อินเดียผ่านร่างกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดิจิทัล

Loading

ภาพ : REUTERS/Kacper Pempel/File Photo   ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดิจิทัล พ.ศ. 2566 (The Digital Personal Data Protection Bill, 2023) ผ่านมติโดยราชยสภา (วุฒิสภา) เมื่อ 9 ส.ค.66 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศอินเดียมากกว่า 760 ล้านคน   กฎหมายได้กำหนดขั้นตอนและวิธีการเก็บรวบรวม การใช้ และการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของพลเมืองอินเดีย และให้สิทธิ์แก่ผู้ใช้งานในกรณีต้องการแก้ไขหรือลบข้อมูลส่วนบุคคลของตน นอกจากนี้ยังอนุญาตให้บริษัทต่าง ๆ สามารถถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานบางส่วนไปยังต่างประเทศได้ สำหรับบทลงโทษในการละเมิดหรือการฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายจะถูกปรับสูงสุด 2.5 พันล้านรูปี (30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)   อย่างไรก็ดี กฎหมายฉบับใหม่นี้ มีข้อยกเว้นสำหรับรัฐบาลและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย อาทิ อนุญาตให้รัฐบาลเข้าถึงข้อมูลได้ในกรณีความมั่นคงของประเทศและเหตุฉุกเฉิน เช่น โรคระบาดและแผ่นดินไหว รวมถึงออกคำสั่งเพื่อปิดกั้นเนื้อหาตามคำแนะนำของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลกลาง ส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่า รัฐบาลอาจใช้อำนาจในการแสวงหาข้อมูลจากบริษัทต่าง ๆ และมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การสอดแนมมากขึ้น     ————————————————————————————————————————————————— ที่มา : …

สหรัฐฯ เพิ่มการ รปภ. ให้แก่ผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

Loading

นาง Tanya Chutkan ผู้พิพากษา และ นายโดนัลด์ ทรัมป์  ภาพจาก CNN   สหรัฐฯ เพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้แก่ นาง Tanya Chutkan หัวหน้าคณะผู้พิพากษาที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลคดีของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ในคดีพยายามล้มผลการเลือกตั้งปี 2563   ก่อนหน้านี้ นายทรัมป์ได้กล่าวว่าจะขอให้ นาง Chutkan ถอนตัวจากคดีนี้ โดยโพสต์ข้อความผ่าน Truth สื่อสังคมออนไลน์ของเขา ด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดว่า “ไม่มีทางที่ฉัน (ทรัมป์) จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างยุติธรรมกับผู้พิพากษาที่ ‘ถูกมอบหมาย’ ให้มีเสรีภาพทางการพูดที่ไร้สาระ ในคดีการเลือกตั้ง” ด้านอัยการของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ชี้ว่าถ้อยแถลงต่อสาธารณะของทรัมป์ในกรณีนี้ อาจส่งผลเสียต่อพยานหรือต่อกระบวนการยุติธรรม   นาย Drew J. Wade โฆษกตำรวจของศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (U.S. Marshals Service – USMS) หน่วยงานรับผิดชอบการรักษาความปลอดภัย กล่าวว่า “USMS ให้ความสำคัญอย่างมากต่อการรักษาความปลอดภัย เพื่อให้แน่ใจว่าผู้พิพากษาสามารถดำเนินการตัดสินได้อย่างอิสระและปราศจากอันตรายหรือการข่มขู่ใด…

