ฮุน เซน สั่งปิดสื่ออิสระกัมพูชา “วีโอดี” อ้างทำลายชื่อเสียงรัฐบาล

Loading

    สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาสั่งปิดหนึ่งในสื่ออิสระแห่งสุดท้ายของประเทศ เพียงไม่กี่เดือนก่อนการเลือกตั้งของประเทศ นายฮุน เซน กล่าวในโพสต์บนเฟซบุ๊กเมื่อวันอาทิตย์ว่า “วีโอดี” (VOD) หรือ “วอยซ์ ออฟ เดโมเครซี” (Voice of Democracy) ได้เผยแพร่เรื่องราวที่ทำลายชื่อเสียงของรัฐบาลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยปฏิเสธที่จะยอมรับคำขอโทษของกลุ่ม และสั่ง ยกเลิกใบอนุญาตในวันจันทร์   ผู้สนับสนุนกล่าวว่าการสูญเสียวีโอดี ได้สร้างผลกระทบครั้งใหญ่ต่อสื่อมวลชนของประเทศ บรรณาธิการของวีโอดียืนยันว่า ตำรวจมาถึงสำนักงานในกรุงพนมเปญในเช้าวันจันทร์ พร้อมกับคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า การเข้าถึงเนื้อหาที่ผ่านมาในเว็บไซต์ภาษาเขมรและภาษาอังกฤษของวีโอดีก็ถูกบล็อกโดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบางราย   อานันธ์ บาลิกา รองบรรณาธิการกล่าวกับบีบีซีเมื่อวันจันทร์ว่า ผู้คนต่างตกตะลึงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก นับตั้งแต่เมื่อเรื่องราวถูกเผยแพร่ไปจนถึงการระงับใบอนุญาต   เมื่อวันอาทิตย์ ฮุน เซน กล่าวว่า เขากำลังดำเนินการปิดเว็บไซต์วีโอดี หลังจากเผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือของกัมพูชาต่อเหตุแผ่นดินไหวที่ตุรกี โดยรายงานเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ระบุว่า นายฮุน มาเนต ลูกชายคนโตของเขาได้เซ็นชื่อปิดท้ายการส่งสิ่งของให้ความช่วยเหลือมูลค่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ   ฮุน…

ธปท.ชงมาตรการเพิ่ม Biometric บนโมบายแบงกิ้ง ป้องกันบัญชีม้า-ฟอกเงิน

Loading

    ธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงินเห็นพ้องเรื่องการเพิ่มมาตรการยืนยันตัวตน ผ่านเทคโนโลยี Biometric Comparison หลังพบข้อมูลการทุจริตจากบัญชีม้าและธุรกรรมต้องสงสัย แต่จะจัดทำโดยไม่ขัดต่อกฏหมาย PDPA   นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. และสถาบันการเงินอยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการทุจริต และบัญชีม้าระหว่างกัน   โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ หลังจากร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีผลบังคับใช้ โดยร่าง พ.ร.ก. ดังกล่าว กำหนดให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจ สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีและธุรกรรมของลูกค้าที่ต้องสงสัยได้ โดยไม่ขัดตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล   ทั้งนี้ ธปท. ยังมีมาตรการป้องกันเพิ่มเติมด้วยคือมีการเพิ่มเงื่อนไขในกระบวนการยืนยันตัวตน โดยให้ธนาคารเพิ่มเทคโนโลยี biometric comparison บนโมบายแบงกิ้งเข้าไป หากพบว่ามีการโอนเงินที่ผิดเงื่อนไขตามที่กำหนด   ไม่ว่าจะเป็น การโอนเงินจำนวนมาก ทั้งจำนวนเงิน และความถี่ รวมถึงการปรับเพิ่มวงเงินต่อวัน โดยกำหนดตามพฤติกรรมหรือระดับความเสี่ยงของลูกค้าของธนาคาร รวมทั้งให้มีช่องทางติดต่อเร่งด่วน (Hotlines) อย่างเพียงพอตลอด 24 ชม. เพื่อเป็นช่องทางให้ลูกค้าสามารถแจ้งเหตุหลอกลวงได้โดยตรง…

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยบัตรเครดิตถูกหักชำระค่าโฆษณาสื่อสังคมออนไลน์ไม่ทราบสาเหตุ ชี้ต้องระวังเลขหลังบัตร

