ผู้สนับสนุนอดีตผู้นำบราซิลบุกอาคารรัฐสภา-ทำเนียบปธน.

Loading

BRAZIL-POLITICS-BOLSONARO-SUPPORTERS-DEMONSTRATION   ผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีบราซิล จาอีร์ โบลโซนาโร บุกอาคารศาลสูง อาคารรัฐสภา และปิดล้อมทำเนียบประธานาธิบดี ในกรุงบราซิเลียเมืองหลวง เมื่อวันอาทิตย์ ตามรายงานของรอยเตอร์   สื่อในบราซิลรายงานว่า ผู้ประท้วงประมาณ 3,000 คน บุกรุกเข้าไปในอาคารที่ทำการศาลสูงบราซิล อาคารรัฐสภา พร้อมทั้งปิดล้อมทำเนียบประธานาธิบดีที่เมืองหลวงบราซิล ซึ่งคล้ายกับภาพของเหตุจลาจลบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อ 6 มกราคม ปี 2021 โดยกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์   Supporters of Brazil’s former President Jair Bolsonaro demonstrate against President Luiz Inacio Lula da Silva, in Brasilia   ผู้ประท้วงบราซิลจำนวนมาก แสดงความไม่พอใจต่อผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมปีก่อน ที่ลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา…

ผู้เชี่ยวชาญพบ “ซากประตูลับ” มากกว่า 130 บานบนกำแพงเมืองจีน

Loading

  ทีมวิจัยระบบการป้องกันของกำแพงเมืองจีน ซึ่งถูกยกให้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก เผยการค้นพบซากประตูที่ถูกซ่อนอยู่กว่า 130 บานบนกำแพงเมืองจีน เมื่อไม่นานมานี้ ผ่านการถ่ายภาพต่อเนื่อง ที่มีความละเอียดเกือบระดับเซนติเมตร   สำนักข่าวซินหัวรายงานเทศบาลนครเทียนจิน เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ว่า ทีมงานทำการวิเคราะห์รูปภาพเพิ่มเติมและลงพื้นที่สำรวจประตูลับดังกล่าว และพบว่าประตูลับแต่ละบานออกแบบมาให้เข้ากันได้ดีกับภูมิประเทศในท้องถิ่น ในอดีตเส้นทางลับเหล่านี้มีไว้เป็นทางผ่านของทหารสอดแนม ขณะที่บางเส้นทางถูกสร้างขึ้น เพื่อเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารระหว่างพื้นที่ภายในและภายนอกกำแพงเมืองจีน หรือเพื่อการค้าและการพาณิชย์สมัยโบราณ   เอกสารทางการบางฉบับที่มีอายุย้อนกลับไปสมัยราชวงศ์หมิง (ปี 1368-1644) ระบุว่า ชนเผ่าเร่ร่อนได้รับอนุญาตให้ใช้งานประตูลับข้างต้น เพื่อการเลี้ยงปศุสัตว์ระหว่างภูมิภาคชิงไห่และเหอเท่า ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งมีทรัพยากรน้ำและหญ้าอุดมสมบูรณ์ในห้วงเวลานั้น       จางอวี้คุน ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเทียนจิน ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมวิจัย กล่าวว่า การเลี้ยงปศุสัตว์ข้างต้น มีหลักฐานยืนยันเป็นประตูลับขนาดใหญ่บางส่วน ที่สามารถให้ม้าสองตัวเดินผ่านจากทั้งสองทิศทาง ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยพิสูจน์ว่า กำแพงเมืองจีนไม่ได้ปิดสนิท แต่จะ “เปิด” อย่างเป็นระบบ   ก่อนหน้านี้ จีนมีการศึกษาเกี่ยวกับทางลับดังกล่าวน้อยมาก ทว่าการค้นพบครั้งใหม่ สามารถช่วยนำเสนอกลไกทางสถาปัตยกรรมที่สมบูรณ์และเด่นชัดของกำแพงเมืองจีน   ทีมงานยังพบประตูทางออกที่ลึกลับที่สุดของเส้นทางลับเหล่านี้ ซึ่งถูกบันทึกไว้โดยเหล่านักวิชาการในสมัยราชวงศ์ถัง ซ่ง หมิง…

กองทัพเกาหลีใต้ยอมรับ โดรนเกาหลีเหนือล้ำเขตห้ามบินรอบทำเนียบ ปธน.

