เศรษฐกิจ ‘แคว้นแคชเมียร์’ หยุดชะงัก หลังรัฐบาลอินเดียตัดอินเทอร์เน็ต

Loading

FILE PHOTO: A Kashmir girl rides her bike past Indian security force personnel standing guard in front closed shops in a street in Srinagar, October 30, 2019. REUTERS/Danish Ismail/File Photo มาตรการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตในแคว้นจัมมูและแคว้นแคชเมียร์ของอินเดีย ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของชุมชนต่าง ๆ ในแคว้นดังกล่าว และทำให้มีคนตกงานหลายพันคน ตามรายงานขององค์กรสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่ม องค์กร Access Now ซึ่งติดตามตรวจสอบสถานการณ์ในแคว้นแคชเมียร์มาตั้งแต่เกิดการประท้วงเรื่องการยกเลิกสถานะการปกครองตนเองเมื่อหลายเดือนก่อน ระบุว่า “การที่ดินแดนนี้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา กำลังสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อชุมชนท้องถิ่น” รัฐบาลอินเดียยืนยันว่า มาตรการตัดอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการป้องกันการโจมตีของผู้ก่อการร้าย แต่นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าเป็นมาตรการที่รัฐนำมาใช้เพื่อป้องกันการปลุกระดมผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งจะนำไปสู่การประท้วงครั้งใหญ่มากกว่า คุณชี้ค อาชิก ประธานหอการค้าแคชเมียร์ กล่าวว่า มีชาวแคชเมียร์ตกงานมากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมสินค้าทำมือต่าง ๆ…

หญิงจีนถูกจับขณะพยายามถ่ายรูปในเขตบ้านพักตากอากาศทรัมป์

Loading

FILE – President Donald Trump’s Mar-a-Lago estate in Palm Beach, Florida. สตรีชาวจีนผู้หนึ่งถูกจับกุมในข้อหาบุกรุกอาณาบริเวณของบ้านพักตากอากาศ “มาร์-อะ-ลาโก้” ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในรัฐฟลอริด้า ซึ่งถือเป็นครั้งที่สองในปีนี้ที่มีหญิงชาวจีนถูกจับกุมในข้อหาเดียวกัน จิง หลู สตรีวัย 56 ปีจากประเทศจีน ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมาร์-อะ-ลาโก้ ไล่ออกไปจากเขตบ้านพักดังกล่าว แต่เธอย้อนกลับมาอีกครั้งถ่ายรูปรอบ ๆ จึงถูกตำรวจเขตปาล์มบีชจับกุมตัวไว้ในข้อหาเตร็ดเตร่ ก่อนที่จะพบว่าวีซ่าของเธอหมดอายุแล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์และครอบครัวไม่ได้อยู่ที่มาร์-อะ-ลาโก้ ในเวลานี้ แต่คาดว่าจะเดินทางไปพักที่บ้านพักดังกล่าวในสุดสัปดาห์นี้รวมทั้งในช่วงวันหยุดคริสต์มาสด้วย เมื่อเดือนมีนาคม นักธุรกิจหญิงจีนผู้หนึ่งจากนครเซี่ยงไฮ้ ชื่อ ยูจิง จาง วัย 33 ปี เข้าไปในเขตมาร์-อะ-ลาโก้ พร้อมคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์อื่น ๆ ทำให้เกิดความสังสัยว่าเธออาจเป็นสายลับของรัฐบาลจีน อย่างไรก็ตาม ผลการสืบสวนพบว่าเธอเพียงแต่เป็นคนชื่นชอบประธานาธิบดีทรัมป์ และต้องการพบกับผู้นำสหรัฐฯ และครอบครัวเพื่อพูดคุยเรื่องธุรกิจเท่านั้น ถึงกระนั้น เธอถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาบุกรุกและให้การเท็จต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประธานาธิบดี โดยถูกลงโทษให้บำเพ็ญประโยชน์ก่อนที่จะถูกส่งตัวกลับประเทศจีน ————————————————- ที่มา…

