ระวังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปลอมเว็บศาล หลอกเหยื่อโอนเงิน

Loading

  MGR Online – รองโฆษก ตร. เตือนภัยมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นคอลเซ็นเตอร์ ปลอมเว็บศาล หลอกผู้เสียหายกรอกข้อมูลส่วนตัว ระวังตกเป็นเหยื่อ   วันนี้ (8 ก.พ.) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น   ในช่วงที่ผ่านมาได้ตรวจสอบพบว่าคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พยายามพัฒนารูปแบบในการหลอกลวงพี่น้องประชาชน เช่น การสร้างบัญชีปลอมแอบอ้างเป็นหน่วยงานราชการ หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย โดยหลอกลวงผ่านการสนทนาด้วยข้อความ เสียง ตลอดจนการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยหลอกลวงว่าท่านถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน ยาเสพติด หรือคดีความต่างๆ จากนั้นจะส่งหมายเรียกหรือหมายศาลปลอมมาให้ เพื่อข่มขู่ให้เกิดความกลัว และยอมทำตามที่คนร้ายหลอกลวง โดยเฉพาะการหลอกให้โอนเงินในบัญชีมาให้คนร้ายตรวจสอบ ทำให้สูญเสียทรัพย์สินให้กับคนร้ายเป็นจำนวนมาก   ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่ากลุ่มคนร้ายมีการทำเว็บไซต์ปลอม เลียนแบบเว็บไซต์ของศาล เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น อ้างว่าสามารถตรวจสอบความถูกต้องของหมายเรียกหรือหมายจับที่คนร้ายแอบอ้าง โดยให้กรอกเลขบัตรประชาชนและข้อมูลส่วนตัวอื่นๆเพื่อทำการตรวจสอบที่เว็บไซต์ของศาลซึ่งเป็นเว็บไซต์ปลอม หากพี่น้องประชาชนไม่ตรวจสอบดูให้ดีเสียก่อน อาจหลงเชื่อ และตกเป็นเหยื่อของคนร้ายได้   สำนักงานตำรวจแห่งชาติ…

Tesla ถูกแฮ็กโดยวัยรุ่น จากแอปพลิเคชันของ Third Party

Loading

  วัยรุ่น 19 ปี ชาวเยอรมัน แฮ็กรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ผ่านแอปพลิเคชันของ Third Party เข้าถึงการปลดล็อกประตู ควบคุมไฟ และระบบเครื่องเสียง   วัยรุ่นชาวเยอรมันคนหนึ่ง กล่าวว่า เขาพบช่องโหว่ในแอปพลิเคชันบุคคลที่สามของ Tesla อย่าง TeslaMate   เดวิด โคลัมโบ (David Colombo) วัย 19 ปี ระบุว่า เขาสามารถทำการปลดล็อกประตู กระพริบไฟหน้า หรือควบคุมเครื่องเสียงของรถ Tesla ทั้ง 25 คันที่ติดตั้ง TeslaMate รวมไปถึงการติดตามตำแหน่งของรถ Tesla ในแต่ละวัน ยังดีที่แฮ็กเกอร์ไม่สามารถเข้าควบคุมระบบพวงมาลัย คันเร่ง หรือเบรกได้ ไม่เช่นนั้นคงเป็นอันตรายอย่างยิ่ง   เป็นเรื่องปกติที่นักวิจัยด้านความปลอดภัยจะชดเชยให้กับคนที่สามารถค้นหาช่องโหว่ของซอฟต์แวร์เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เช่นเดียวกันกับ Tesla ที่เสนอเงินจูงใจให้กับผู้ที่รายงานข้อบกพร่องในซอฟต์แวร์ของตน แต่แฮ็กเกอร์หนุ่มเยอรมันรายนี้ ระบุว่า เขาไม่ได้รับเงินเนื่องจากช่องโหว่อยู่ในแอปของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ในโครงสร้างพื้นฐานของ Tesla  …

