รอดเหตุร้ายช่วงคริสต์มาส เจนีวาลดระดับเฝ้าระวังก่อการร้าย

Loading

     รอยเตอร์ – เมืองเจนีวาของทวิตเซอร์แลนด์ ลดระดับการเฝ้าระวังลงแล้ว จากการเปิดเผยของตำรวจในวันจันทร์(28ธ.ค.) 18 วันหลังจากเริ่มปฏิบัติการตามล่าคนจำนวนหนึ่งที่ทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเป็นไปได้ว่าอาจเชื่อมโยงกับก่อการร้าย      ตำรวจระบุในถ้อยแถลงว่ากระทรวงความมั่นคงและเศรษฐกิจรัฐเจนีวา ตัดสินใจคืนสู่ระดับเฝ่าระวังที่บังคับใช้ก่อนวันที่ 10 ธันวาคม หลังจากปรึกษาหารือกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางแล้ว      “คำประเมินใหม่ของสถานการณ์ภัยคุกคามก่อการร้ายหลังวันหยุดคริสต์มาสคือเหตุผลของการตัดสินใจล่าสุด” ถ้อยแถลงระบุ “ยิ่งกว่านั้น หากพิจารณากิจกรรมต่างๆที่อาจตกเป็นเป้าหมายเร็วๆนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านการทูต ศาสนาและการพาณิชย์ ทั้งหมดได้ลุล่วงไปแล้ว”      เจนีวาเป็นที่ตั้งสำนักงานยุโรปของสหประชาชาติ กาชาดสากล ธนาคารต่างๆและตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งยังมีชายแดนเสรีติดกับฝรั่งเศส ซึ่งเพิ่งถูกนักรบอิสลามิสต์โจมตีกรุงปารีสเมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน คร่าชีวิต 130 ศพ      เมืองแห่งนี้ยกระดับเฝ้าระวังขึ้นสูง หลังพบรถยนต์ต้องสงสัยทะเบียนเบลเยียม หลบหนีจากการตรวจค้นช่วงค่ำคืนของตำรวจและข้ามชายแดนไปยังฝรั่งเศส ท่ามกลางคำเตือนของเจ้าหน้าที่ต่างประเทศว่ามีเครือข่ายต้องสงสัยรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในภูมิภาค      ตำรวจบอกว่าภัยคุกคามขยับจากแค่คลุมเครือเป็นชัดเจน โดยปราศจากให้ข้อมูลเพิ่มเติม และอัยการสวิตเซอร์แลนด็ได้เปิดการสืบสวนทางอาญาบนพื้นฐานของภัยคุกคามก่อการร้ายในเจนีวาต่อบุคคลจำนวนหนึ่ง      แหล่งข่าว 2 แห่งบอกกับรอยเตอร์ว่าในตอนนั้นสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ ได้มอบภาพถ่ายชาย 4…

ชำแหละ”เรดสตาร์โอเอส”ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์โสมแดง นักวิจัยชี้สะท้อนความหวาดระแวง

