เปรูปิด ‘มาชูปิกชู’ ไม่มีกำหนด ประท้วงต้านผู้นำลามทั่วประเทศ

Loading

    ทางการเปรูสั่งปิดมาชูปิกชู สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างไม่มีกำหนด ท่ามกลางการประท้วงรุนแรงที่ลุกลามไปทั่วประเทศ ทำให้มีผู้บาดเจ็บเพิ่มอีกกว่า 50 รายในวันเสาร์   เมื่อวันเสาร์ที่ 21 ม.ค. 2566 รัฐบาลของประเทศเปรูประกาศปิด มาชูปิกชู หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ และสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศ อย่างไม่มีกำหนด โดยให้เหตุผลว่า เพื่อปกป้องนักท่องเที่ยวและพลเมืองของตัวเอง หลังจากการประท้วงต่อต้านประธานาธิบดีลุกลามไปในหลายเมืองทั่วประเทศ   คำสั่งปิดมาชูปิกชูเกิดขึ้นหลังจากบริการรถไฟมายังมรดกโลกแห่งนี้ถูกระงับ เนื่องจากรางรถไฟถูกผู้ประท้วงสร้างความเสียหาย ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนหลายร้อยคนติดค้าง โดยแถลงการณ์จากกระทรวงวัฒนธรรมเปรู ระบุว่า นักท่องเที่ยวที่ซื้อตั๋วแล้ว สามารถเก็บไว้ใช้ได้ 1 เดือนหลังการการชุมนุมสิ้นสุด หรือจะขอเงินคืนก็ได้   เมื่อเดือนก่อน การประท้วงก็ทำให้เจ้าหน้าที่ของเปรูต้องช่วยเหลือนักท่องเที่ยวหลายร้อยคนออกจากพื้นที่ใกล้เคียงมาชูปิกชู หลังจากติดค้างอยู่ที่นั่นนานหลายวัน   ทั้งนี้ เปรูเผชิญการประท้วงรุนแรงมาตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมปี 2565 หลังประธานาธิบดีคนก่อนถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 50 ศพ โดยผู้ประท้วงเรียกร้องให้ นางดีนา โบลูอาร์เต ผู้นำคนใหม่ลาออกจากตำแหน่ง แต่จนถึงตอนนี้เธอยังคงปฏิเสธที่จะทำตามข้อเรียกร้อง   ในการปะทะที่เกิดขึ้นล่าสุด ถนนหลายสายในกรุงลิมาถูกปิดกั้น ตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุมที่ขว้างปาก้อนหินเข้าใส่เจ้าหน้าที่ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า…

เห็นทะลุกำแพง นักวิจัยใช้คลื่น Wi-Fi สแกนได้แบบไม่มีอะไรกั้น

Loading

  [นัยน์ตาที่สี่] ในทางการทหารนั้น ก็มีอุปกรณ์ที่ช่วยสแกน [ศัตรู] หรือวัตถุข้ามกำแพงอย่าง Xaver 1000 แล้ว แต่ขึ้นชื่อว่าทางการทหาร ก็เป็นอะไรที่คนทั่วไปเข้าถึงไม่ได้แน่นอน ทว่าเร็ว ๆ นี้ มีกลุ่มนักวิจัยสถาบันแห่งหนึ่ง ค้นพบวิธีสแกนมนุษย์แบบทะลุกำแพง ได้ด้วยการใช้คลื่น Wi-Fi จากเราเตอร์   ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน (Carnegie Mellon) ได้ค้นพบวิธีสแกนมนุษย์ผ่านกำแพง โดยการใช้สัญญาณ Wi-Fi จากเราเตอร์ สามารถตรวจจับมนุษย์ในรูปแบบ 3 มิติและมองการเคลื่อนไหวได้แบบเรียลไทม์หรือตลอดเวลาด้วย     ทั้งนี้ทางทีมยังได้ร่วมมือกับนักวิจัยด้าน AI ของ Facebook ด้วย ซึ่งกำลังมีผลงานอย่าง Dense Pose ระบบอัลกอริทึมที่สามารถเก็บพื้นผิวของร่างกายมนุษย์จากภาพถ่าย 2 มิติได้     ด้านนักวิจัยจากคาร์เนกีเมลลอน จึงนำระบบนี้มาใช้ร่วมกับโครงข่าย Wi-Fi โดยใช้เซ็นเซอร์ที่มีการดัดแปลงใหม่ ติดตั้งในห้องต่าง ๆ เพื่อขยายสัญญาณ Wi-Fi ให้กระจายออกไป จนจับภาพได้มากขึ้น   ผลที่ได้คือ…