โครงการฝึกงานแก่ จนท.ทหารที่ได้รับบาดเจ็บของ FBI

Loading

ภาพจากเว็บไซต์ FBI   เว็บไซต์สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (FBI) เผยแพร่ข่าวสารเมื่อ 2 ส.ค.66 เกี่ยวกับ The FBI Wounded Warrior Internship Program ซึ่งเป็นโครงการฝึกงานที่เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ทหารของสหรัฐฯ ที่ได้รับบาดเจ็บเข้ารับการฝึกงานกับ FBI ที่สำนักงานใหญ่หรือสำนักงานภาคสนามแห่งใดแห่งหนึ่งจาก 56 แห่งทั่วประเทศ   เพื่อเพิ่มเติมประสบการณ์การทำงานในขณะที่พักฟื้นจากบาดแผล ความเจ็บป่วย หรืออาการบาดเจ็บ โครงการฝึกงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Operation Warfighter ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ   นอกจากผู้ฝึกงานจะได้เรียนรู้ประสบการณ์ และมุมมองใหม่ ๆ แล้ว ยังเป็นการเพิ่มพูนทักษะด้านการข่าวกรองและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น อาจค้นพบความสนใจทางวิชาชีพใหม่ ในขณะที่ยังสังกัดอยู่หน่วยงานเดิม ทั้งนี้ ผู้ฝึกงานจะได้รับการประเมินการฝึกในแต่ละเดือน ซึ่ง FBI อาจเสนองานถาวรให้กับพวกเขาหลังจากฝึกงานสำเร็จ   อย่างไรก็ดี ผู้สนใจที่จะสมัครเข้าร่วมโครงการฯ จะต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนด อาทิ เป็นทหารประจำการ หรือทหารกองหนุน ของกองทัพบกหรือกองทัพอากาศ เป็นพลเมืองสหรัฐฯ เป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมในหน่วยนักรบที่ได้รับบาดเจ็บ (Wounded Warrior)…

ผลการสืบสวนระบุว่า ไม่พบผู้ต้องสงสัย กรณีพบโคเคนในทำเนียบขาว

Loading

ภาพจาก CNN   หน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐฯ (The United States Secret Service – USSS) สรุปผลการสอบสวนกรณีพบโคเคนบรรจุถุงขนาดเล็กน้ำหนักไม่ถึงหนึ่งกรัมในตู้เก็บของหมายเลข 50 ซึ่งใกล้กับทางเข้าชั้นล่างบริเวณพื้นที่ปีกตะวันตกในทำเนียบขาว ว่า ไม่สามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้ เนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอ   ผู้เยี่ยมชมทำเนียบขาว รวมถึงเจ้าหน้าที่บางส่วนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำโทรศัพท์มือถือเข้าไปในพื้นที่ที่มีข้อมูลลับจะต้องฝากโทรศัพท์มือถือไว้ในตู้เก็บของดังกล่าว ซึ่งอยู่ใกล้กับห้องยุทธการ (Situation Room) ที่กำลังปรับปรุงและไม่ได้เปิดใช้งานมาหลายเดือนแล้ว   USSS ทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพร้อมกับบัญชีรายชื่อผู้เยี่ยมชมทำเนียบขาวหลายร้อยคนที่เข้ามาวันก่อนหน้าการค้นพบ แต่เนื่องจากพื้นที่ที่พบโคเคนอยู่ในจุดบอดของรัศมีกล้องวงจรปิด จึงไม่สามารถเปรียบเทียบหลักฐานกับกลุ่มบุคคลที่ทราบได้ และผลจากห้องปฏิบัติการของ FBI ระบุว่า บรรจุภัณฑ์ไม่สามารถตรวจสอบลายนิ้วมือได้ เพราะมี DNA ไม่เพียงพอ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถระบุช่วงเวลาหรือวันที่โคเคนนั้นถูกวางทิ้งไว้   โฆษก USSS กล่าวว่า เมื่อปี 2565 เจ้าหน้าที่เคยตรวจพบกัญชาจำนวนเล็กน้อยที่ทำเนียบขาวจำนวน 2 ครั้ง แต่ไม่มีการจับกุม เนื่องจากน้ำหนักของกัญชาที่ยึดได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด จึงไม่สามารถตั้งข้อหาหรือดำเนินคดีได้ และกัญชาเหล่านี้ได้ถูกนำไปทำลาย       ————————————————————————————————————————-…

