อินโดนีเซียสังหารหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายมูจาฮิดีนโยงไอเอส

Loading

  ตำรวจอินโดนีเซียเผยว่า สามารถสังหารหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายมูจาฮิดีนอินโดนีเซียตะวันออก (เอ็มไอที) ที่เป็นเครือข่ายกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้ระหว่างการยิงต่อสู้ในป่าของจังหวัดสุลาเวสีกลางเมื่อวันเสาร์ เอเอฟพีรายงานอ้างคำแถลงของตำรวจอินโดนีเซียเมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 กันยายนว่า อาลี คาโลรา หัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายมูจาฮิดีนอินโดนีเซียตะวันออก (เอ็มไอที) ถูกยิงเสียชีวิตในป่าของจังหวัดสุลาเวสีกลาง พร้อมกับจากา รามาดาน สมาชิกอีกคนของกลุ่มนี้ รายงานของรอยเตอร์กล่าวว่า อาลีถูกสังหารในปฏิบัติการร่วมระหว่างทหารและตำรวจที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งบนเกาะสุลาเวสีเมื่อบ่ายวันเสาร์ เจ้าหน้าที่ยึดวัตถุระเบิด, ปืนเอ็ม 16 หนึ่งกระบอก และมีดสปาร์ตา 2 เล่ม และพบหลักฐานกิจกรรมก่อการร้ายอย่างอื่น รูดี สุฟาห์รีอาดี ผู้กำกับการตำรวจสุลาเวสีกลาง กล่าวว่า ตำรวจกำลังตามล่าผู้ก่อการร้ายเอ็มไอทีอีก 4 คนที่หลบหนีอยู่ สองเดือนก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอินโดนีเซียสังหารผู้ต้องสงสัยสมาชิกกลุ่มนี้ 2 คนที่อำเภอปาริกีมูตงแห่งเดียวกันนี้ ซึ่งอยู่ใกล้กับอำเภอโปโซที่เป็นแหล่งกบดานของเอ็มไอที กลุ่มนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มหัวรุนแรงหลายสิบกลุ่มในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประกาศสามิภักดิ์ต่อกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) และถูกรัฐบาลสหรัฐขึ้นบัญชีเป็นองค์กรก่อการร้าย กลุ่มเอ็มไอทีหลบซ่อนตามป่าบนเกาะสุลาเวสีมาหลายปี แม้เชื่อกันว่าปัจจุบันกลุ่มนี้มีสมาชิกไม่มากนัก แต่พวกเขาถูกกล่าวหาว่าก่อเหตุโจมตีนองเลือดหลายครั้ง รวมถึงการสังหารชาวนา 4 คนในหมู่บ้านห่างไกลเมื่อเดือนพฤษภาคม โดยมีรายงานว่าชาวนาคนหนึ่งโดนตัดศีรษะ อาลี คาโลรา ขึ้นมาเป็นหัวหน้ากลุ่มเอ็มไอที ภายหลังซานโตโซ หัวหน้ากลุ่มคนก่อนซึ่งเป็นคนร้ายที่ทางการอินโดนีเซียต้องการตัวมากที่สุด…

ตำรวจตรึงกำลังรอบรัฐสภาสหรัฐ หลังม็อบหนุน “ทรัมป์” ชุมนุมประท้วงเหตุจลาจล 6 ม.ค.

Loading

  สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงราว 100-200 คนรวมตัวกันบริเวณอาคารรัฐสภาของสหรัฐเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรึงกำลังอย่างแน่นหนา โดยมีสื่อมวลชนเฝ้าสังเกตการณ์อยู่โดยรอบ รายงานข่าวระบุว่า กลุ่มผู้ที่ออกมาชุมนุมในครั้งนี้เป็นกลุ่มขวาจัดที่ต้องการสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงซึ่งบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขัดขวางกระบวนการประกาศชัยชนะของนายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2563 ทั้งนี้ ผู้ที่มาร่วมชุมนุมนั้นมีจำนวนน้อยกว่าที่ผู้จัดงานคาดการณ์ไว้ว่าน่าจะมีราว 700 คน การออกมาชุมนุมในครั้งนี้ซึ่งใช้ชื่อว่า “Justice for J6” เป็นความพยายามของฝ่ายขวาจัดที่สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยผู้ปราศรัยได้ยืนยันว่า ผู้ที่ถูกควบคุมตัวเนื่องจากเหตุจลาจลเมื่อวันที่ 6 ม.ค.นั้นเป็น “นักโทษทางการเมือง” ซึ่งไม่ได้ก่อความรุนแรง “ประเด็นนี้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมและการเลือกปฏิบัติที่ขัดต่อกฎหมาย” นายแมตต์ เบรย์นาร์ด แกนนำการชุมนุมและผู้สนับสนุนคำกล่าวอ้างซึ่งระบุว่า การที่อดีตปธน.ทรัมป์พ่ายแพ้เลือกตั้งนั้นเพราะมีการโกงเกิดขึ้น ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายร้อยนายได้ตรึงกำลังรอบอาคารรัฐสภา และนำรั้วสูง 2.44 เมตรมาติดตั้งรอบอาคารอีกครั้ง เนื่องจากไม่น่าไว้วางใจในสถานการณ์ที่อาจนำไปสู่การเกิดเหตุซ้ำรอยเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ขณะที่ตำรวจประจำอาคารรัฐสภาระบุว่า ได้จับกุมบุคคล 4 ราย โดยหนึ่งในนั้นมีชายคนหนึ่งที่พกปืนปะปนเข้ามาในฝูงชน อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเพราะเหตุใดชายคนดังกล่าวจึงเข้ามายังที่ชุมนุม นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้แยกชายคนหนึ่งซึ่งพกมีดขนาดใหญ่เหน็บไว้ที่เอวออกมาจากกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย   —————————————————————————————————————————————– ที่มา :…