Loading

     ฟลอเรียน กรูนาว และนิคลอส ชีส นักวิจัยจากบริษัทบีอาร์เอ็นดับเบิลยู บริษัทความปลอดภัยด้านไอทีของประเทศเยอรมนี ได้วิเคราะห์ระบบปฏิบัติการ “เรดสตาร์” ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่รัฐบาลเกาหลีเหนือสร้างขึ้นและให้ประชาชนในประเทศใช้งาน พบว่ามีการรุกล้ำสอดแนมผู้ใช้และสะท้อนความหวาดระแวงในระดับสูง      ระบบปฏิบัติการ “เรดสตาร์” เวอร์ชั่นล่าสุดถูกเขียนขึ้นราวปี 2556 มีพื้นฐานจากระบบปฏิบัติการลินุกซ์ เวอร์ชั่นที่เรียกว่า “ฟีโดร่า” โดยมีการออกแบบอินเตอร์เฟซที่คล้ายคลึงกับระบบปฏิบัติการแมคโอเอส      สองนักวิจัยตรวจสอบลึกเข้าไปในตัวระบบปฏิบัติการพบว่ามีการใช้ไฟล์ที่ถูกเข้ารหัสไว้ในแบบของตัวเองโดยเชื่อว่าจะเป็นการป้องกันโค้ดที่อาจถูกถอดได้โดยหน่วยข่าวกรองหรือหน่วยงานสายลับจากภายนอกนอกจากนี้ยังพบด้วยว่าการที่ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานหลักของระบบปฏิบัติการนั้นเป็นไปได้ยากมากยกตัวอย่างเช่นหากผู้ใช้พยายามปิดระบบแอนตี้ไวรัส หรือปิดไฟร์วอล เครื่องจะแจ้งเตือนความผิดพลาดหรือรีบูทเครื่องโดยอัตโนมัติ      ระบบเรดสตาร์ยังแก้ปัญหาที่รัฐบาลเกาหลีเหนือห่วงกังวลอย่างการส่งต่อภาพยนตร์เพลง หรืองานเขียนของต่างประเทศที่เป็นสิ่งต้องห้าม โดยระบบปฏิบัติการจะติดแทกและสร้างลายน้ำบนไฟล์ทุกไฟล์บนคอมพิวเตอร์ รวมถึงในยูเอสบีที่ถูกต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นๆ นั่นหมายความว่าไฟล์ทุกไฟล์จะสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปได้      สองนักวิจัยระบุว่าเป็นการยากที่จะสามารถระบุได้ว่ามีเครื่องคอมพิวเตอร์กี่เครื่องที่ถูกใช้อยู่ในเกาหลีเหนือ ขณะที่ผู้ที่เคยเดินทางเยือนเกาหลีเหนือระบุว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ในเกาหลีเหนือส่วนใหญ่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดว์เอ็กซ์พีในเวอร์ชั่นเมื่อ15ปีก่อน ขณะที่ในเกาหลีเหนือใช้ระบบอินทราเน็ตที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับระบบเวิลด์ไวด์เว็บของโลก แต่จะอนุญาตให้เข้าถึงได้เฉพาะเว็บไซต์สำนักข่าวของรัฐ รวมถึงเว็บไซต์ที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลแล้วเท่านั้น      ทั้งนี้ ในปัจจุบันเกาหลีเหนือไม่ใช่ประเทศเดียวที่สร้างระบบปฏิบัติการของตนเองขึ้นมาใช้ แต่ประเทศอย่างคิวบาก็มีระบบปฏิบัติการของตัวเองอย่าง”เนชั่นแนลโนว่า” ขณะที่จีน รัสเซีย ก็กำลังพยายามสร้างระบบปฏิบัติการของตัวเองขึ้นมาใช้เช่นกัน ที่มา : MatichonOnline วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558…

รถไฟบรรทุกสารเคมีตกรางในออสเตรเลีย

Loading

     รถไฟบรรทุกกรดกำมะถันตกรางในรัฐควีนส์แลนด์ที่ออสเตรเลีย ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน-เขตหวงห้ามในรัศมี 2 กม.      วันนี้ (28 ธ.ค.58) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดอุบัติเหตุรถไฟ 26 ตู้ บรรทุกกรดกำมะถันหรือซัลฟุริค แอซิด ปริมาณ 200,000 ลิตร ตกรางเกิดขึ้นเมื่อเช้าวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น ห่างจากเมืองจูเลีย ครีก ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลในรัฐควีนส์แลนด์ไปทางทิศตะวันออก 20 กม. ส่งผลให้ต้องมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและให้บริเวณที่เกิดเหตุภายในรัศมี 2 กม.เป็นเขตหวงห้ามมีพนักงานรถไฟ 3 คน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว      โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในรัฐควีนส์แลนด์กล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุอย่างแน่ชัดว่ามีการรั่วไหลของกรดกำมะถันหรือไม่ แต่สื่อท้องถิ่นรายงานว่าพบการรั่วไหลของกรดกำมะถันและน้ำมันเชื้อเพลิงปริมาณเล็กน้อย อย่างไรก็ตามสถานการณ์น้ำท่วมที่กำลังเกิดขึ้นในพื้นที่ส่งผลทำให้การเข้าถึงจุดเกิดเหตุทำได้ลำบาก ที่มา : TNN24 วันที่ 28 ธ.ค. 58, เวลา 18.51 น. Link : http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=87185&t=news  

