“สหรัฐ” ชี้กองทัพใช้แอปติ๊กต็อก เสี่ยงจีนสอดแนม

Loading

  นายเบรนแดน คาร์ หนึ่งในคณะกรรมการด้านการสื่อสารของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FCC) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐมีความเสี่ยงด้านความมั่นคงจากการใช้บริการแอปพลิเคชันติ๊กต็อก   สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า เจ้าหน้าที่ในรัฐบาลสหรัฐ ต่างเคลือบแคลงใจว่า ติ๊กต็อกอาจส่งข้อมูลส่วนบุคคลของชาวอเมริกันกลับไปให้รัฐบาลจีน โดยก่อนหน้านี้ นายคาร์ได้เรียกร้องให้บริษัทแอปเปิล และกูเกิลลบแอปติ๊กต็อกออกจากแอปสโตร์ของทั้งสองบริษัท เนื่องจากมีความวิตกเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลที่เกี่ยวกับจีน ด้วย   นายคาร์ กล่าวในที่ประชุมคณะกรรมการของสภาผู้แทนราษฎรว่า แม้หน่วยงานต่างๆ ของกองทัพสหรัฐจะห้ามติดตั้งแอปติ๊กต็อกในอุปกรณ์ของทางราชการ แต่ยังมีการใช้งานแพร่หลายในอุปกรณ์ส่วนบุคคล ผมจึงคิดว่านั่นคือ ความเสี่ยงที่เราต้องจัดการ   “เรามีความกังวลเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีการส่งข้อมูลกลับไปให้รัฐบาลจีน การใช้แอปติ๊กต็อกก็เหมือนมีอุปกรณ์ในกระเป๋าโดยอัตโนมัติ ที่แทรกซึมเข้าไปในฐานทัพทางทหาร ขณะที่ดูข้อมูลตำแหน่งที่ตั้ง คนอื่นก็จะรู้ข้อมูลความเคลื่อนไหวของกองทัพด้วย” นายคาร์ กล่าว   อย่างไรก็ตาม นายคาร์ได้ให้การในระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับการป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ของกองทัพ และทหารปลดประจำการต้องตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกง และการหลอกเงิน โดยการไต่สวนดังกล่าวจัดขึ้นโดยคณะอนุกรรมการด้านความมั่นคงแห่งชาติ ในสังกัดคณะกรรมการกำกับดูแล และปฏิรูปของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ     ————————————————————————————————————————- ที่มา :   กรุงเทพธุรกิจออนไลน์            / วันที่เผยแพร่ …

สิงคโปร์เอาจริง เข้ารหัสข้อมูลลับ ด้วยควอนตัมคอมพิวเตอร์

Loading

  ไซเบอร์กำลังคุกคามแต่ละประเทศหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะกับประเทศที่เน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี ซึ่งก็มีโอกาสที่จะทำให้เกิดช่องโหว่ขึ้นได้   สิงคโปร์ หนึ่งในประเทศที่เป็นฮับทางเทคโนโลยีของเอเซีย มีแผนที่จะนำควอนตัมคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีประมวลขั้นสูงมาใช้เป็นเครื่องมือที่จะใช้ต่อสู้กับแฮกเกอร์   เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศแผนการที่จะจัดสรรเงินจำนวน 23.5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพื่อสนับสนุนแพลตฟอร์มระดับชาติ ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการวิศวกรรมควอนตัม (QEP)   โดยหลักแล้ว เทคโนโลยีควอนตัม จะถูกนำมาเพื่อใช้เข้ารหัสในระบบต่าง ๆ เพื่อให้การเจาะระบบทำยากขึ้น รวมทั้งจะใช้ในการคาดการณ์อนาคตและกำหนดอนาคตต่าง ๆ ในเชิงรุก ซึ่งสิงคโปร์มีแผนที่จะเดินนำหน้าแฮกเกอร์ให้เร็วกว่า นั่นแปลว่าสิงคโปร์อาจรู้ถึงช่องโหว่ Zero-day ก่อนที่แฮกเกอร์จะรู้ครับ เห็นแบบนี้แล้วก็แอบอิจฉาเหมือนกันนะ….     ที่มาข้อมูล https://www.zdnet.com/article/singapore-ups-investment-in-quantum-computing-to-stay-ahead-of-security-threats/         ————————————————————————————————————————- ที่มา :      Techhub      / วันที่เผยแพร่   8 ก.ค. 65 Link :…

2 หน่วยข่าวกรองโลก ‘FBI-MI5’ ผนึกกำลังต้านจีน ผวา!! นักรบไซเบอร์จีนจ้องขโมยเทคโนโลยี