Loading

  กองทัพเกาหลีใต้ยอมรับว่า โดรนของเกาหลีเหนือรุกล้ำเขตห้ามบินรอบทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงโซล ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องประสิทธิภาพของระบบป้องกันทางอากาศของประเทศ   เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 ม.ค. 2566 กองทัพของประเทศเกาหลีใต้ออกมายอมรับว่า อากาศยานไร้พลขับ หรือ โดรน ของเกาหลีเหนือลำหนึ่ง บินเข้าสู่พื้นที่ทางตอนเหนือของเขตห้ามบินรัศมี 3.7 กม. รอบทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงโซล ในตอนที่มันรุกล้ำน่านฟ้าของประเทศเมื่อปลายเดือนก่อน   เจ้าหน้าที่กองทัพบอกกับสำนักข่าว ยอนฮัป ของเกาหลีใต้ว่า โดรนลำนี้บินรุกล้ำชายขอบทางตอนเหนือของเขตห้ามบินเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่ไม่ได้เข้าใกล้อาคารความมั่นคงสำคัญใด ๆ   ทั้งนี้ โดรนดังกล่าวเป็นหนึ่งในอากาศยานไร้คนขับของเกาหลีเหนือ 5 ลำ ที่บินรุกล้ำชายแดนเข้าสู่น่านฟ้าของเกาหลีใต้เมื่อ 26 ธ.ค. 2565 จนทำให้กองทัพเกาหลีใต้ต้องส่งเครื่องบินขับไล่และเฮลิคอปเตอร์จู่โจมออกปฏิบัติการ อย่างไรก็ตาม กองทัพไม่ได้ยิงทำลายโดรนฝูงนี้ และปล่อยให้มันบินในน่านฟ้าของประเทศนานหลายชั่วโมง   การรุกล้ำน่านฟ้าของโดรนฝูงนี้ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ระบบป้องกันทางอากาศของประเทศขึ้นในเกาหลีใต้ ในขณะที่เกาหลีเหนือแสดงท่าทีคุกคามมากขึ้นด้วยการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีขีปนาวุธ และทดสอบยิงมิสไซล์มากครั้งที่สุดในประวัติศาสตร์เมื่อปีที่ผ่านมา   “การรุกล้ำเขตแดนของโดรนเปิดเผยให้เห็นความไม่พร้อมของเกาหลีใต้ในการตรวจจับ, ติดตาม และยิงทำลายโดรนขนาดเล็กเช่นนี้” ยอนฮัประบุ   เหตุการณ์ดังกล่าวยังทำให้ประธานาธิบดี ยูน ซุก-ยอล ขู่ระงับสนธิสัญญาทางทหารที่ทั้งสองฝ่ายทำไว้ในปี 2561 ซึ่งกำหนดให้หยุดพฤติกรรมเป็นปรปักษ์,…

ผู้นำเกาหลีใต้ขู่พร้อมยกเลิกสนธิสัญญาทางทหาร หากเกาหลีเหนือรั้นส่งโดรนป่วนน่านฟ้าอีก

