อิรักจะปลดแบน Telegram หลังเจ้าของแพลตฟอร์มยอมให้ความร่วมมือจัดการข้อมูลรั่ว

Loading

  รัฐมนตรีกระทรวงโทรคมนาคมของอิรักเผยว่าจะปลดแบน Telegram หลังเจ้าของแพลตฟอร์มยินดีทำตามข้อบังคับด้านความปลอดภัยของรัฐบาลแล้ว   โดยรัฐบาลกล่าวว่าบริษัทที่เป็นเจ้าของ Telegram ยอมเผยข้อมูลขององค์กรที่ทำข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนหลุดรั่วออกไป และยังแสดงความพร้อมที่จะสื่อสารกับรัฐบาลด้วย   Telegram ออกมาชี้ว่าการโพสต์ข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมถือเป็นสิ่งที่ละเมิดข้อตกลงการใช้งานอยู่แล้ว และมักจะถูกนำออกโดยผู้ดูแลอยู่เสมอ อีกทั้งบริษัทยังไม่มีนโยบายที่จะมอบข้อมูลให้กับผู้ใดด้วย   ก่อนหน้านี้อิรักประกาศแบน Telegram โดยอ้างเหตุผลด้านความปลอดภัยและการรั่วไหลของข้อมูลเจ้าหน้าที่รัฐบาลและประชาชนทั่วไป   สำนักข่าว Reuters ชีัว่า Telegram ได้รับความนิยมแพร่หลายในอิรักในฐานะที่เป็นสื่อกลางการสนทนาและแหล่งข้อมูลข่าวสาร บาง ‘ช่อง’ (Channel) ในแอปมีข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมหาศาล     ที่มา   Reuters       ——————————————————————————————————————————————————– ที่มา :                      แบไต๋             …

Zoom ยอมถอย ระบุไม่นำข้อมูลผู้ใช้งานมาเทรน AI ทุกกรณี จากเดิมบอกเทรนได้ถ้า consent

Loading

  Zoom ประกาศแก้ไขรายละเอียดของเงื่อนไขการให้บริการ (term of service) อีกครั้ง หลังจากเนื้อหาที่ปรับปรุงก่อนหน้านี้ ระบุว่า Zoom มีสิทธินำข้อมูลผู้ใช้งานไปเทรน AI ได้ โดยข้อมูลสำคัญคือ เสียง วิดีโอ และแชท ต้องได้รับการยินยอมก่อน (consent)   ถึงแม้ประกาศนี้จะระบุชัดเจนว่าผู้ใช้งานต้องเป็นฝ่ายอนุญาตให้นำข้อมูลไปใช้งานก่อน แต่ข้อมูลส่วนอื่นนั้น Zoom บอกว่าสามารถนำไปเทรนได้เลย ก็ทำให้กระแสตอบกลับมาไม่ดีนัก   Zoom บอกว่าหลังได้รับความเห็นเพิ่มเติม Zoom จึงแก้ไขข้อความเงื่อนไขการให้บริการใหม่ โดยระบุว่าจะไม่นำข้อมูลเสียง วิดีโอ แชท การแชร์หน้าจอ ไฟล์แนบ หรือข้อมูลอื่นที่เป็นของผู้ใช้งานระหว่างการสนทนา เช่น โพลล์ ไวท์บอร์ด รีแอคชัน มาเทรน AI ของ Zoom หรือนำไปเทรนผ่านเครื่องมือของผู้ให้บริการอื่น ในทุกกรณี   อย่างไรก็ตามข้อมูลส่วนอื่นซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อวิเคราะห์ระบบของ Zoom เองเช่น Telemetry, Product-Usage หรือ Diagnostic Data…

ระวัง! มิจฉาชีพสามารถแฮ็กข้อมูลจากสมาร์ตวอตช์ ได้

Loading

  เตือนภัย! มิจฉาชีพสามารถ แฮ็กข้องมูล จากนาฬิกาสมาร์ตวอตช์ เข้าถึงข้อมูลธนาคาร ข้อมูลบัตรเครดิต ทั้งยังรู้ถึงตำแหน่งคุณทำอะไรอยู่ไหน   ปัจจุบันนาฬิกาอัจฉริยะ หรือ Smart Watch หนึ่งอุปกรณ์ที่ถูกพัฒนา ทำให้การดูเวลาทั่วไปเปลี่ยนไป เพราะยังมีฟังก์ชันการใช้งานอื่น ๆ อีกเพียบ ทั้ง วัดค่าต่าง ๆ ในร่างกาย นับก้าวการเดิน ถ่ายรูป เชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน ฯลฯ แต่รู้หรือไม่? สมาร์ตวอตช์ ก็สามารถโดนแฮ็กข้อมูลได้   โดยเพจ ตำรวจสอบสวนกลาง โพสต์แจ้งเตือนถึงอันตรายมิจฉาชีพสมัยนี้ ที่สามารถแฮ็กข้อมูลจาก Smart Watch ได้ พร้อมเผยวิธีป้องกัน โดยระบุว่า…สมาร์ตวอตช์จะเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน ผ่านเทคโนโลยี Bluetooth Low Energy (BLE) ข้อมูลที่ส่งกันไปมาระหว่างอุปกรณ์ทั้ง 2 ตัว ที่เรียกว่า Beacon   แฮ็กเกอร์สามารถดักสัญญาณ Beacon ได้ ก็จะสามารถติดตั้งมัลแวร์ผ่านบลูทูธ หรือใส่โค้ดอันตรายไว้ในแอปบนสมาร์ตวอตช์เพื่อดักข้อมูล…