สหราชอาณาจักรออกพระราชบัญญัติความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

ภาพจาก freepik   ร่างพระราชบัญญัติความมั่นคงแห่งชาติของสหราชอาณาจักรผ่านมติเห็นชอบจากรัฐสภาและการลงพระปรมาภิไธยรับรองของพระมหากษัตริย์ เมื่อ 11 ก.ค.66 เพื่อรับมือต่อภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะจากรัฐต่างประเทศ   ปัจจุบันสหราชอาณาจักรตกเป็นเป้าหมายในการจารกรรม การแทรกแซงของต่างชาติ การบ่อนทำลาย การบิดเบือนข้อมูล การโจมตีทางไซเบอร์ การก่อวินาศกรรม การโจมตีด้วยอาวุธเคมี และก่อเหตุรุนแรงที่เป็นอันตรายต่อชีวิต เช่น การลอบสังหาร ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรถือว่ารัสเซียเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุด แม้จะมีการแทรกแซงจากจีน หรือการสังหารหรือลักพาตัวชาวอังกฤษจากอิหร่านก็ตาม   พระราชบัญญัติความมั่นคงแห่งชาติ (The National Security Act) มีการปรับปรุงเนื้อหากฎหมายเกี่ยวกับจารกรรมให้ทันต่อสถานการณ์ภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการยับยั้ง ตรวจจับ และขัดขวางภัยคุกคามยุคใหม่ของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยข่าวกรอง   นอกจากนี้ กฎหมายยังระบุถึงการลงทะเบียนผู้มีอิทธิพลจากต่างชาติ (Foreign Influence Registration Scheme – FIRS) ซึ่งมีเป้าหมายต่อประเทศที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยหรือผลประโยชน์ของสหราชอาณาจักร เพื่อสามารถนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษกรณีทำผิดข้อตกลง ทั้งเป็นการเสริมสร้างความหยืดยุ่น และความโปร่งใสในระบอบประชาธิปไตย       —————————————————————————————————————————————- ที่มา :     …

ฮ่องกงใช้หุ่นยนต์ลาดตระเวนช่วยงานรักษาความปลอดภัยในสนามบินฮ่องกง

Loading

หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยของบริษัท Hactl ที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง ภาพจาก Hactl   บริษัทขนส่งสินค้าทางอากาศ Hong Kong Air Cargo Terminals Ltd. (Hactl) ประกาศว่าจะนำหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยมาใช้เฝ้าระวังและลาดตระเวน บริเวณพื้นที่จอดรถและโซนขนถ่ายสินค้าส่งออกที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง ในช่วงเวลากลางคืนที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นและเวลากลางวันหากมีความจำเป็น เพื่อยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยจากเดิมซึ่งใช้กล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและสุนัขดมกลิ่น ทั้งนี้ บริษัท Hactl ตั้งเป้าจะเพิ่มหุ่นยนต์อีก 2-3 ตัวภายในปีหน้า   หุ่นยนต์ดังกล่าวติดกล้องถ่ายภาพความร้อน กล้องความละเอียดสูงพร้อมที่ปัดน้ำฝน เซนเซอร์ LiDAR (Light Detection and Ranging) ซึ่งใช้แสงตรวจจับและคาดคะเนระยะทางของวัตถุสำหรับการนำทาง และเซนเซอร์อัลตราโซนิกส์หลายตัวสำหรับการหลีกเลี่ยงการชน   นอกจากหุ่นยนต์จะทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้ว ยังทำหน้าที่ตรวจสอบสภาพของสินค้าในคลังสินค้าขนาดใหญ่ 4.2 ล้านตารางฟุต (ประมาณ 24 ไร่) และบันทึกวิดีโอเหตุการณ์หากเกิดความเสียหายกับสินค้าเพื่อช่วยในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนด้วย       —————————————————————————————————————————————- ที่มา :         …