ทีมงาน “ชวน” แจงระเบียบการใช้เวทีแถลงข่าวสภาฯ

Loading

คณะทำงานการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงระเบียบการใช้ห้องแถลงข่าวสภาผู้แทนราษฎร ย้ำเป็นการกลั่นกรองเนื้อหาที่จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ ( 18 ธ.ค.2562) หลังจากที่มีภาพการจูบกันของบุคคลที่ร่วมแถลงข่าวของ กลุ่ม LGBT ที่จุดการแถลงข่าวของสภาผู้แทนราษฎรปรากฎวันนี้ นางผ่องศรี ธาราภูมิ หัวหน้าคณะทำงานการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายแทนคุณ จิตติ์อิสระ เลขานุการคณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร ร่วมแถลงเกี่ยวกับ ระเบียบหลักเกณฑ์การใช้ห้องการแถลงข่าวของรัฐสภา โดยย้ำว่ามีข้อกำหนดห้ามใช้เวทีแถลงข่าวที่ใช้คำไม่เหมาะสม เช่น การแขวะ หรือการดูถูกผู้อื่น หรือการแสดงพฤติกรรมที่ส่อไปทางอานาจาร แลห้ามแสดงออกเชิงลามกอนาจาร เหยียดหยามดูถูกดูแคลน ให้ร้ายป้ายสี ซึ่งจะต้องรักษามารยาทให้เป็นไปอย่างเรียบร้อยด้วยวาจาสุภาพ และรักษาระเบียบอย่างเคร่งครัด ยังอ้างอิงว่าในการแถลงข่าวหลายครั้งที่ผ่านมายังมีการละเมิดกติกาข้อบังคับการใช้พื้นที่แถลงข่าว เป็นเหตุให้ต้องมีความเข้มงวดในการคัดกรองการแถลงข่าวให้เป็นไปตามระเบียบ พร้อมย้ำว่าการไลฟ์สดให้ทำได้เฉพาะผู้สื่อข่าวและผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่าน้ัน และยืนยันไม่ได้ปิดกั้นเสรีภาพ แต่ต้องเคารพกฎกติกา ขณะเดียวกันการจัดระเบียบนี้จะเป็นการกลั่นกรองเนื้อหาที่จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสภาผู้แทนราษฎร นางผ่องศรี ระบุว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องการให้เป็นต้นแบบของการแถลงข่าวเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ประชาชนในการใช้พื้นที่แถลงข่าว ซึ่งระเบียบนี้ประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2551 กำหนดบุคคลที่ใช้ห้องแถลงข่าวเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านฯ สมาชิกรัฐสภาและกรรมาธิการ กลุ่มที่ 2 เลขาธิารสภาผู้แทนราษฎร เลขาธิการวุฒิสภา และข้าราชการสามัญรัฐสภาที่ได้รับมอบหมาย กลุ่มที่ 3 อดีตสมาชิกรัฐสภา กลุ่มที่…