SanDisk SSD ข้อมูลหายไร้เหตุผล แม้จะเป็นของใหม่จากโรงงาน

Loading

  นักข่าวต่างชาติเจอเองกับตัว ส่งเคลมได้ตัวใหม่จากโรงงาน SanDisk SSD ข้อมูลหายไร้เหตุผล แม้จะมีเฟิร์มแวร์อัปเดตมาแล้วก็ตาม   เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศ อย่าง The Verge , arstechnica และ The Tech News Space รายงานตรงกันว่า SanDisk SSD ของ SanDisk แบรนด์ลูกของ Western Digital ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์และที่เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ชื่อดัง ทำข้อมูลหายแบบไร้เหตุผล   Vjeran ผู้สื่อข่าว ของสำนักข่าว The Verge สูญเสียไฟล์วิดีโอข่าวกว่า 3TB (ราว 3,000 GB) ที่เก็บไว้ใน SSD ยี่ห้อ SanDisk ซึ่งไดร์ฟดังกล่าวเป็นไดร์ฟใหม่ที่เพิ่งไปเคลมกับโรงงานด้วย เพราะ อันเก่าไฟล์หายไร้เหตุผลเหมือนกัน   ทีมข่าวสำนักข่าวต่างประเทศ ทดลองอัปเดตเฟิร์มแวร์ ที่ Western Digital ปล่อยออกมาช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากสำนักข่าวนั้นเจอปัญหานี้…

เตือนภัย AI ขโมยรหัสผ่าน ใช้เสียงแป้นพิมพ์ แม่นยำ 95% แนะใช้สแกนหน้า-นิ้วแทน

Loading

  AI ในปัจจุบันได้พัฒนาไปไกลมาก นักวิจัยจาก Cornell University ได้ค้นพบว่า AI สามารถขโมยข้อมูลส่วนตัว โดยใช้การจับเสียงจากแป้นพิมพ์ ซึ่งสามารถขโมยรหัสผ่านด้วยความแม่นยำถึง 95%   AI หรือปัญญาประดิษฐ์ อาจไม่ได้มีแค่ข้อดีเพียงอย่างเดียว แต่ AI ในอนาคตอาจกลับมาทำร้ายเราได้หากเราไม่รู้จักและเข้าใจมันมากพอ ซึ่งนักวิจัยจาก Cornell University ได้ทำการทดลองและวิจัยการใช้ AI เพื่อขโมยรหัสผ่านและปรากฏว่ามันสามารถทำได้แม่นยำถึง 95% เลยทีเดียว   นักวิจัยได้ฝึกโมเดล AI เกี่ยวกับเสียงการกดแป้นพิมพ์และปรับใช้บนโทรศัพท์ที่อยู่ใกล้ไมโครโฟนในตัว ซึ่งปัญญาประดิษฐ์จะฟังการกดแป้นพิมพ์บนอุปกรณ์ Macbook Pro และสามารถแกะรหัสผ่านด้วยความแม่นยำ 95% ซึ่งเป็นความแม่นยำสูงสุดที่นักวิจัยเคยเห็นโดยไม่ต้องใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่   ทีมวิจัยยังได้ทดสอบความแม่นยำระหว่างการโทรผ่านแอปพลิเคชัน Zoom ซึ่งบันทึกการกดแป้นพิมพ์ด้วยไมโครโฟนของแล็ปท็อปในระหว่างการประชุม ในการทดสอบนี้ AI มีความแม่นยำถึง 93% ในการสร้างการกดแป้นพิมพ์ซ้ำ ใน Skype โมเดลมีความแม่นยำ 91.7% เรียกได้ว่า AI สามารถแกะรหัสผ่านได้แม่นยำมาก   วิธีแก้การโจมตีนี้คือให้หลีกเลี่ยงการล็อกอินโดยใช้รหัสผ่าน…

Zoom ยืนยัน ไม่นำข้อมูลเสียง วิดีโอ แชทของผู้ใช้ไปเทรน AI, แต่นำข้อมูลเชิงสถิติไปใช้งาน

Loading

  Zoom ประกาศปรับแก้เงื่อนไขการให้บริการ (term of service) เพิ่มเนื้อหาว่าบริษัทมีสิทธินำข้อมูลของผู้ใช้ไปเทรน AI ได้ ยกเว้นข้อมูลเสียง วิดีโอ แชต ที่ต้องขอความยินยอม (consent) จากผู้ใช้ก่อน   ประกาศนี้ของ Zoom แปลว่าข้อมูลอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ 3 อย่างข้างต้น เช่น telemetry, diagnostic data ที่ใช้วิเคราะห์ระบบ ข้อมูลเหล่านี้เป็นของ Zoom ที่นำไปใช้งานได้ทันที แต่หากเป็นข้อมูลของผู้ใช้โดยตรง Zoom ยืนยันว่าจะขอความยินยอมก่อนเสมอ   ปัจจุบัน Zoom มีบริการ AI ชื่อ Zoom IQ คอยช่วยสรุปประชุม บริษัทยืนยันว่าจะนำข้อมูลไปเทรน AI ใช้เองเท่านั้น ไม่ได้ส่งต่อให้บุคคลหรือองค์กรภายนอกที่เป็นพาร์ทเนอร์กัน ผู้ใช้ที่เปิดฟีเจอร์ AI สามารถตั้งค่าได้ว่ายินดีแชร์ข้อมูลให Zoom หรือไม่ และผู้เข้าร่วมประชุมจะเห็นข้อความแจ้งเตือนเสมอว่า การประชุมครั้งนี้จะมี AI…