กองทัพแฮ็กเกอร์อาสาอ้างว่าได้แฮ็กระบบของธนาคารกลางรัสเซีย เพื่อสนับสนุนการรบของยูเครน

Loading

  IT Army of Ukraine กลุ่มอาสาสมัครแฮ็กเกอร์เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของยูเครนอ้างว่าได้ขโมย 27,000 ไฟล์จากธนาคารกลางของรัสเซีย ขนาดรวมกัน 2.6 กิกะไบต์ และนำไปปล่อยในเว็บไซต์ Anonfile   มิไคโล เฟโดรอฟ (Mykhailo Fedorov) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลของยูเครนชี้ว่าข้อมูลที่ IT Army of Ukraine ได้มานั้นมีทั้งข้อมูลบุคลากร ระบบธนาคารอัตโนมัติ การสื่อสารภายในองค์กร ระบบ KPI และข้อมูลอื่น ๆ ที่สำคัญต่อการบริหารธนาคาร   ในจำนวนนี้ยังมีข้อมูลการทำธุรกรรมของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย และข้อมูลส่วนบุคคลของบุคลากรในกองทัพรัสเซียด้วย   ทางด้านสำนักข่าว TASS ของรัฐบาลรัสเซียได้ออกข่าวปฏิเสธการแฮกในครั้งนี้ พร้อมระบุด้วยว่าเอกสารที่ยูเครนอ้างว่าแฮ็กไปได้นั้น เป็นสิ่งที่หาได้ทั่วไปบนโลกออนไลน์     ที่มา GovInfoSecurity         ——————————————————————————————————————————- ที่มา :         …

แฮ็กเกอร์ปล่อยข้อมูลของ Medibank ลงดาร์กเว็บ หลังไม่ได้รับค่าไถ่

Loading

  REvil กลุ่มมัลแวร์เรียกค่าไถ่นำข้อมูลละเอียดอ่อนของลูกค้าที่ขโมยมาได้จาก Medibank ผู้ให้บริการประกันสุขภาพรายใหญ่ของออสเตรเลียไปปล่อยลงดาร์กเว็บ หลังจากที่ Medibank ไม่ยอมจ่ายค่าไถ่   ข้อมูลที่ถูกนำมาปล่อยมีทั้ง ชื่อ ที่อยู่ วันเกิด เบอร์โทรศัพท์ อีเมล เลขหนังสือเดินทาง และข้อมูล Medicare หรือข้อมูลประกันสุขภาพของลูกค้า   ในจำนวนนี้ยังมีข้อมูลประวัติการรักษาของเหยื่อด้วย ซึ่งในบางกรณีเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิต และการติดยาเสพติด รวมถึงข้อมูลการทำแท้งด้วย   Medibank เผยว่าได้รับทราบกรณีดังกล่าวแล้ว และเชื่อว่าข้อมูลที่ REvil เอามาปล่อยนั้นเป็นข้อมูลลูกค้าของทางบริษัทจริง และย้ำว่าจะแจ้งให้ลูกค้าทราบโดยละเอียด พร้อมให้คำแนะนำว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป   ก่อนหน้านี้ทาง REvil เรียกค่าไถ่สูงถึง 10 ล้านเหรียญ (ราว 368.9 ล้านบาท) ก่อนจะลดลงมาเหลือ 9.7 ล้านเหรียญ (ราว 357 ล้านบาท) ตามจำนวนของลูกค้าที่ถูกแฮ็กข้อมูล   ทรอย ฮันต์ (Troy Hunt) ผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ให้ความเห็นว่าการปล่อยข้อมูลของ REvil…