Loading

    เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 66 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์ เตือนภัยบัตรเครดิตถูกหักเงินชำระค่าโฆษณาสื่อสังคมออนไลน์โดยไม่ทราบสาเหตุ ดังนี้   ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ มีผู้เสียหายหลายรายแจ้งว่าบัตรเครดิตของตนถูกหักเงินไปชำระค่าโฆษณาสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ยกตัวอย่าง เช่น กรณีของผู้เสียหายรายหนึ่งถูกหักเงินจากบัตรเครดิตไปชำระค่าโฆษณาของแอปพลิเคชัน TikTok กว่า 7,000 บาท หรือผู้เสียหายอีกกรณีถูกหักเงินจากบัตรเครดิตไปชำระค่าโฆษณาแอปพลิเคชัน Facebook กว่า 18,000 บาท เป็นต้น ซึ่งทั้งสองกรณีผู้เสียหายยืนยันว่าไม่ได้ทำธุรกรรมดังกล่าว ไม่เคยผูกบัตรเครดิตไว้กับแอปพลิเคชันใด ๆ และในการถูกหักเงินออกจากบัตรเครดิตก็ไม่ได้รับรหัส OTP เพื่อยืนยันการทำธุรกรรม รวมไปถึงไม่พบการพยายามเข้าถึงระบบ (Login) ของแอปพลิเคชันดังกล่าวด้วย   ที่ผ่านมา กองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ตอท.) ได้ทำการสนับสนุนตรวจสอบหาสาเหตุของการหลอกลวงในรูปแบบดังกล่าวในอีกหลายรูปแบบ เช่น กรณีมิจฉาชีพอ้างเป็นสถาบันการเงินหลอกให้กดลิงก์อัปเดตข้อมูล ทำให้เงินในบัญชีผู้เสียหายสูญหายไป และยังเป็นหนี้บัตรเครดิตอีกจำนวนมาก หรือกรณีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นพนักงานบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต โทรศัพท์แจ้งผู้เสียหายว่าได้รับค่าสินไหมทดแทนจากการติดเชื้อโควิด-19 ขอข้อมูลเพื่อยืนยันตัวตน เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร…

องค์กรการแพทย์แคลิฟอร์เนีย เผยผู้ป่วย 3 ล้านคน อาจได้รับผลจากการแฮ็กข้อมูลเมื่อปลายปี 2022

Loading

    กลุ่มองค์กรทางการแพทย์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ส่งคำเตือนไปยังผู้ป่วย 3 ล้านคน ว่าแฮ็กเกอร์อาจขโมยข้อมูลด้านสุขภาพและข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ไปในช่วงที่มีเหตุโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ปีที่แล้ว   องค์กรเหล่านี้ ได้แก่ Regal Medical Group, Lakeside Medical Organization, ADOC Medical Group และ Greater Covina Medical   Regal ออกมาเปิดเผยว่า ได้จ้างผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกมาจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น และได้ทำงานร่วมกับบริษัทด้านไซเบอร์เพื่อกู้คืนระบบและตรวจสอบว่ามีข้อมูลใดที่ได้รับผลกระทบบ้าง   จากข้อมูลของหน่วยงานด้านไซเบอร์ พบว่าข้อมูลที่แฮ็กเกอร์ขโมยออกไปจากกลุ่มองค์กรเหล่านี้มีทั้ง ชื่อผู้ป่วย เลข Social Security ที่อยู่ วันเกิด ข้อมูลการวินิจฉัยโรคและการรักษา ผลตรวจห้องปฏิบัติการ ข้อมูลการสั่งยา ข้อมูลฉายรังสี ข้อมูลประกันสุขภาพ และเบอร์โทรศัพท์   กระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ของสหรัฐอเมริกา (DHH) ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเผยว่ามีผู้ป่วยถึง 3,300,638 รายที่ได้รับผลกระทบ…