เกาหลีเหนือ แฮ็กคริปโทนับล้านเหรียญ เป็นทุนพัฒนามิสไซล์

Loading

  ยูเอ็นเผย คิมจองอึน แฮ็กเหรียญคริปโทกว่า 50 ล้านเหรียญ ใช้เป็นทุนสนับสนุนโครงการพัฒนาขีปนาวุธ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 บีบีซีเปิดเผยรายงานขององค์การสหประชาชาติ ที่ระบุว่า ช่วงระหว่างปี 2020 ถึงกลางปี 2021 เกาหลีเหนือมีการโจรกรรมทางไซเบอร์ที่ขโมยเงินสกุลดิจิทัลมูลค่ารวมมากว่า 50 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้เป็นทุนสนับสนุนโครงการพัฒนาขีปนาวุธ รายงานของยูเอ็นระบุว่า การปฏิบัติการโจมตีทางไซเบอร์เพื่อแฮ็กเงินจากต่างชาติกลายเป็น “แหล่งรายได้สำคัญ” ของเกาหลีเหนือสำหรับพัฒนาโครงการขีปนาวุธ โดยมุ่งเป้าไปที่การแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลอย่างน้อย 3 แห่งในอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย รายงานยังอ้างอิงถึงการศึกษาที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนที่แล้วโดยบริษัทรักษาความปลอดภัย Chainalysis ซึ่งระบุว่า การโจมตีทางไซเบอร์ของเกาหลีเหนืออาจทำเงินได้มากถึง 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว โดยในปี 2019 ยูเอ็นรายงานว่า เกาหลีเหนือได้สะสมเงินราว 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับโครงการขีปนาวุธ ผ่านช่องทางโจมตีทางไซเบอร์ แม้เกาหลีเหนือ จะถูกนานาชาติคว่ำบาตรจากโครงการพัฒนาขีปนาวุธ ทว่ากิจกรรมจารกรรมทางไซเบอร์ของเกาหลีเหนือ ไม่เพียงแค่ปล้นเงินดิจิทัลเท่านัน แต่การโจมตีทางไซเบอร์ยังรวมถึงการแสวงหาข้อมูล เทคโนโลยี และองค์ความรู้จากต่างชาติด้วย ทั้งนี้ ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ทำการทดสอบขีปนาวุธถึง 9 ครั้งในเดือนที่แล้วเพียงเดือนเดียว…

นิวส์คอร์ปเผยถูกแฮ็กเกอร์ขโมยข้อมูลพนักงาน เชื่อจีนอยู่เบื้องหลัง

Loading

  นิวส์คอร์ปซึ่งเป็นบริษัทแม่ของวอลล์สตรีท เจอร์นัล เปิดเผยในวันศุกร์ (4 ก.พ.) ว่า แฮ็กเกอร์ได้ทำการขโมยข้อมูลจากนักข่าวและพนักงานของบริษัท ขณะที่บริษัทด้านความมั่นคงทางไซเบอร์แห่งหนึ่งที่ตรวจสอบการโจมตีดังกล่าวเชื่อว่า จีนอาจอยู่เบื้องหลังการแฮ็กดังกล่าวเพื่อรวบรวมข้อมูลข่าวกรอง   วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า การแฮกข้อมูลดังกล่าวนั้นย้อนหลังไปจนถึงเดือน ก.พ.2563 และมีพนักงานจำนวนมากได้รับผลกระทบ โดยกลุ่มแฮ็กเกอร์สามารถเข้าถึงอีเมลและกูเกิล ด็อกส์ (Google Docs) ของบรรดานักข่าว   นิวส์คอร์ปเปิดเผยว่า บริษัทได้ตรวจพบการแฮ็กข้อมูลเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ขณะที่ระบุว่า ข้อมูลของลูกค้าและข้อมูลการเงินยังไม่ได้รับผลกระทบ และการปฏิบัติงานของบริษัทก็ยังไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน   แต่บริษัทมีความวิตกอย่างมากเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการรายงานข่าวและแหล่งข่าว   ทั้งนี้ องค์กรข่าวต่าง ๆ ได้ตกเป็นเป้าหมายหลักของหน่วยข่าวกรองทั่วโลก เนื่องจากนักข่าวมีการติดต่อกับแหล่งข้อมูลที่มีความอ่อนไหวอยู่เสมอ โดยนักข่าวและห้องข่าวต่าง ๆ ในเม็กซิโก , เอลซัลวาดอร์และกาตาร์นั้น ได้ถูกแฮ็กด้วยสปายแวร์ที่ทรงพลัง         ที่มา :           สำนักข่าวอินโฟเควสท์   …

FBI อ้างจีนอยู่เบื้องหลังการโจมตีทางไซเบอร์ในอเมริกามากกว่าประเทศอื่นทั่วโลกรวมกัน!

