กสทช.ถกแก้ปัญหาสัญญาณเน็ตชายแดน หลังพบมิจฉาชีพลอบใช้กระทำผิดกฎหมาย

Loading

  เร่งแก้ปัญหาสัญญาณอินเทอร์เน็ตบริเวณชายแดนในฝั่งไทย พบอาจเอื้อต่อกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ มิจฉาชีพ ลักลอบนำสัญญาณไปใช้กระทำผิดกฎหมาย ชี้การตัดสัญญาณไม่ใช่ทางออก กระทบคนใช้สุจริต   รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช. ได้จัดประชุมคณะทำงานกำหนดแนวทางดำเนินการเกี่ยวกับความผิดทางเทคโนโลยี โทรคมนาคมและความมั่นคงของรัฐ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 โดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตบริเวณชายแดนในฝั่งไทย ซึ่งพบว่า อาจเอื้อต่อกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ ที่ลักลอบนำสัญญาณไปใช้กระทำผิดกฎหมาย   โดยที่ประชุมคณะทำงานฯ ในส่วนผู้ปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบจับกุม และผู้กำหนดแนวทางในการดูแลปัญหา ได้มีการหารือเพื่อกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหา และหามาตรการที่เกิดสมดุลในการบังคับใช้กฎหมาย การดำเนินคดีกับมิจฉาชีพ และการไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้บริโภคในพื้นที่ชายแดน เนื่องจากการกระทำผิดของมิจฉาชีพมีความซับซ้อนและใช้เทคนิคกลโกงขั้นสูงมากขึ้น เช่น ใช้ช่องว่างของสัญญาณให้บริการของโอเปอเรเตอร์ที่มีความแรงข้ามขายแดน ในการกระทำความผิด ใช้บริการ ไว-ไฟ จากฝั่งไทยยิงสัญญาณข้ามชายแดนไปจุดที่ตั้งของคอลเซ็นเตอร์เถื่อน และใช้ ซิม บ็อกซ์ หรือ เบส สเตชั่น ปลอม เพื่อยิงเอสเอ็มเอสหลอกลวง ว่ามาจากผู้ห้บริการเครือข่าย ฯลฯ   แหล่งข่าวจาก กสทช. กล่าวว่า ทาง กสทช. ได้สั่งให้ สำนักงาน กสทช. ในเขตพื้นที่ตามแนวชายแดน ดำเนินการกำกับดูแลในเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยพนักงาน กสทช. ในพื้นที่ จะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการไม่ให้ส่งสัญญาณได้ โดยที่ผ่านมา ได้มีการดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วหลายครั้ง เท่าที่ทราบกรณีที่เกิดขึ้นมีทั้งฝั่งชายแดน ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งติดกับประเทศเมียนมา และ สปป.ลาว บริเวณ จ.นครพนม รวมถึงเสาที่ตั้งบริเวณใกล้บ่อนการพนัน กรณีที่ได้ดำเนินการไปแล้ว จะเป็นเสาที่ลักลอบตั้งขึ้นอย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้ทันที   “เมื่อมิจฉาชีพใช้กลโกงที่ซับซ้อน เจ้าหน้าที่ต้องสังเกตและรู้เท่าทันกลโกง การจะตัดสัญญาณสื่อสารบริเวณชายแดน ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะจะเกิดผลกระทบต่อผู้ที่ใช้บริการโดยสุจริต เจ้าหน้าที่ของไทยทราบว่า คอลเซ็นเตอร์เถื่อนตั้งอยู่ที่ไหนแต่เอาผิดไม่ได้ เพราะกฎหมายของไทยกับเพื่อนบ้านแตกต่างกัน ในอนาคตมีความจำเป็นต้องมีคณะทำงานร่วมเพื่อจัดการกับปัญหาอย่างจริงจัง ควบคู่ไปกับการกำหนดมาตรการที่เข้มข้นขึ้น แต่ไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย”       ————————————————————————————————————————————————— ที่มา :                   …