กลัวเมืองหลวงเป็นเป้า! ตั้งเครื่องยิงขีปนาวุธหลายจุดกลางกรุงมอสโก

Loading

รัสเซียกลัวยูเครนโจมตีเมืองหลวง เครื่องยิงขีปนาวุธผุดกลางกรุงมอสโกหลายจุด ทั้งตามดาดฟ้าอาคารและสวนสาธารณะ เมื่อวันพฤหัสบดี (19 ม.ค.) ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่ในสื่อโซเชียลมีเดีย เป็นภาพถ่ายบริเวณดาดฟ้าของอาคารกลางกรุงมอสโกของรัสเซีย ซึ่งมีการนำ “เครื่องยิงขีปนาวุธแพนต์เซอร์-S1” มาติดตั้งไว้   อาคารที่มีการติดตั้งอาวุธดังกล่าวไว้เป็นอาคารของกองทัพและอาคารของหน่วยงานรัฐ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งบ่งชี้ข้อกังวลของรัสเซียที่เหมือนกำลังกลัวว่าจะมีการโจมตีเข้ามาใส่เมืองหลวงของตนเอง   เครื่องยิงขีปนาวุธแพนต์เซอร์-S1 นั้น เป็นขีปนาวุธพิสัยใกล้ถึงกลาง มีศักยภาพในการป้องกันการโจมตีทางอากาศจำพวกขีปนาวุธร่อนได้ รวมถึงสามารถสอยอากาศยานของศัตรูเช่นเครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์ รวมถึงโดรนได้   นอกจากนี้ ยังมีการนำขีปนาวุธภาคพื้นสู่อากาศ S-400 มาประจำการที่สวนสาธารณะในกรุงมอสโกด้วย     ทั้งนี้ แม้จะไม่ชัดเจนว่ารัสเซียติดตั้งเครื่องยิงขีปนาวุธไว้เพื่อป้องกันการดจมตีจากใคร แต่หลายฝ่ายก็คาดว่าเป็นการป้องกันการโจมตีจากฝ่ายของยูเครนอย่างแน่นอน หลังก่อนหน้านี้รัสเซียอ้างว่ามีฐานทัพหรือคลังเก็บอาวุธในหลายเมืองของตนถูกโดรนของยูเครนโจมตี   อย่างไรก็ดี มอสโกอยู่ห่างจากพรมแดนยูเครนไปประมาณ 600 กิโลเมตร ซึ่งหากรัสเซียถูกโจมตีเข้ามาได้จริง จะถือเป็นการหยามและทำลายชื่อเสียงของรัสเซียครั้งใหญ่   ผู้สนับสนุนการรุกรานยูเครนบางส่วนมองว่า การปรากฏตัวของระบบขีปนาวุธในมอสโกแสดงให้เห็นว่า ผู้นำของรัสเซียกำลังมีความกังวลเกี่ยวกับการถูกโจมตีเมืองหลวง   อเล็กซานเดอร์ คอตส์ นักข่าวรัสเซียคนที่สนับสนุนการรุกรานยูเครน กล่าวว่า “นั่นหมายความว่า ผู้นำเข้าใจถึงความเสี่ยงทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ และเข้าใจว่าการที่มอสโกและภูมิภาคต่าง ๆ…

ผบช.น.กำชับ 1 ก.พ. สถาปนาอุเทนถวาย เตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัย หวั่นล้างแค้นคืน

Loading

    พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้เรียกประชุมชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.6 ชุดสืบสวนนครบาล และฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน เมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา กรณี มีผู้ก่อเหตุ 2 คน คาดว่าเป็นวัยรุ่น ขี่จักรยานยนต์มาแล้วคนซ้อนท้ายชักอาวุธออกมายิง นักศึกษาคณะวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย 2 คนที่เดินอยู่ริมฟุตบาท ไปทั้งหมด 5 นัด กระสุนไปถูกนักศึกษาเสียชีวิต 1 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด   ซึ่งขณะนี้ข้อมูลจากฝ่ายสืบสวนมีความคืบหน้าไปมาก ทั้งหลักฐานจากกล้องวงจรปิด รวมถึงเส้นทางการหลบหนี ส่วนมาตรการป้องกันเหตุ ตำรวจพอจะมีข้อมูลคนก่อเหตุ ขณะนี้ได้กำชับตำรวจในพื้นที่จัดกำลังเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดในพื้นที่โดยรอบแล้ว   รายงานข่าวแจ้งว่า นักศึกษาที่โดนยิงอยู่คณะวิศวกรรมโยธา โดยผู้ลงมือเป็นนักศึกษาสถาบันคู่อริ เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ผู้ก่อเหตุมีการวางแผนกันมาอย่างดี หลังก่อเหตุ เขาขี่ จยย.แบบวกวนเพื่อให้ยากแก่การติดตาม แต่ตำรวจสืบทราบว่าปลายทางอยู่จังหวัดนนทบุรี คนลงมือน่าจะมีความชำนาญใช้อาวุธปืน เพราะกระสุนเข้าเป้าทั้งๆ ที่รถจยย.เคลื่อนตัวแล้วเเละเป็นคนนั่งซ้อนท้ายด้วย   พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง…