Loading

  หากการจับมือร่วมวงสามัคคีกันระหว่าง ‘หงส์แดง’ และ ‘ปีศาจแดง’ เพื่อร่วมกันปฏิเสธการขายตั๋วบอลพ่วงบัตรกินข้าวกับนักเตะสโมสรผ่านช่องทางไลฟ์ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากแล้ว…การที่หัวหน้าหน่วยสืบสวนของ 2 ชาติมหาอำนาจ อย่าง FBI ของสหรัฐฯ และ MI5 ของอังกฤษ จะมาจับมือแถลงข่าวร่วมกันในเวทีเดียวกันนั้นคงเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากยิ่งกว่า   แต่วันนี้มันก็เกิดขึ้นแล้ว!!   ไม่นานมานี้ ‘เคน แมคคัลลัม’ ผู้อำนวยการ MI5 หน่วยงานด้านความมั่นคงของอังกฤษ ร่วมแถลงข่าวคู่กับ ‘คริส เวร์ย’ ผู้อำนวยการ FBI สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ ณ ที่ทำการสำนักงานใหญ่ของ MI5 อาคารเธมส์ เฮาส์ ในกรุงลอนดอน เพื่อเตือนให้ชาวโลกรับรู้ถึงภัยคุกคามจากการจารกรรมข้อมูลทางเทคโนโลโยเพื่อการพาณิชย์โดยนักรบไซเบอร์จากจีน ที่เข้ามาแทรกซึมถึงในประเทศอังกฤษแล้ว   ผู้อำนวยการ MI5 กล่าวว่า “มีการโจมตี เจาะข้อมูลทางไซเบอร์จากอาชญากรจีนเกิดขึ้นทั้งในอังกฤษและสหรัฐอเมริกาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้เรามีคดีเพิ่มมากกว่าปี 2018 ถึง 7 เท่า”   ความน่ากลัวของสายลับไซเบอร์จากจีน คือ ค่อย ๆ…

ครม.จีนวอนปรับปรุงระบบความปลอดภัยไซเบอร์ หลังข้อมูลปชช. 1 พันล้านคนโดนแฮ็ก

Loading

  คณะรัฐมนตรีของจีนเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการสนับสนุนความปลอดภัยของข้อมูล หลังเกิดการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลที่ครั้งใหญ่ โดยกรณีดังกล่าวอาจเป็นการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จีน   สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การประชุมคณะมนตรีรัฐกิจของจีนที่นำโดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง เน้นย้ำถึงความจำเป็น “ในการปรับปรุงข้อกำหนดด้านการจัดการความปลอดภัย ยกระดับความสามารถในการป้องกัน ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ความเป็นส่วนตัว และความลับทางการค้าตามกฎหมาย”   ทั้งนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กตั้งข้อสังเกตว่า รายงานจากซินหัวไม่ได้พูดถึงการแฮ็กครั้งนี้โดยตรง รวมถึงสื่ออื่น ๆ ของรัฐบาลจีนก็ยังคงนิ่งเงียบเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้   อนึ่ง เมื่อต้นสัปดาห์นี้ กลุ่มแฮ็กเกอร์นิรนามอ้างว่าได้ขโมยข้อมูลผู้อยู่อาศัยในจีนมากถึงหนึ่งพันล้านคนหลังเจาะระบบฐานข้อมูลตำรวจเซี่ยงไฮ้ได้สำเร็จ ซึ่งข้อมูลขนาดมากกว่า 23 เทราไบต์ที่อ้างว่าขโมยมานี้ได้เผยให้เห็นถึงความล้มเหลวด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และสร้างความตื่นตระหนกให้กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี   ขณะนี้ยังทราบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์นิรนามเข้าถึงฐานข้อมูลที่ดำเนินการโดยกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนสาขาเซี่ยงไฮ้ได้อย่างไร ซึ่งในโพสต์ออนไลน์โดยกลุ่มแฮ็กเกอร์นั้นระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวประกอบด้วยรายละเอียดกิจกรรมของผู้ใช้จากแอปจีนยอดนิยม, ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ โดยแฮกเกอร์นำข้อมูลดังกล่าวมาขายในราคา 10 บิตคอยน์ หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 200,000 ดอลลาร์       ————————————————————————————————————————- ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์          / วันที่เผยแพร่   7…