ผลการศึกษาเผย ผู้บริหารด้านไซเบอร์ส่วนใหญ่ยอมจ่ายเงินค่าไถ่ให้แฮ็กเกอร์

Loading

  รายงานของ Rubrik Zero Labs ที่สอบถามความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ในระดับบริหารจำนวนทั้งสิ้น 1,600 คน พบว่าร้อยละ 76 ของกลุ่มตัวอย่างมีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินค่าไถ่หากถูกโจมตีด้วย   ในจำนวนนี้ ร้อยละ 92 ชี้ว่าที่ต้องจำใจจ่ายเงินก็เพราะไม่มั่นใจว่าหากไม่จ่ายแล้วจะสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ขณะที่ 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสำรวจเชื่อว่าบอร์ดบริหารของบริษัทมีความมั่นใจน้อยมากหรือไม่มีความมั่นใจเลยว่าจะสามารถกู้คืนข้อมูลสำคัญของบริษัทหลังจากถูกโจมตีทางไซเบอร์ได้   นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบทุกคนเผยว่าบริษัทของตัวเองถูกโจมตีทางไซเบอร์ในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยแล้วถูกโจมตีมากถึง 47 ครั้งใน 12 เดือน ในจำนวนนี้มีเพียงร้อยละ 5 เท่านั้นที่สามารถกลับไปดำเนินการธุรกิจตามปกติได้ภายใน 1 ชั่วโมงหลังตรวจพบการโจมตี ที่สำคัญคือมีเพียงร้อยละ 11 เท่านั้นที่ได้แก้ไขช่องโหว่ที่พบในระบบของบริษัทไปแล้ว   การโจมตีทางไซเบอร์ยังส่งผลสำคัญต่อสุขภาพจิตของบุคลากร ร้อยละ 96 ของผู้ตอบแบบสำรวจเผยว่าได้รับผลกระทบทางอารมณ์และจิตวิทยาจากการโจมตีทางไซเบอร์   เหตุผลส่วนใหญ่เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงในหน้าที่การงาน ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็กลัวว่าจะสูญเสียความเชื่อมั่นจากเพื่อนร่วมงาน ซึ่งราวร้อยละ 30 เผยว่าการโจมตีทางไซเบอร์ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับบริหารทันที     ที่มา TechRadar      …

อังกฤษปูพรมตรวจเซิร์ฟเวอร์ทั่วประเทศ

Loading

  ศูนย์ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติของสหราชอาณาจักร (NCSC) ได้ทำการตรวจหาช่องโหว่ในเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดที่มีในประเทศเพื่อประเมินศักยภาพด้านการป้องกันไซเบอร์ในภาพรวม   NCSC ใช้เครื่องมือสแกนที่มีฐานบนคลาวด์ ในเซิร์ฟเวอร์ที่มีโดเมน scanner .scanning .service .ncsc .gov .uk  เครื่องมือสแกนนี้จะค่อย ๆ เพิ่มระดับความซับซ้อนในการสแกนขึ้นเรื่อย ๆ คล้ายกับวิธีที่บริษัทไซเบอร์ใช้   เอียน เลวี (Ian Levy) ผู้อำนวยการด้านเทคนิกของ NCSC เผยความจำเป็นที่ต้องมีการปูพรมตรวจเซิร์ฟเวอร์ทั่วประเทศในครั้งนี้ ก็เพราะว่าต้องการทำความเข้าใจรูปแบบและประเภทความเสี่ยงจากภัยทางไซเบอร์ที่มีต่อสหราชอาณาจักร   ทั้งนี้ NCSC ชี้ว่าในการสแกนครั้งนี้ ทางหน่วยงานจะเก็บข้อมูลผู้ใช้แค่ในระดับพื้นฐานเท่านั้น ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่อยู่เว็บ วันและเวลาของการขอข้อมูล และที่อยู่ IP   ทาง NCSC ให้ความมั่นใจอีกว่าข้อมูลที่เก็บโดยไม่ได้ตั้งใจจะถูกลบออกไปทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้มีความผิดพลาดซ้ำสองอีก และเป็นการสร้างความโปร่งใสให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยจะมีการเปิดเผยวัตถุประสงค์และขอบเขตของระบบสแกนในอนาคต และจะมีการตรวจสอบกรณีมีการรายงานเกี่ยวกับการกิจกรรมที่มิชอบ   ประชาชนสามารถเลือกที่จะไม่ให้ NCSC มาสแกนเซิร์ฟเวอร์ของตัวเองได้โดยการส่งอีเมลไปยังหน่วยงาน     ที่มา TechRadar      …