Loading

  วันที่ 4 มกราคม ประธานาธิบดียุนซอกยอลแห่งเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เขาพร้อมพิจารณาระงับสนธิสัญญาทางทหารระหว่างสองเกาหลีที่จัดทำขึ้นเมื่อปี 2018 หากเกาหลีเหนือส่งโดรนรุกล้ำน่านฟ้าของเกาหลีใต้อีกครั้ง   คำกล่าวของยุนมีขึ้นหลังจากที่เขาได้ร่วมประชุมเพื่อกำหนดมาตรการตอบโต้ต่อเกาหลีเหนือ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือได้ส่งโดรนขนาดเล็กหลายลำรุกล้ำน่านฟ้าของเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 5 ปี ขณะที่ฝั่งเกาหลีใต้ได้ส่งโดรน 3 ลำเข้าไปในเกาหลีเหนือเพื่อเป็นการตอบโต้   คิมอึนเฮ เลขาธิการอาวุโสฝ่ายกิจการสื่อของยุน เปิดเผยว่า “ในระหว่างการประชุม ท่านประธานาธิบดีสั่งการให้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติพิจารณาระงับข้อตกลงทางทหาร หากเกาหลีเหนือยังดึงดันกระทำการยั่วยุด้วยการบุกรุกดินแดนของเราอีกครั้ง”   ย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ และอดีตประธานาธิบดีมุนแจอินแห่งเกาหลีใต้ ได้ร่วมกันทำข้อตกลงฉบับหนึ่งขึ้นมา โดยเรียกร้องให้มีการยุติ ‘การกระทำที่เป็นปรปักษ์ทุกรูปแบบ’ รวมถึงจัดตั้งเขตห้ามบินตามแนวพรมแดน และร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิดในเขตปลอดทหาร (Demilitarized Zone) แต่ถึงเช่นนั้นข้อตกลงดังกล่าวก็ไม่ถือเป็นสนธิสัญญาสันติภาพอย่างเป็นทางการ   การยกเลิกสนธิสัญญาทางทหารนี้อาจทำให้ทั้งสองประเทศส่งทหารกลับมาประจำการอีกครั้ง รวมถึงมีความเป็นไปได้ที่จะจัดการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงในเขตห้ามบิน และการส่งใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อข้ามพรมแดน ซึ่งล้วนเป็นกิจกรรมที่ทำให้ฝั่งเกาหลีเหนือโกรธเกรี้ยวอย่างมากจนมีการงัดใช้มาตรการตอบโต้หลายครั้งก่อนที่จะมีการทำข้อตกลงนี้   นักวิเคราะห์ระบุว่า แม้ความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีจะมีปัญหามายาวนานหลายทศวรรษ แต่สถานการณ์กลับยิ่งตึงเครียดมากขึ้น นับตั้งแต่ยุนเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเขาเป็นผู้นำที่ให้คำมั่นว่าจะใช้ไม้แข็งเพื่อจัดการกับการยั่วยุของเกาหลีเหนือ โดยในระหว่างการหาเสียงเมื่อปีที่แล้ว ยุนกล่าวว่าเกาหลีเหนือได้กระทำการละเมิดข้อตกลงหลายครั้งจากการกระหน่ำทดสอบยิงขีปนาวุธ และเตือนว่าเขาพร้อมคว่ำข้อตกลงหากชนะการเลือกตั้ง และหลังจากที่ขึ้นครองตำแหน่งผู้นำประเทศแล้ว เขากล่าวว่าชะตากรรมของสนธิสัญญานี้ขึ้นอยู่กับความประพฤติของเกาหลีเหนือเอง    …

เรียกร้องลงโทษผู้บังคับบัญชา เลินเล่อเก็บกระสุนในอาคารเดียวกับค่ายพัก ทำให้ทหารรัสเซียดับ 63 เมื่อยูเครนใช้จรวดมะกันถล่มใส่