ตำรวจเวลส์ชี้เทคโนโลยีจำใบหน้าช่วยจับอาชญากรมาลงโทษได้

Loading

  สำนักงานตำรวจในเขตเซาต์เวลส์ของสหราชอาณาจักร (SWP) รายงานว่าการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าแบบย้อนหลังทำให้เบาะแสมากกว่า 140 รายการภายในเดือนเดียว   เจเรมี วอแกน (Jeremy Vaughan) ผู้บัญชาการ SWP เผยว่าเทคโนโลยีนี้ใช้เฉพาะในกรณีอาชญากรรมร้ายแรงอย่างการข่มขืนเท่านั้น โดยตรวจจับผู้กระทำผิดในสถานที่และยานพาหนะต่าง ๆ   แหล่งข้อมูลของเทคโนโลยีนีนี้คือกล้อง CCTV โทรศัพท์มือถือ และโซเชียลมีเดีย โดยนำมาเทียบกับภาพที่ SWP และตำรวจเมืองเกวนต์มีกว่า 600,000 ภาพ   วอแกนยังบอกอีกว่ามีการกำหนดขั้นตอนและมาตรการสำหรับการใช้เทคโนโลยีอย่างรัดกุม และไม่มีการเก็บข้อมูลประชาชน   อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีนี้ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก โดยเฉพาะในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการเลือกปฏิบัติต่อคนบางกลุ่ม   ซึ่งวอแกนชี้ว่าการใช้เทคโนโลยีนี้ก็เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองประชาชน และใช้ตามกรอบของกฎหมายเท่านั้น แต่ก็สนับสนุนให้มีหลักเกณฑ์ภายในเพื่อป้องกันการใช้ในทางที่ผิด     ที่มา Biometric Update         ————————————————————————————————————————————————— ที่มา :           …

จีนซ้อมใช้ “โดรน” กำจัดทุ่นระเบิดในทะเล ดักคอแผนสหรัฐฯ วางทุ่นในทะเลเหลือง

Loading

  เมื่อไม่นานมานี้ กองทัพเรือแห่งกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) ซ้อมใช้โดรนกวาดทุ่นระเบิดควบคู่ไปกับเรือกวาดทุ่นระเบิดแบบมีคนขับในการฝึกซ้อมตอบโต้กับทุ่นระเบิดในทะเล ซึ่งเป็นรูปแบบการสำรวจทางทะเลแบบใหม่ โดยบูรณาการปฏิบัติการระหว่างเรือกวาดทุ่นระเบิดกับโดรนกวาดทุ่นระเบิด   โดรนเปิดระบบโซนาร์สแกนค้นหาเป้าหมายใต้น้ำ และส่งข้อมูลไปยังเรือกวาดทุ่นระเบิดแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถใช้มนุษย์กบไปกำจัดทุ่นระเบิดได้อย่างแม่นยำ   รายงานระบุว่า โดรนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของทหารเรือ ท่ามกลางแผนการของสหรัฐฯ ที่จะใช้ทุ่นระเบิดในทะเลกับจีน   เมื่อปีที่แล้ว นาวาเอก Victor Duenow แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ เผยแพร่บทความบนเว็บไซต์ของ US Naval Institute ระบุว่า สหรัฐฯ ควรมีทุ่นระเบิดเพื่อต่อต้านจีนในทะเลเหลืองและสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียง   ในขณะที่เดือน ม.ค.2565 ไต้หวันได้วางทุ่นระเบิดในทะเลเพิ่มเติม เพื่อป้องกันจากการรุกรานจากจีนแผ่นดินใหญ่   ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า โดรนจะมีบทบาทสำคัญในสงครามทางทะเลในอนาคต เนื่องจากสามารถปฏิบัติภารกิจได้หลากหลาย รวมถึงการลาดตระเวน การกวาดล้างสิ่งกีดขวาง และการโจมตี ในขณะที่ภารกิจวางทุ่นระเบิด กวาดทุ่นระเบิด และต่อต้านเรือดำน้ำก็เป็นภารกิจสำคัญสำหรับเรือโดรนเช่นกัน     ที่มา  โกลบอลไทมส์ แฟ้มภาพ  เอเอฟพี       ————————————————————————————————————————————————— ที่มา…

กัมพูชาสั่งเตรียมพร้อมทหารเข้ารักษาความสงบเรียบร้อย รับมือคนขัดขวางกระบวนการเลือกตั้ง