จีนเริ่มใช้ระบบศาลอัจฉริยะสำหรับคดีพิพาทออนไลน์

Loading

A virtual judge hears litigants in a case before a Chinese “internet court” in Hangzhou, China. (Courtesy: AFP/YouTube video) ในความพยายามเพื่อลดปริมาณงานสำหรับมนุษย์และเพิ่มประสิทธิภาพรวมทั้งความเร็วของกระบวนการในศาล จีนเริ่มนำระบบศาลออนไลน์หรือที่เรียกว่าศาลอัจฉริยะมาใช้ที่กรุงปักกิ่งและเมืองกวางโจวหลังจากที่ได้ทดลองใช้เมืองหางโจวเมื่อปี 2560 จากการที่เมืองหางโจวเป็นศูนย์กลางของบริษัทเทคโนโลยีของจีน โดยในสมาร์ทคอร์ทหรือศาลอัจฉริยะที่ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์เข้าช่วยนี้ ผู้ร้องทุกข์สามารถลงทะเบียนคำร้องของตนทางอินเทอร์เน็ตและเข้าร่วมกระบวนการไต่สวนออนไลน์ ซึ่งศาลจะสื่อสารเรื่องราวและคำวินิจฉัยต่างๆ ให้กับคู่กรณีด้วยการส่งข้อมูลทางอุปกรณ์ดิจิทัล นับตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงตุลาคมปีนี้ มีชาวจีนเข้าใช้บริการศาลออนไลน์รวมแล้วกว่า 3 ล้าน 1 แสนครั้งและมีชาวจีนกว่า 1 ล้านคนพร้อมทั้งนักกฎหมายอีกกว่า 7 หมื่น 3 พันคนที่ลงทะเบียนร่วมใช้บริการเช่นกัน ในการสาธิตระบบดังกล่าวต่อสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ศาลออนไลน์ที่เมืองหางโจวแสดงกระบวนการไต่สวนซึ่งคู่กรณีสื่อสารกับผู้พิพากษาเสมือนจริงที่ทำงานด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ โดยผู้พิพากษาเสมือนจริงได้ถามโจทก์ว่าจำเลยมีข้อคัดค้านใดในหลักฐานที่ฝ่ายโจทก์ยื่นให้ศาลพิจารณาหรือไม่ อย่างไรก็ตามแม้จะมีการใช้ผู้พิพากษาเสมือนจริงที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ AI ก็ตามแต่ก็ยังมีผู้พิพากษาที่เป็นคนจริงคอยสังเกตกระบวนการและตรวจสอบคำวินิจฉัยที่สำคัญอยู่ ข้อดีอย่างหนึ่งของระบบศาลออนไลน์หรือสมาร์ทคอร์ทของจีนก็คือระบบศาลดังกล่าวสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์โดยไม่ถูกจำกัดอยู่เฉพาะเวลาราชการ และการยื่นคำร้องหรือการส่งเอกสารหลักฐานก็สามารถทำได้ออนไลน์โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปถึงศาลด้วย อย่างไรก็ตามตอนนี้ศาลออนไลน์ที่เมืองหางโจวรับพิจารณาเฉพาะคดีความเกี่ยวกับระบบดิจิทัลเท่านั้น เช่น ข้อพิพาทเรื่องการค้าทางระบบอินเทอร์เน็ต การละเมิดลิขสิทธิ์…

ประท้วงกฎหมายสถานะพลเมืองอินเดียลุกลามรุนแรงทั่วประเทศ

Loading

India Citizenship Law Protest การประท้วงต่อต้านกฎหมายสถานะพลเมืองฉบับใหม่ของอินเดียลุกลามไปทั่วประเทศในวันพุธ ท่ามกลางการปราบปรามของรัฐบาล การประท้วงปะทุขึ้นในนครมุมไบ เมืองเชนไน เมืองกาฮูอาตี และในรัฐทมิฬนาฎู นอกจากนี้ยังลุกลามไปถึงเมืองศรีนาการ์ เมืองโกชิ และรัฐราชสถาน ที่กรุงนิวเดลี ผู้ประท้วงหลายร้อยคนเดินขบวนด้านหน้ามหาวิทยาลัย Jamia Millia Islamia ที่ซึ่งเกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจกับนักศึกษาเมื่อวันอาทิตย์ โดยทางการได้สั่งจำกัดการชุมนุมของชาวมุสลิมในกรุงนิวเดลีหลังจากมีการเผาป้อมตำรวจและรถดยสารหลายคัน ส่วนที่รัฐอัสสัมทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เจ้าหน้าที่ได้สั่งปิดเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและประกาศเคอร์ฟิว บรรดาผู้นำพรรคฝ่ายค้านอินเดียปลุกระดมให้เกิดการประท้วงในหลายเมืองตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความกังวลของประชาชนในรัฐทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือว่ากฎหมายฉบับใหม่จะทำให้มีผู้อพยพชาวฮินดูได้รับสถานะพลเมืองอินเดียมากขึ้น กฎหมายสถานะพลเมืองฉบับใหม่ของอินเดียกำหนดไว้ว่า ผู้อพยพจากประเทศเพื่อนบ้านสามประเทศ คือ อัฟกานิสถาน ปากีสถาน และบังกลาเทศ ที่นับถือศาสนาที่ไม่ใช่ศาสนาหลักในประเทศเหล่านั้นรวม 6 ศาสนา เช่น ฮินดู ซิกห์ และคริสต์ จะได้รับสถานะพลเมืองอินเดียเร็วขึ้น แต่ไม่รวมอิสลาม รัฐบาลอินเดียปฏิเสธว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อชาวมุสลิม แต่เป็นเพราะชาวมุสลิมไม่ใช่ชนกลุ่มน้อยในประเทศเหล่านั้นซึ่งประชากรส่วนใหญ่นับถืออิสลาม บรรดาองค์กรอิสลาม กลุ่มสิทธิมนุษยชน และพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ต่างต่อต้านกฎหมายฉบับนี้โดยบอกว่าเป็นการเลือกปฏิบัติต่อชาวมุสลิม และว่าเป็นความพยายามของนายกรัฐมนตรีนเรนธรา โมดี ที่ต้องการลดความสำคัญของศาสนาอิสลามในอินเดีย ซึ่งนายกฯ โมดี ได้ออกมาปฏิเสธ ชาวมุสลิมในอินเดียจำนวนมากต่างบอกว่าพวกตนรู้สึกเหมือนเป็นพลเมืองชั้นสอง หลังจากที่นายกฯ โมดี ซึ่งนับถือศาสนาฮินดู…