‘เชียงใหม่’ ครองแชมป์ปลอดภัยสูงสุดในอาเซียน-กรุงเทพฯ ได้อันดับ 7

Loading

    เว็บฐานข้อมูลนานาชาติจัดอันดับ เชียงใหม่ปลอดภัยสุดอันดับหนึ่งในอาเซียน อันดับ 32 ของโลก ขณะกรุงเทพติดอันดับเจ็ดของอาเซียน อันดับ 170 ของโลก ส่วนพัทยาได้อันดับเก้าอาเซียน อันดับ 210 ของโลก ขณะกรุงอาบูดาบีครองแชมป์ปลอดภัยมากที่สุดในโลก   สำนักข่าวอิศรารายงานว่าเว็บไซต์ numbeo.com ซึ่งเป็นเว็บด้านการวิจัยซึ่งเป็นดาต้าเบสสำหรับสถานที่ให้ผู้ใช้และผู้ติดตามสร้างเนื้อหาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้มีการจัดทำดัชนีเมืองที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในโลก จำนวน 416 เมืองทั่วโลก   โดยเมืองในประเทศไทยที่อยู่ในดัชนีดังกล่าวนั้นประกอบไปด้วยเมืองเชียงใหม่ อยู่ในอันดับที่ 32 ได้ 75.5 คะแนน คิดเป็นอันดับหนึ่งเมืองที่มีความปลอดภัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือว่าอาเซียน กรุงเทพมหานครอยู่ในอันดับที่ 170 ได้ 59.5 คะแนน และเมืองพัทยาอยู่ในอันดับที่ 210 ได้ 54.5 คะแนน   สำหรับอันดับของเมืองที่มีความปลอดภัยที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือว่าอาเซียนใน 20 อันดับแรกนั้นพบว่ามีอันดับดังต่อไปนี้ 1.เชียงใหม่, ประเทศไทย 2. ดาเวา, ฟิลิปปินส์ 72.4 คะแนน 3. สิงคโปร์,…

ฮือฮา!! FBI บุก “สถานีตำรวจจีนเถื่อน” กลางแมนแฮตตันแอบเปิดใช้ชื่อ “มูลนิธิช่วยคนจีน” บังหน้าเกี่ยวข้องพ่อเมืองนิวยอร์กผิวสีคนดัง

Loading

    เอเจนซีส์ – FBI บุกสถานีตำรวจจีนเถื่อนในปีที่แล้ว พบใช้พื้นที่ชั้น 3 อาคารสำนักงานมูลนิธิจีนตั้งในเมืองแมนแฮตตัน รัฐนิวยอร์ก เป็นสำนักงาน ฮือฮา อดีตประธานกรรมการมูลนิธิเคยบริจาคเงินให้นายกเทศมนตรีนิวยอร์กผิวสีชื่อดัง เอริค อดัมส์ ที่เคยปรากฏตัวในงานกาล่าของมูลนิธิปีที่แล้ว   เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานวานนี้ (14 ม.ค.) ว่า การบุกค้นฟ้าผ่าเกิดขึ้นในวันหนึ่งของฤดูใบไม้ร่วงปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นที่อาคารแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของมูลนิธิจีน American Changle Association ซึ่งตั้งในเมืองแมนแฮตตันใต้ ตั้งอยู่เลขที่ 107 บรอดเวย์ตะวันออก เมืองนิวยอร์กซิตี รัฐนิวยอร์ก   โดยชั้น 3 ของอาคารเป็นที่ตั้งสถานีตำรวจลับจีนต่างแดนมณฑลฝูเจี้ยน   สื่ออังกฤษชี้ว่า ตำรวจจีนหน่วยนี้เชื่อมโยงกับหน่วยรหัส 110 ต่างแดน (110 Overseas) ที่มีฐานอยู่ในมณฑลฝูเจี้ยน   หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สของสหรัฐฯ รายงานข่าวเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า FBI นำกำลังบุกเข้าทลายสำนักงานตำรวจเถื่อนจีนซึ่งตั้งอยู่ด้านใต้ของร้านราเม็งในนิวยอร์ก พร้อมกับชี้ว่า นายกเทศมนตรีนิวยอร์กคนปัจจุบัน…