ระเบิดพลีชีพใกล้สนามบินคาบูล

Loading

     เกิดระเบิดพลีชีพบนถนนใกล้สนามบินกรุงคาบูลของอัฟกานิสถาน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยหนึ่งคน บาดเจ็บอีก 13 คน      ตำรวจผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า มือระเบิดเดินเข้ามายังรถกระบะสีขาว แล้วจึงจุดระเบิดตัวเอง แรงระเบิดทำให้รถกระบะเสียหาย กระจกร้านค้าบริเวณใกล้เคียงแตกกระจาย      ผู้บังคับการตำรวจกรุงคาบูล “นายอับดุล เราะห์มาน ราฮิมี” เปิดเผยว่า เหตุระเบิดพลีชีพครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตหนึ่งคน บาดเจ็บ 13 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิงสามคน ส่วนวัตถุประสงค์ของการก่อเหตุในพื้นที่ที่มีประชาชนอาศัยอยู่มากก็เพื่อสร้างความหวาดกลัวในหมู่ชาวอัฟกานิสถานซึ่งในเดือนนี้กลุ่มตาลีบันเคยก่อเหตุโจมตีหลายครั้งในกรุงคาบูล รวมทั้งที่เกสต์เฮาส์ใกล้สถานทูตสเปนประจำเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม และระเบิดฆ่าตัวตายใกล้ฐานทัพอากาศบากรามเมื่อสัปดาห์ก่อน เป็นเหตุให้ทหารอเมริกันเสียชีวิต 6 นาย ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 28 ธันวาคม 2558, 20:00 น. Link : http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/680368

รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนีเรียกร้องชาติ EU ยกระดับคุมเข้มพรมแดน หวั่นพวกสุดโต่งแฝงตัวปะปนผู้อพยพเข้ายุโรป

Loading

รอยเตอร์ / เอเจนซีส์ / MGR online – ฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเยอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศของเยอรมนีเรียกร้องในวันเสาร์ (26 ธ.ค.) ให้ชาติในยุโรปยกระดับความเข้มงวดในการควบคุมพรมแดนของตน หลังก่อนหน้านี้มีรายงานการพบหนังสือเดินทางซีเรียปลอม อยู่ในความครอบครองของนักรบกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่แฝงตัวปะปนเข้ามายังยุโรป กับคลื่นผู้อพยพนับล้านจากตะวันออกกลาง ฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเยอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศของเยอรมนี เผยถึงเรื่องดังกล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อสิ่งพิมพ์ในเครือ “Funke Medien” โดยระบุว่า ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดที่บรรดาชาติในยุโรป โดยเฉพาะชาติที่เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) จะต้องเพิ่มระดับความเข้มงวดในการควบคุมพรมแดนของตน และสอดส่องบุคคลที่เดินทางผ่านทั้งขาเข้าและออกจากยุโรป นอกเหนือจากการเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมแนวพรมแดนแล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศของเยอรมนียังระบุว่า ทางคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารของสหภาพยุโรป มีความจำเป็นต้องเพิ่มอำนาจและขยายบทบาทให้กับหน่วยงานกำกับดูแลพรมแดนของอียูอย่าง “ฟรอนเท็กซ์” ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น ชไตน์ไมเยอร์ยังยืนกรานว่า สหภาพยุโรปตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและมีความเหมาะสมแล้วที่เลือกจ่ายผลตอบแทนและมอบสิทธิประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้แก่ตุรกี ในฐานะที่ตุรกีเป็น “ประเทศหน้าด่าน” ในการรับมือกับคลื่นผู้อพยพจากตะวันออกกลาง โดยระบุว่าการเพิ่มความร่วมมือระหว่างยุโรปกับตุรกี จะถือเป็นกุญแจสำคัญในการสกัดกั้นการไหลบ่าของผู้อพยพได้ในอนาคต ความเคลื่อนไหวผ่านสื่อล่าสุดของรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนีมีขึ้นภายหลังจากที่เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ทางสหภาพยุโรปประกาศจะเพิ่มงบประมาณด้านการปกป้องพรมแดนของตนอีกเกือบ 3 เท่าตัว และประกาศจะสร้างกองกำลังเคลื่อนที่เร็วหน่วยใหม่ ที่มีจำนวนเจ้าหน้าที่ราว 1,500 นาย สำหรับรับมือกับวิกฤตผู้อพยพในอนาคต ทั้งนี้…