Loading

  ผู้ร่วมไว้อาลัยชุมนุมกันที่เมืองซามารา ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย เมื่อวันอังคาร (3 ม.ค.) ในพิธีรำลึกถึงทหารรัสเซีย 63 คน ซึ่งกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า เสียชีวิตในเมืองมาคีอีฟกา ในแคว้นโดเนตสก์ ของยูเครน ภายหลังยูเครนยิงจรวดหลายลำกล้อง HIMARS ถล่มใส่เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม   กลุ่มชาตินิยมและสมาชิกสภารัสเซียบางคนเรียกร้องให้ลงโทษผู้บังคับบัญชาทหารที่ปล่อยให้มีการจัดเก็บเครื่องกระสุนในอาคารเดียวกับที่เป็นค่ายพัก ส่งผลให้ทหารรัสเซียเสียชีวิตถึง 63 นาย หลังถูกยูเครนใช้เครื่องยิงจรวด HIMARS ผลิตในสหรัฐฯ ถล่มใส่ ขณะที่เซเลนสกี ชี้รัสเซียเตรียมเปลี่ยนยุทธวิธีใช้โดรนอิหร่านโจมตียูเครนเพื่อเดินหน้ากดดันเคียฟหลังจากเพลี่ยงพล้ำในการต่อสู้ในสนามรบตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา   ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวระหว่างปราศรัยเมื่อคืนวันจันทร์ (2 ม.ค.) ว่า ยูเครนได้รับข้อมูลมาว่า รัสเซียกำลังวางแผนโจมตีระยะยาวด้วยโดรนติดระเบิดที่ผลิตโดยอิหร่าน โดยมีเป้าหมายเพื่อทำลายการต้านทานของยูเครน ด้วยการทำให้ประชาชน กองทัพอากาศ และพลังงานของยูเครนอ่อนล้า   ทั้งนี้ ระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ตะวันตกจัดหาให้ยูเครนทำให้เครื่องบินรบของรัสเซียโจมตีด้วยขีปนาวุธได้ยากขึ้น แต่โดรนติดระเบิดที่ผลิตในอิหร่านเป็นอาวุธที่มีต้นทุนต่ำและสร้างความหวาดกลัวทั้งในหมู่ทหารและพลเรือน   ทางด้านสถาบันเพื่อการศึกษาสงครามระบุว่า ปูตินกำลังพยายามเสริมสร้างการสนับสนุนในบรรดาบุคคลสำคัญในรัสเซีย   กลุ่มคลังสมองซึ่งตั้งฐานอยู่ในสหรัฐฯ แห่งนี้สำทับว่า การโจมตีทางอากาศและการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียไม่ได้ทำให้เกิดผลลัพธ์ในแง่ข้อมูลต่อกลุ่มชาตินิยมในรัสเซียตามที่เครมลินต้องการ และความล้มเหลวของกองทัพรัสเซียจะทำให้ความพยายามของปูตินในการเอาใจชุมชนที่สนับสนุนสงครามซับซ้อนยิ่งขึ้น  …

วุ่น หนุ่มลักรถบัสทหาร ขับไปวน 2 สนามบิน อ้างรอรับจนท.ทูต

Loading

  หนุ่มกาฬสินธุ์ ถูกจับคาสนามบินสุวรรณภูมิ หลังขโมยรถบัสทหาร จอดในพื้นที่ห้ามเข้า อ้างรอรับเจ้าหน้าที่ทูต   เวลา 08.00 น. วันที่ 1 ม.ค. 66 พล.ต.ต.สราวุธ จินดาคำ ผบก.น.3 รับรายงานจาก พ.ต.อ.กฤษณ์พนธ์ เพ็ชรสดศิลป์ ผกก.สน.ร่มเกล้า โดย พ.ต.ท.เจริญ สอนจันเกตุ รอง ผกก.สส.สน.ร่มเกล้า, พ.ต.ท.อัครพล ถิรพงศานุรักษ์ สว.สส., ร.ต.อ.บุญณรงค์ คล้ายสง รอง สว.สส. และฝ่ายสืบสวน สน.ร่มเกล้า ร่วมกันจับกุม นายศรายุทธ หรือเอ็ม เทพศิลา อายุ 35 ปี ชาวกาฬสินธุ์ พร้อมของกลางรถบัสปรับอากาศ ยี่ห้อ HINO สีเขียวอ่อนคาดเขียวเข้ม ข้างรถมีข้อความ กองบัญชาการกองทัพไทย หมายเลขทะเบียน ตรากองทัพไทย 1670 จับกุมได้บริเวณประตู 10 สนามบินสุวรรณภูมิ…