นักวิจัยพบช่องโหว่ Polite WiFi ทำให้แฮ็กเกอร์รู้ตำแหน่งและเจาะข้อมูลได้ง่าย

Loading

  นักวิจัยพบข้อบกพร่องของ WiFi แบบ Polite WiFi ทำให้แฮ็กเกอร์ระบุตำแหน่งด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านกำแพงที่มีความหนาถึง 3.3 ฟุต ได้อย่างง่ายดาย   ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอเตอร์ลู (University of Waterloo) ค้นพบว่าอุปกรณ์สมาร์ตโฟนต่าง ๆ มีการตอบรับสัญญาณโดยอัตโนมัติ แม้ว่าจะมีการเข้ารหัสเอาไว้ก็ตาม ทำให้แฮ็กเกอร์รู้ตำแหน่งของอุปกรณ์อัจฉริยะทั้งหลาย เช่น กล้องวงจรปิด แล็ปท็อป สมาร์ตทีวี หรือสามารถติดตามอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างโทรศัพท์มือถือได้ง่าย   เนื่องจากมีการพัฒนาโดรนบินที่เรียกว่า Wi-Peep ซึ่งจะส่งสัญญาณหลายประเภทในขณะบินและวัดเวลาตอบสนอง จะทำให้อุปกรณ์ตอบสนองต่อความพยายามในการติดต่อโดยอัตโนมัติ ซึ่งวิธีการนี้จะเชื่อมต่ออุปกรณ์เครือข่ายแบบสามเหลี่ยมได้ภายใน 1 เมตร จากตำแหน่งของอุปกรณ์ และยังสามารถติดตามอุปกรณ์สื่อสารที่เคลื่อนที่ได้อีกด้วย   อุปกรณ์ Wi-Peep เปรียบเสมือนแสงในสเปกตรัมที่มองเห็นได้ ส่วนกำแพงเปรียบเสมือนกระจก ทำให้สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในอาคารได้ โดยติดตามตำแหน่งของโทรศัพท์หรือสมาร์ตวอทช์ ในขณะเดียวกันก็สามารถระบุตำแหน่งและประเภทของอุปกรณ์อัจฉริยะในบ้าน เพื่อค้นหาอุปการณ์ที่เหมาะสำหรับการเจาะข้อมูลบุกเข้ามา   สิ่งที่น่ากังวลคือผู้โจมตีไม่จำเป็นต้องเห็นเป้าหมายก็สามารถสั่งการผ่านโดรนที่ติดตั้งกล้องจากตำแหน่งที่ซ่อนอยู่ได้ ถึงแม้ว่าผู้เสียหายจะมองเห็นโดรนที่แอบซ่อนอยู่ก็ไม่สามารถระบุตำแหน่งของผู้สั่งการได้ นอกจากนี้ อุปกรณ์ที่นำมาใช้ประกอบโดรนยังหาซื้อได้ง่าย ทำให้โดรน Wi-Peep มีราคาถูกและสร้างขึ้นได้อย่างง่ายดาย และยังไม่มีวิธีการป้องกันการโจมตีประเภทนี้…

Medibank ยืนยันไม่จ่ายค่าไถ่ให้กับแฮ็กเกอร์ที่เจาะข้อมูลลูกค้า

Loading

  Medibank ผู้ให้บริการประกันสุขภาพรายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย เผยว่าจะไม่จ่ายเงินค่าไถ่ให้กับแฮ็กเกอร์โจมตีบริษัทด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่เมื่อเดือนที่แล้ว   บริษัทเผยว่าลูกค้าที่ได้รับผลกระทบรวมกันทั้งสิ้นราว 9.7 ล้านคน (ในจำนวนนี้มีลูกค้าของ ahm ซึ่งเป็นบริษัทลูกรวมอยู่ด้วย) การโจมตีครั้งนั้นทำให้แฮ็กเกอร์ได้ข้อมูลส่วนตัวที่มีทั้งชื่อ วันเกิด ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการรับสิทธิประกันสุขภาพ และข้อมูลประวัติการรักษา   นอกจากลูกค้าภายในประเทศแล้ว ข้อมูลหนังสือเดินทางของลูกค้าที่เป็นนักศึกษาจากนานาชาติยังถูกแฮ็กเกอร์เข้าดูด้วย   เดวิด ค็อกซ์คาร์ (David Koczkar) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Medibank ระบุเหตุผลที่ไม่จ่ายเงินค่าไถ่ในครั้งนี้เพราะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญว่าการจ่ายเงินไม่ได้เป็นสิ่งการันตีว่าอาชญากรจะยอมคืนข้อมูล หรือเก็บข้อมูลของลูกค้าเป็นความลับ   “ในความเป็นจริง การจ่ายเงินอาจให้ผลในตรงกันข้าม และยังเอื้อให้อาชญากรตัดสินใจกรรโชกทรัพย์จากลูกค้าได้โดยตรง และยังมีโอกาสมากที่การจ่ายเงินค่าไถ่จะทำให้ผู้คนอีกมากตกอยู่ในอันตราย เพราะออสเตรเลียจะกลายเป็นเป้าโจมตีที่ใหญ่ขึ้น” ค็อกซ์คาร์ระบุ   ทั้งนี้ Medibank จะคอยให้ความช่วยเหลือในด้านสุขภาพจิตและสุขอนามัย การปกป้องตัวตน และจะมีมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงจะให้มีกระบวนการตรวจสอบจากภายนอกเพื่อถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเสริมความเข้มแข็งให้กับลูกค้าของเราต่อไป   Medibank ยืนยันว่าจะทำงานร่วมกับรัฐบาลออสเตรเลีย โดยเฉพาะศูนย์ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (ACSC) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (AFP)     ที่มา Medibank…