Slick แอปวัยรุ่นอินเดียทำฐานข้อมูลผู้ใช้นับแสนรายหลุดบนโลกออนไลน์

Loading

    Slick แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียสัญชาติอินเดียที่ขณะนี้กำลังมาแรงทำฐานข้อมูลผู้ใช้งานหลุดสู่สาธารณะเป็นเวลาหลายเดือน ในจำนวนนี้มีข้อมูลเด็กนักเรียนด้วย   ฐานข้อมูลนี้หลุดออกมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม มีทั้งชื่อนามสกุล เบอร์โทร วันเกิด และรูปโปรไฟล์ของผู้ใช้งานมากกว่า 153,000 คน   ผู้ที่เจอฐานข้อมูลที่หลุดออกมานี้คือ อนุรัก เซ็น (Anurag Sen) จาก CloudDefense.ai ซึ่งได้ขอให้เว็บไซต์ TechCrunch ช่วยแจ้งเตือนไปยัง Slick ซึ่งทาง Slick ก็ได้แก้ไขเรียบร้อยแล้ว   เซ็นยังได้จากแจ้งไปยังหน่วยตอบโต้เหตุฉุกเฉินทางคอมพิวเตอร์อินเดีย (CERT-In) ให้ทราบด้วยแล้ว   TechCrunch พบว่าการหลุดรั่วของฐานข้อมูลในครั้งนี้เกิดจากการตั้งค่าที่ผิดพลาด ทำให้ใครก็ตามที่รู้เลขไอพีของฐานข้อมูลก็จะสามารถเข้าไปดูข้อมูลได้หมด   Slick เปิดให้ใช้งานครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 ก่อตั้งโดย อาจิต นันดา (Archit Nanda) อดีตผู้บริหาร Unacademy โดย Slick เป็นแพลตฟอร์มสำหรับนักเรียนและนักศึกษามาพูดคุยกันได้แบบไม่เปิดเผยตัวตน ในปัจจุบันมีผู้ดาวน์โหลดถึง 100,000 ครั้ง…

หวิดกลายเป็นเหยื่อ! สาวตกใจสัญญาณแจ้งเตือน โดน ‘แอปเปิล แอร์แท็ก’ ติดตาม ตำรวจค้นเจอเครื่องที่ใต้ท้องรถ

Loading

  หญิงสาวผู้มีไหวพริบ รีบขับรถไปหาตำรวจทันทีที่ได้รับการแจ้งเตือนว่ามี ‘แอปเปิล แอร์แท็ก’ ซึ่งไม่ใช่อุปกรณ์ของเธอเอง กำลังติดตามตัวเธออยู่ ทำให้รอดพ้นจากความเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อของอาชญากร   ‘แอร์แท็ก’ อุปกรณ์ติดตามตำแหน่งของบุคคลหรือสิ่งของจากบริษัท ‘แอปเปิล’ ที่ออกวางจำหน่ายเมื่อราว 2 ปีก่อนนั้น ผลิตขึ้นด้วยเจตนาดีและเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า แต่ขณะเดียวกันก็กลายเป็นดาบสองคมได้ เมื่อมีอาชญากรหัวใสนำไปใช้ในทางมิชอบ   อย่างในกรณีล่าสุดที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่หญิงสาวจากรายหนึ่งกำลังขับรถอยู่ในเมืองเออร์วิง รัฐเทกซัส เธอก็ได้รับสัญญาณแจ้งเตือนจากระบบว่ามี ‘แอร์แท็ก’ ติดตามตำแหน่งของเธออยู่ แต่หญิงสาวก็มีไหวพริบดีพอที่จะรีบขับรถตรงไปยังสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบ   ภายในเวลาเพียง 10 นาทีหลังจากที่เธอติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและได้เริ่มการตรวจสอบ พวกเขาก็พบว่ามีใครบางคนใช้เทปกาวติดอุปกรณ์แอร์แท็กไว้ใต้ท้องรถที่เธอขับมา   เจ้าหน้าตำรวจโรเบิร์ต รีฟส์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจไปตาม ๆ กัน เพราะนี่หมายถึงว่าหญิงสาวมีโอกาสตกเป็นเหยื่อของอาชญากรที่ติดตามรังควาน ล่วงละเมิดหรือทำร้ายร่างกาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคดีอาชญากรรมขั้นร้ายแรง   อย่างไรก็ตาม การที่หญิงสาวได้รับสัญญาณแจ้งเตือนดังกล่าวก็เป็นหนึ่งในมาตรการที่ทาง แอปเปิล ใช้เพื่อป้องกันการนำอุปกรณ์ไปใช้ในทางมิชอบ เช่น การแอบติดตามหรือตามรังควานตัวบุคคล ถ้าหากอุปกรณ์แอร์แท็กโดนแยกจากผู้เป็นเจ้าของและเคลื่อนที่ไปพร้อมกับบุคคลอื่น ผู้ที่มีแอร์แท็กอยู่กับตัว (แต่ไม่ใช่ของตัวเอง) จะได้รับสัญญาณแจ้งเตือนที่โทรศัพท์มือถือว่า “พบอุปกรณ์แอร์แท็กกำลังติดตามตำแหน่งของคุณ”  …