Loading

FBI Director Christopher Wray (Photo courtesy of Reagan Library)   FBI กล่าวโทษประเทศจีนว่า เป็นต้นเหตุการโจมตีทางไซเบอร์ในสหรัฐอเมริกามากกว่าประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกรวมกัน   คริสโตเฟอร์ เรย์ (Chrostopher Wray) ผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐ (FBI) กล่าวในการปราศรัยต่อต้านภัยคุกคามจากรัฐบาลจีนภายในสหรัฐว่า FBI ได้ดำเนินการสอบสวนการโจมตีทางไซเบอร์มากกว่า 2,000 เคสที่รัฐบาลจีนพยายามขโมยข้อมูลและเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา   “รัฐบาลจีนขโมยข้อมูลปริมาณมหาศาล ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ่งถึงขั้นทำลายอาชีพในหลากหลายอุตสาหกรรม ทำให้เราจึงต้องรับมือการดำเนินการด้านข่าวกรองของพวกเขาประมาณทุก 12 ชั่วโมง” เรย์ กล่าว   เรย์อ้างอิงการขโมยข้อมูลครั้งใหญ่บนเซิฟเวอร์ Microsoft Exchange ว่าส่งผลกระทบต่อบริษัทอเมริกันกว่า 10,000 แห่ง ทั้งยังพูดถึงการโจมตีอีกครั้งจากบริษัทที่มีรัฐบาลจีนเป็นเจ้าของว่า เป็นผู้ขโมยข้อมูลโค้ดของบริษัทกังหันลมในรัฐแมสซาชูเซต ทำให้มีพนักงานตกงานกว่า 600 คน   ย้อนกลับไปในปี 2015 ประธานาธิบดีบารัก โอบามา (Barack Obama) และประธานาบดีสี…

ฟิลิปปินส์ผ่าน ก.ม. บังคับให้ยืนยันตัวตนบนโซเชียลมีเดีย

Loading

  รัฐสภาฟิลิปปินส์ ผ่านกฎหมายฉบับใหม่ ส่งผลให้ประชาชนต้องยืนยันตัวตนตามความเป็นจริง ในการสมัครใช้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ หวังลดปัญหาข่าวปลอม และการฉ้อโกง   รัฐสภาฟิลิปปินส์ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาของฟิลิปปินส์ ผ่านกฎหมายฉบับใหม่ ว่าด้วยการให้ประชาชนทุกคนต้องยืนยันตัวตนทางกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นชื่อ นามสกุลและหมายเลขโทรศัพท์ เมื่อสมัครใช้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ พร้อมทั้งอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ใช้ข้อมูลดังกล่าว เพื่อการสอบสวนแกะรอยได้ หลังพบปัญหาการก่อกวนทางออนไลน์ การให้ข่าวเท็จ และมีการใช้ตัวตนปลอมในการสร้างแอ็กเคาต์ในโลกโซเชียลจำนวนมาก   แฟรงคลิน ดริลอน หนึ่งในวุฒิสมาชิกที่ผลักดันกฎหมายฉบับนี้ระบุว่า เป็นหน้าที่ของพวกเขาที่จะต้องแก้ปัญหาการไม่เปิดเผยตัวตนในโลกออนไลน์ ที่จะนำไปสู่การโจมตี มุ่งร้ายผู้บริสุทธิ์ในโลกโซเชียลมีเดีย โดยกฎหมายฉบับนี้ยังคงต้องรอให้ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตร์แต ลงนาม ก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ต่อไป   ทั้งนี้ แม้กฎหมายฉบับนี้จะมีการระบุบทลงโทษสถานหนัก ทั้งการจำคุกและการปรับเงินจากการให้ข้อมูลเท็จ แต่ยังไม่มีรายละเอียดที่แน่ชัดว่า บรรดาผู้ให้บริการสื่อโซเชียลมีเดียจะมีวิธีตรวจสอบได้อย่างไร ว่าข้อมูลที่มีการลงทะเบียนเป็นความจริง รวมถึงจะตรวจสอบข้อมูลของบัญชีที่ลงทะเบียนไปก่อนหน้านี้แล้วอย่างไร ขณะที่เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นอย่างเป็นทางการต่อประเด็นนี้ นอกจากนี้กฎหมายฉบับดังกล่าวยังรวมครอบคลุมไปถึงการลงทะเบียนใช้งานซิมโทรศัพท์มือถือกับผู้ให้บริการตามความเป็นจริงอีกด้วย   ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในประเทศในทวีปเอเชีย ที่มีผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนมากที่สุดที่ 79 ล้านคน จากจำนวนประชากรประมาณ 110 ล้านคน และยังถูกจัดอยู่ในประเทศอันดับต้นๆ ที่ประชากรใช้เวลาในโลกโซเชียลมีเดียต่อวันสูงสุดด้วย…