Loading

  MGR ออนไลน์ – พล.อ.เตีย บัญ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการกับบุคคลใดก็ตามที่ตั้งใจขัดขวางกระบวนการเลือกตั้งในวันที่ 23 ก.ค. และสั่งการให้กองทัพเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งผิดกฎหมายในวันเลือกตั้ง พร้อมให้คำมั่นว่าจะดำเนินความพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการการเลือกตั้งจะเป็นไปอย่างราบรื่น และปลอดภัย   พล.อ.เตีย บัญ ระบุว่า การเตรียมความพร้อมดังกล่าวยังรวมถึงการปรับปรุงอาวุธ และสิ่งจำเป็นต่าง ๆ เพื่อให้ทหารสามารถตอบสนองได้ทันท่วงทีในทุกสถานการณ์   “กองทัพต้องร่วมมือกับกระทรวง สถาบัน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อปกป้องความมั่นคง รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน และรับประกันความมั่นคงปลอดภัยของสังคม” รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ระบุ   พล.อ.เตีย บัญ ยังเรียกร้องให้ทหารทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนั้นเสรี ยุติธรรม และเป็นธรรม เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยและการพัฒนาประเทศ   “เราต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมสอดคล้องตามกฎหมายเพื่อป้องกันกิจกรรมที่พยายามขัดขวางกระบวนการเลือกตั้ง ปกป้องรัฐบาลที่ชอบธรรมที่มาจากการเลือกตั้ง และปกป้องความสำเร็จของชาติเพื่อรักษาเสถียรภาพ” พล.อ.เตีย บัญ กล่าว   ด้านโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวว่ากองกำลังรักษาความปลอดภัยกว่า 70,000 นายจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จะประจำการในวันเลือกตั้ง เพื่อรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยทั่วประเทศ   การเลือกตั้งแห่งชาติของกัมพูชาจะจัดขึ้นในวันที่ 23…

ยอดเสียชีวิตเหตุน้ำท่วมเกาหลีใต้เพิ่มเป็น 40 คน ประธานาธิบดีชี้ การรับมือภัยพิบัติล้มเหลว

Loading

  ยุนซอกยอล ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ กล่าวตำหนิถึงความล้มเหลวในการปฏิบัติตามแผนรับมือภัยพิบัติแห่งชาติของบรรดาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หลังประสบเหตุภาวะน้ำท่วมครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในจังหวัดชุงชองเหนือ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 40 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิงไทย 1 คน ขณะที่ยังสูญหายอีก 9 คน และได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง   ทางการเกาหลีใต้คาดว่า จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมนี้จะยังคงเพิ่มสูงขึ้นอีกอย่างต่อเนื่องภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ โดยเจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัยเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและค้นหาร่างผู้เสียชีวิตที่อาจติดอยู่ภายใต้อุโมงค์หรือจมอยู่ใต้น้ำอย่างเต็มความสามารถ   เหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดการตั้งคำถามถึงความพยายามในการป้องกันและการตอบสนองต่อภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นของรัฐบาลเกาหลีใต้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ผู้ขับขี่ยานพาหนะบางคนชี้ว่า ทางการเกาหลีใต้ไม่สามารถควบคุมการใช้รถใช้ถนนบริเวณอุโมงค์ทางลอดหรือเส้นทางที่คาดว่าจะมีความเสี่ยงในการเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้ จนนำไปสู่เหตุสูญเสียในท้ายที่สุด   ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่เพิ่งเดินทางกลับจากทริปเยือนต่างประเทศยอมรับว่า ภาวะน้ำท่วมในประเทศเลวร้ายลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการบริหารจัดการพื้นที่เสี่ยงไม่ดี โดยยุนซอกยอลระบุว่า เราได้เน้นย้ำหลายต่อหลายครั้งถึงความสำคัญในการเข้าถึงพื้นที่เสี่ยงภัย รวมถึงการเตรียมพร้อมที่จะอพยพหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่ถ้าหากหลักการขั้นพื้นฐานในการรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติไม่ได้รับการยึดถือหรือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ก็จะส่งผลต่อความปลอดภัยของสาธารณชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้   เมื่อปี 2022 รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ให้คำมั่นที่จะดำเนินการเพื่อรับมือกับภัยพิบัติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศให้ดียิ่งขึ้น หลังเผชิญหน้ากับเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ เนื่องมาจากพายุฝนที่ตกลงมาอย่างหนักที่สุดในรอบ 115 ปี คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 14 คน และสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง   นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในการบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤตของเกาหลีใต้ในปีนี้ แม้ในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาเกาหลีใต้จะเคยเผชิญกับภัยพิบัติครั้งใหญ่มาแล้วหลายต่อหลายครั้งก็ตาม   ด้านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ…

ศาลรัฐธรรมนูญประกาศกำหนดพื้นที่รักษาความปลอดภัย รับวินิจฉัยสมาชิกภาพ “พิธา”

Loading

  ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ลงนามประกาศกำหนดพื้นที่รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย รับมือการพิจารณาสมาชิกภาพ ส.ส.ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หลัง กกต. ยื่นเรื่องให้วินิจฉัย   วันที่ 18 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ลงนามในประกาศศาลรัฐธรรมนูญ เรื่อง อาณาบริเวณหรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ   ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย ประกาศ ณ วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2566 มีรายละเอียดดังนี้   ด้วยศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันพุธที่ 19 กรกฎาคม 2566 เวลา 09.30 น. ณ ที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พิจารณาคำร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ…