรับขีปนาวุธภาคพื้นสู่อากาศ บางอย่างที่เคยถูกมองว่าเป็นไปไม่ได้สำหรับกลุ่มก่อการร้ายหนึ่งที่ปราศจากโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร นอกจากนี้แล้ว ยังแสดงให้เห็นว่าพวกไอเอสสามารถผลิตรถยนต์ควบคุมจากระยะไกลได้อย่างสมบูรณ์ ที่จะถูกใช้เป็นระเบิดเคลื่อนที่      รถยนต์เหล่านี้จะติดตั้งคนขับที่เป็นหุ่นยนต์ติดเครื่องควบคุมอุณหภูมิซึ่งกำหนดค่าได้เอง สำหรับสร้างความร้อนระดับเดียวกับร่างกายมนุษย์ เพื่อให้ผ่านเครื่องสแกนที่ปกป้องอาคารต่างๆ ของรัฐบาลและกองทัพตะวันตก      รายงานข่าวระบุว่า กองกำลังปลดปล่อยซีเรียเป็นผู้ส่งต่อวิดีโอฉบับที่ไม่ตัดต่อความยาว 8 ชั่วโมงนี้ หลังพวกเขายึดมันมาได้จากครูฝึกไอเอสรายหนึ่ง ที่ควบคุมตัวได้ระหว่างกำลังมุ่งหน้าผ่านตุรกีไปยังยุโรป      พันตรี คริส ฮันเตอร์ ที่ปรึกษาทางทหารชาวอังกฤษ อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิดของกองกำลังพิเศษ ให้สัมภาษณ์ต่อสกายนิวส์ว่า เขารู้สึกช็อกอย่างยิ่งต่อพัฒนาการบางอย่างในวิดีโอ ที่เผยให้เห็นขีดความสามารถของเหล่านักวิทยาศาสตร์จาก “มหาวิทยาลัยญิฮาด” ในเมืองรักกา ของซีเรีย เมืองหลวงโดยพฤตินัยของไอเอส      “ผมคิดว่านี่อาจเป็นหนึ่งในข่าวกรองเกี่ยวกับไอเอสที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เราได้เห็นคือรูปแบบวิดีโอโฆษณาชวนเชื่อที่มีคุณภาพสูงมาก พวกเขาออกแบบและผลิตเพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้คน มุ่งหวังเขย่าประสาทใครก็ตามที่ได้ดู”  …

เจอลายนิ้วมือ “ซาเลาะห์ อับเดสลาม” กับวัสดุทำระเบิดที่อพาร์ตเมนท์ในบรัสเซลส์

Loading

     รอยเตอร์ – เจ้าหน้าที่สืบสวนของเบลเยียมเชื่อว่าระเบิดที่ใช้ก่อการร้ายในปารีสเมื่อเดือนพฤศจิกายน อาจถูกทำขึ้นที่อพาร์ตเมนท์แห่งหนึ่งในบรัสเซลส์ ซึ่งถูกเช่าภายใต้ชื่อปลอม ทั้งยังมีการพบลายนิ้วมือของคนร้ายรายสำคัญที่กำลังหลบหนี อยู่ในอพาร์ตเมนท์ดังกล่าวด้วย      คำแถลงของอัยการเบลเยียมในวันศุกร์ (8 ม.ค.) ระบุว่า จากการจู่โจมตรวจค้นอพาร์ตเมนท์แห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา ตำรวจพบวัสดุที่อาจถูกใช้ทำระเบิด โดยมีร่องรอยของสารก่อระเบิดแอซีโทนเปอร์ออกไซด์ กับเข็มขัดที่ทำเอง ซึ่งคาดว่านำมาใช้เป็นเข็มขัดระเบิดฆ่าตัวตาย      อัยการระบุว่า อพาร์ตเมนท์ดังกล่าวอยู่ในเขตชาบีค โดยที่ผู้เช่าใช้ชื่อปลอม ซึ่งอาจเป็นผู้ต้องหาจากคดีก่อการร้ายปารีสที่ถูกจับกุมไปแล้ว การค้นพบนี้ช่วยเพิ่มข้อบ่งชี้ว่าเหตุระเบิดและกราดยิงในเมืองหลวงฝรั่งเศส จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 130 ราย เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนปีที่แล้ว จะต้องมีการวางแผนบางส่วนในเบลเยียมเป็นอย่างน้อย      ในบรรดาผู้ก่อเหตุครั้งนั้นมี 2 รายอาศัยอยู่ในบรัสเซลส์ ซึ่งทางการเบลเยียมได้จับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ไปแล้ว 10 ราย รวมถึงคนที่เช่าอพาร์ตเมนท์ดังกล่าวในเขตชาบีคของกรุงบรัสเซลส์      เจ้าหน้าที่สืบสวนยังพบลายนิ้วมือของ “ซาเลาะห์ อับเดสลาม” หนึ่งในคนร้ายที่กลับมาจากปารีสตอนเช้าหลังก่อเหตุ ซึ่งยังคงลอยนวลอยู่ในขณะนี้      ผู้ที่ถูกจับกุมหลายรายในเบลเยียมมีความเชื่อมโยงกับอับเดสลาม…

อาจไม่ใช่เพียงสนามทดลองอาวุธไซเบอร์

Loading

     เมืองอิวาโน-แฟรงคิฟสก์ น่าจะอยู่ห่างจากสมรภูมิชายแดนรัสเซีย เมืองที่มีชื่อเดียวกับจังหวัดทางฝั่งตะวันตกของยูเครน ห่างไกลจากจังหวัดโดเนทสก์ทางฝั่งตะวันออกที่เป็นพื้นที่การสู้รบแบ่งแยกดินแดนของกลุ่มกบฏฝักไฝ่รัสเซียมากมายนัก กระนั้นก็ดี เมืองอิวาโน-แฟรงคิฟสก์กลับตกอยู่ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงด้วยอาวุธรูปแบบใหม่ และดูเหมือนว่าอาวุธชนิดนี้จะมีประสิทธิภาพสูงเสียด้วย      ในช่วงเกิดเหตุเมืองอิวาโน-แฟรงคิฟสก์ อยู่ในช่วงฤดูหนาวที่แสนเยือกเย็น ระดับติดลบต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ประชากรหลายล้านคนในเมืองแห่งนี้ต้องเผชิญกับความหนาวแสนสาหัสโดยไม่มีแหล่งพลังงานเพื่อให้ไออุ่น เพราะอาวุธที่ว่านี้ทำลายระบบโรงไฟฟ้าจนทำงานไม่ได้อยู่หลายชั่วโมง      อาวุธร้ายนี้คือ “มัลแวร์” ที่ติดตั้งเข้าไปในระบบโดยความสะเพร่า รู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเจ้าหน้าที่โรงไฟฟ้า ที่ได้รับอีเมลซึ่งแฝงมัลแวร์ร้ายมากับไฟล์เอกสารไมโครซอฟท์ออฟฟิศ และเปิดออกมาโดยใช้คอมพิวเตอร์ในโรงไฟฟ้า ทำให้มัลแวร์ตัวนี้แพร่กระจายเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ ปิดระบบการทำงานของโรงไฟฟ้าโดยสิ้นเชิง      เป็นกับดักง่ายๆ ที่ได้ผลสำหรับผู้ใช้มัลแวร์ที่ต้องการทดลองความร้ายกาจของชุดคำสั่งของตนเอง และนับเป็นตัวอย่างที่ดีของจุดกำเนิดสงครามไซเบอร์ในอนาคตอันใกล้      อันตรายจากการใช้มัลแวร์ในช่วงเวลาที่เหมาะสมเช่นนี้ ทำให้ประชากรหลายล้านคนตกอยู่ในความเสี่ยงต่อสุขภาพ นายเดวิด เอ. คอลล์ แห่งมหาวิทยาลัยบอลสเตท ประเมินว่าการขาดแคลนพลังงาน(ในช่วงเวลาเช่นนี้) ก่อให้เกิดผลกระทบลำดับสองตามมา เช่นการสำลักก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่เกิดจากการจุดกองไฟเพื่อสร้างไออุ่น ความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย และการผลักดันให้ประชาชนต้องออกจากบ้านเรือนมาหาไออุ่นภายนอกเพราะในตัวบ้านที่แสนหนาวเย็นนั้นไม่มีไฟฟ้าป้อนเข้าสู่ระบบฮีตเตอร์      โชคดีที่โรงไฟฟ้าในเมืองอิวาโน-แฟรงคิฟสก์นั้นสามารถกลับมาทำงานได้ในอีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่วิศวกรที่สะเพร่าดาวน์โหลดเอกสารจากอีเมลที่ไม่คุ้นเคยมาใส่ในระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมโรงไฟฟ้า แต่ก็มีโอกาสมากมายที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้อาจจะทำงานไม่ได้อีกต่อไป หากผู้ผลิตมัลแวร์เพิ่มประสิทธิภาพการทำลายโรงไฟฟ้า      นักวิจัยแห่งอีเสท (ESET)…