ศาลออสซี่สั่งจำคุก 76 ปีสองพี่น้องซุกระเบิดใน ‘เครื่องบดเนื้อ’ หวังโจมตีเครื่องบินเอทิฮัด

Loading

เอเอฟพี – คนร้ายสองพี่น้องซึ่งนำระเบิดซุกซ่อนใน ‘เครื่องบดเนื้อ’ หวังก่อวินาศกรรมเครื่องบินโดยสารจากซิดนีย์ไปยังอาบูดาบีถูกศาลออสเตรเลียพิพากษาจำคุกเป็นเวลารวม 76 ปี วันนี้ (17 ธ.ค.) คอลิด และ มะห์มูด คายัต ซึ่งเป็นชาวออสเตรเลียเชื้อสายเลบานอน ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดฐานก่อการร้าย หลังพยายามนำระเบิดแสวงเครื่องขึ้นไปบนเครื่องบินโดยสารของสายการบินเอทิฮัดแอร์เวย์สเมื่อเดือน ก.ค. ปี 2017 ตามใบสั่งของกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) คอลิด ถูกตัดสินจำคุก 40 ปี โดยไม่มีสิทธิ์ยื่นขอทำทัณฑ์บนอย่างน้อย 30 ปี ขณะที่ มะห์มูด โดนโทษจำคุก 36 ปี ห้ามทำทัณฑ์บน 27 ปี ระเบิดเครื่องบดเนื้อถูกซ่อนเอาไว้ในกระเป๋าเดินทางของชายคนที่ 3 ซึ่งไม่ได้รู้เรื่องมาก่อน โดยทั้งหมดเป็นแผนบงการจากต่างแดนโดยชายคนที่ 4 ซึ่งมีรายงานว่าเคยร่วมต่อสู้กับนักรบไอเอสในซีเรีย อย่างไรก็ดี แผนวินาศกรรมมาถูกยกเลิกเอาในนาทีสุดท้าย หลังพนักงานสายการบินแจ้งว่ากระเป๋าเดินทางของพวกเขาน้ำหนักเกิน และกลุ่มผู้วางแผนเห็นว่าเสี่ยงเกินไปที่จะนำระเบิดผ่านด่านศุลกากร ผู้พิพากษา คริสทีน แอดัมสัน ชี้ว่า แม้จะไม่มีใครได้รับอันตรายจากแผนวินาศกรรมครั้งนี้ แต่จำเลยก็ประสบความสำเร็จในการ “สร้างความหวาดกลัว” เนื่องจากเรื่องนี้ถูกแจ้งให้ผู้โดยสารคนอื่นๆ…