อิหร่านกวาดจับชาวต่างชาติ รวมนักการทูตอังกฤษ ซัดเป็นสปาย ดอดขโมยตัวอย่างดิน

Loading

  สถานีโทรทัศน์ทางการอิหร่านรายงานเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมว่า กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามของอิหร่านได้ทำการจับกุมชาวต่างชาติหลายคน ที่รวมถึงนักการทูตอังกฤษประจำกรุงเตหะรานด้วย จากการถูกกล่าวหาว่ากระทำการสอดแนมอิหร่าน เช่น การนำเอาตัวอย่างดินไปจากพื้นที่หวงห้ามของอิหร่าน สถานีโทรทัศน์ทางการอิหร่านไม่ได้ให้รายละเอียดว่ามีการจับกุมชาวต่างชาติเหล่านั้นเมื่อใดหรือนักการทูตเหล่านั้นยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมตัวหรือไม่ “สายลับเหล่านี้ได้เก็บตัวอย่างดินในทะเลทรายทางตอนกลางของอิหร่าน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ฝึกซ้อมขีปนาวุธของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติ” สถานีโทรทัศน์ทางการอิหร่านรายงาน พร้อมเผยภาพถ่ายขณะนายไจล์ส วิเทเกอร์ นักการทูตอังกฤษและครอบครัวของเขาอยู่ในพื้นที่ทางตอนกลางอิหร่าน ซึ่งดูเหมือนกำลังเก็บตัวอย่างดิน โดยสื่ออิหร่านระบุว่าอยู่ใกล้กับพื้นที่ที่ใช้ในการทดสอบขีปนาวุธของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม และว่า นายวิเทเกอร์ถูกขับออกจากเมืองแล้ว หลังจากทำการขอโทษต่อเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามโฆษกกระทรวงต่างประเทศอังกฤษ แถลงว่า รายงานการจับกุมนักการทูตอังกฤษในอิหร่านไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า หนึ่งในชาวต่างชาติที่ถูกจับกุม สื่อโทรทัศน์ทางการอิหร่านระบุว่าคือสามีของทูตวัฒนธรรมของประเทศออสเตรียประจำอิหร่าน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการออสเตรียยังไม่ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ โทรทัศน์อิหร่านยังเผยภาพของชาวต่างชาติรายที่ 3 ที่ถูกจับกุมคือ มาชีจ วัลซัก อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยในโปแลนด์ ซึ่งถูกระบุว่าเดินทางไปอิหร่านในฐานะนักท่องเที่ยว และมีการเผยภาพขณะที่วัลซักและเพื่อนร่วมทีม 3 คน กำลังเก็บตัวอย่างดินในพื้นที่อื่นของอิหร่าน หลังจากมาอิหร่านภายใต้โครงการแลกเปลี่ยนทางวิทยาศาสตร์ และว่าการเก็บตัวอย่างดินของคนกลุ่มนี้เกิดขึ้นในช่วงเดียวกับที่มีการทดสอบขีปนาวุธในจังหวัดเคอร์มานของอิหร่าน ขณะที่ไม่กี่ปีมานี้ กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามได้จับกุมบุคคลถือสองสัญชาติและชาวต่างชาติหลายสิบคน ส่วนใหญ่ถูกกล่าวหาว่าจารกรรมข้อมูลและข้อหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคง     ที่มา : มติชนออนไลน์    /   วันที่เผยแพร่ 7 ก.ค.65 Link…

Marriott ยืนยัน Data Breach ล่าสุด คาดรั่วข้อมูลแขกโรงแรมและพนักงาน

Loading

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานี้เองที่ทาง Marriott ได้ออกมายืนยันแล้วว่า พบแฮ็กเกอร์ไม่ประสงค์ดีได้บุกรุกเข้ามาในเน็ตเวิร์กคอมพิวเตอร์ และพยายามที่จะเรียกค่าไถ่กับบริษัท ส่งผลให้การโจมตีทางไซเบอร์ครั้งเป็นอีกครั้งหนึ่งที่สามารถโจมตีเครือโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้สำเร็จ เหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกรายงานขึ้นมาครั้งแรกโดยทาง databreaches.net ซึ่งเผยว่า ได้เกิดเหตุขึ้นมาราวเดือนกว่า ๆ แล้ว และยังบอกด้วยว่าเป็นผลงานของกลุ่มข้ามชาติที่ทำงานร่วมกันกว่า 5 ปี โฆษกของทาง Marriott เผยว่า บริษัท “ตระหนักระวังผู้ไม่ประสงค์ดีที่อาจใช้วิธี Social Engineering เพื่อหลอกลวงเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ของพนักงาน” แต่การเข้าถึงเครื่องที่เกิดขึ้น “ใช้เวลาสั้น ๆ ไม่ถึงวันเท่านั้น และ Marriott ก็กำลังตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ ก่อนที่ผู้ไม่ประสงค์ดีนั้นจะได้ติดต่อมาเพื่อเรียกค่าไถ่ ซึ่ง Marriott ไม่ได้จ่ายให้แต่อย่างใด” พร้อมทั้งบริษัทได้เตรียมเดินเรื่องทางกฎหมายแล้ว โดยกลุ่มที่เคลมว่าเป็นผู้กระทำการนั้นได้เผยออกมาว่า สามารถขโมยข้อมูลของ Marriott ได้ราว 20 กิกะไบต์ (Gigabyte : GB) ซึ่งมีทั้งข้อมูลบัตรเครดิตและข้อมูลที่เป็นความลับต่าง ๆ เกี่ยวกับแขกที่เข้าพักโรงแรม หรือว่าคนทำงานจากพนักงานคนหนึ่งที่ BWI Airport Marriott ใน Baltimore ซึ่งผู้โจมตีได้ “ส่งอีเมลไปยังพนักงานจำนวนมาก”…