ธนาคารยักษ์ใหญ่ของเวเนซูเอล่าถูกโจมตีทางไซเบอร์

Loading

  รัฐบาลเวเนซูเอล่าเปิดเผยว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมามีการโจมตีทางไซเบอร์ต่อ Banco de Venezuela หนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ จนระบบเครือข่ายล่ม ทำให้ลูกค้าไม่สามารถใช้งานบัญชีหรือบริการต่าง ๆ ของธนาคารได้ โดยรัฐบาลได้ระบุเพิ่มเติมว่าการโจมตีฯ ดังกล่าวถือเป็น ‘การก่อการร้าย’ “มีการก่อการร้ายต่อระบบการเงินของประเทศ โดยเฉพาะต่อแพลตฟอร์มทางเทคโนโลยีของ Banco de Venezuela ซึ่งเป็นธนาคารหลักของประเทศ” รัฐบาลแถลงและให้คำมั่นว่าจะปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน โดยทางสำนักงานอัยการสูงสุดกำลังเข้าสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ธนาคาร Banco de Venezuela ชี้แจงผ่านทางโซเชียลมีเดียว่าทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อระบบให้กลับมาใช้งานได้ ที่่มา BERNAMA   ———————————————————————————————————————————————- ที่มา : Beartai     /  วันที่เผยแพร่ 18 ก.ย.2564 Link : https://www.beartai.com/news/itnews/784516

ฝ่ายต้านรัฐบาลทหารพม่าเปลี่ยนยุทธวิธีโจมตีพุ่งเป้าทรัพย์สินกองทัพ เสาสื่อสารหลายสิบโดนระเบิดพังยับ

Loading

  รอยเตอร์ – คาดว่าประชาชนในพม่าราว 700,000 คน ไม่สามารถเข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ หลังเกิดเหตุโจมตีอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ดำเนินการโดย Mytel บริษัทที่ควบคุมโดยกองทัพบางส่วนระบุ ท่ามกลางรายงานที่ว่าเสาสัญญาณมือถือของบริษัทได้รับความเสียหายหลายสิบต้น เหตุระเบิดเกิดขึ้นหลายครั้งนับตั้งแต่รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ที่ตั้งขึ้นเพื่อต่อต้านการรัฐประหารของกองทัพเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ได้ประกาศทำสงครามป้องกันประชาชนกับรัฐบาลทหารเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พม่าตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวายนับตั้งแต่รัฐบาลของอองซานซูจีถูกโค่นล้ม ที่นำไปสู่การชุมนุมประท้วงและการผละงานทั่วประเทศ และการเกิดขึ้นของกองกำลังติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลทหาร นอกจากนี้ ยังมีเหตุนองเลือดเกิดขึ้นในบางพื้นที่ หลังรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติประกาศการลุกฮือและเรียกร้องให้กองกำลังติดอาวุธที่รู้จักในชื่อ ‘กองกำลังป้องกันประชาชน’ มุ่งโจมตีรัฐบาลทหารและทรัพย์สินของพวกเขา “การทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารโทรคมนาคมกำลังขัดขวางวิธีการที่จะเข้าถึงข้อมูล การศึกษา และบริการสำคัญต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตของประชาชนหลายแสนคน” โฆษกของบริษัท Mytel ที่เป็นกิจการร่วมทุนระหว่างกองทัพพม่า และบริษัท Viettel ของกระทรวงกลาโหมเวียดนาม ระบุ การโจมตีส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ชนบทและเสาสัญญาณมากกว่า 80 ต้นของบริษัท Mytel ถูกทำลายเสียหาย โดยกองกำลังป้องกันประชาชนได้อ้างความรับผิดชอบในบางพื้นที่ ตามการรายงานของหนังสือพิมพ์อิรวดีสัปดาห์นี้ โฆษกของกองทัพไม่ได้ตอบสนองคำร้องขอความคิดเห็นของรอยเตอร์ แต่ในจดหมายข่าวของกองทัพที่ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ระบุว่า มีเหตุระเบิดเกิดขึ้นกับเสาโทรคมนาคมสาธารณะ ทั้งนี้ กองทัพไม่ได้ระบุเจาะจงว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร แต่ได้กล่าวหาองค์กรก่อการร้าย NUG ว่าส่งเสริมความรุนแรง และคลิปวิดีโอบนสื่อสังคมออนไลน์ได้แสดงให้เห็นสิ่งที่ดูเหมือนเป็นการระเบิดเสาสื่อสาร…

โหลดฟรี ตัวถอดรหัส REvil ransomware หลังกลุ่มแฮกเกอร์หายตัวลึกลับ

Loading

  บริษัทรักษาความปลอดภัย Bitdefender ได้ร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เปิดตัวซอฟต์แวร์ฟรีเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของ REvil ซึ่งเป็นแรนซัมแวร์ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตี Kaseya ในเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมาครับ Bitdefender ไม่สามารถบอกได้ว่าหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายใดกำลังทำงานอยู่ เนื่องจากการสอบสวน REvil ของพวกเขายังดำเนินอยู่ พวกเขาไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้จนเรื่องนี้จะสิ้นสุดเสียก่อนครับ และพวกเขาระบุว่าพวกเขาควรปล่อยตัวถอดรหัสโดยเร็วที่สุดเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ถูกโจมตีโดย REvil ransomware Bitdefender อ้างว่าตัวถอดรหัสสากลสามารถปลดล็อกไฟล์บนระบบใด ๆ ที่ REvil เข้ารหัสก่อนวันที่ 13 กรกฎาคมของปีนี้ แต่การหายตัวไปของกลุ่ม REvil ก่อนหน้านี้ (ไม่รู้โดนอุ้มหรือเปล่านะ) ทำให้เหยื่อไม่สามารถจ่ายค่าไถ่เพื่อปลดล็อคไฟล์ของตนเองได้ จึงปล่อยซอฟต์แวร์ฟรีเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ สำหรับใครที่ต้องการเก็บเครื่องมือถอดรหัส หรืออ่านคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับ REvil สามารถดูได้ที่ >> https://www.bitdefender.com/…/bitdefender-offers-free-univ…/   —————————————————————————————————————————————————- ที่มา : TechHub          / วันที่เผยแพร่  17 ก.ย.2564 Link : https://www.techhub.in.th/free-universal-decryptor-for-revil-sodinokibi-ransomware/

ยูเอ็น เรียกร้องพักแผนการจำหน่าย-ใช้งานปัญญาประดิษฐ์

Loading

  ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้มีการประกาศพักแผนจำหน่ายและใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI – Artificial Intelligence) ทั้งหลายไว้ชั่วคราว เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงรุนแรงด้านสิทธิมนุษยชน ในรายงานล่าสุดที่จะนำเสนอต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ มิเชลล์ แบเชเลท์ ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ รวบรวมบทวิเคราะห์เกี่ยวกับผลกระทบของเทคโนโลยีล้ำสมัยต่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งชี้ว่า AI นั้น อาจเป็นวิวัฒนาการที่ดี แต่ก็อาจล่วงล้ำและมีผลกระทบเลวร้ายรุนแรงต่อสิทธิ์ของผู้คน รวมทั้งความเป็นส่วนตัวของประชาชนได้ ขณะเดียวกัน เพ็กกี ฮิคส์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวด้วยว่า ระบบ AI อาจมีข้อผิดพลาดและมาพร้อมกับความเอนเอียงที่ฝังตัวอยู่ในระบบ ซึ่งอาจนำไปสู่การเลือกปฏิบัติและทำลายโอกาสการหางานหรือการได้รับสวัสดิการและสิทธิประโยชน์จากระบบประกันสังคมได้ รายงานฉบับนี้ยังชี้ด้วยว่า ปัจจุบัน รัฐบาล องค์กรระหว่างประเทศ และบริษัทเทคโนโลยีทั้งหลายเริ่มนำเทคโนโลยีไบโอเมตริกมาใช้งานกันมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อช่วยในการระบุอัตลักษณ์ของบุคคล ซึ่งเปิดทางให้มีการใช้งานเพื่อติดตามตัวบุคคลได้อย่างไม่จำกัดได้ด้วย เพ็กกี ฮิคส์ กล่าวเสริมว่า ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติแนะนำให้มีการประกาศพักการใช้งานเทคโนโลยีจดจำใบหน้าไบโอเมตริกในพื้นที่สาธารณะด้วย เนื่องจากการใช้งานระบบนี้อาจเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อเสรีภาพของประชาชนได้   ——————————————————————————————————————————————————————– ที่มา : VOA Thai      / วันที่เผยแพร่  17 ก.ย.2564 Link :…