จีนเรียกร้องนานาชาติเคารพอธิปไตยในโลกไซเบอร์ของแต่ละประเทศ

Loading

ที่งานประชุมอินเทอร์เน็ตโลก ซึ่งมีจีนเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่มณฑลเจ้อเจียง ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนกล่าวว่า แต่ละประเทศควรมีสิทธิ์ขาดในการพัฒนาและควบคุมระบบอินเทอร์เน็ตด้วยวิถีของ ตนเอง ไม่ควรมีประเทศใดมุ่งสร้างอิทธิพลครอบงำโลกไซเบอร์ หรือกระทำการบั่นทอนความมั่นคงของประเทศอื่น นายจอห์น ซัดเวิร์ธ ผู้สื่อข่าวบีบีซีที่ได้เข้าร่วมการประชุมนี้ บอกว่าคำกล่าวของนายสีนั้นเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า มาตรการความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์และการควบคุมอินเทอร์เน็ตได้กลายมาเป็น ประเด็นสำคัญระดับชาติของจีน โดยนายสีกล่าวย้ำว่า จีนนั้นมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตถึง 650 ล้านคน จึงควรมีสิทธิ์มีเสียงในการร่างกฎระเบียบการใช้อินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงสิทธิ์ในการตัดสินใจว่าจะบล็อกหรือเซ็นเซอร์ข้อมูลประเภทใดบ้าง ด้วย นายสีระบุด้วยว่า เขาสนับสนุนระบบการจัดการทั่วโลกเพื่อรับมือกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศใน ทางที่ผิด ต่อต้านการสอดแนมและการโจรกรรมข้อมูล และจะต่อสู้กับการโจมตีทางไซเบอร์ โดยการตัดสินใจในเรื่องนี้ไม่ควรเป็นอำนาจของประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือเป็นการตัดสินใจของกลุ่มประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น ดูวิดีโอเพิ่มเติมได้ที่ ที่มา : Facebook บีบีซีไทย – BBC Thai

มหาวิทยาลัยญี่ปุ่นสั่งห้ามพกนาฬิกาทุกชนิดเข้าห้องสอบ

Loading

มหาวิทยาลัยเกียวโตของญี่ปุ่นประกาศห้ามสวมนาฬิกาข้อมือและนาฬิกาทุกประเภทเข้าห้องสอบ เนื่องจากนวัตกรรมไฮเทคทำให้นาฬิกากลายเป็น “สมาร์ทวอช” ที่อาจใช้ทุจริตสอบได้

ทวิตเตอร์เตือนให้ระวังรัฐบาล ‘แฮ็ก’

Loading

ทวิตเตอร์ได้ส่งคำเตือนไปยังผู้ใช้จำนวนมากว่าบัญชีของพวกเขาอาจถูกแฮ็กโดย “ผู้กระทำที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ” ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทวิตเตอร์ออกคำเตือนเช่นนี้ ทวิตเตอร์ส่งอีเมล์บอกผู้ใช้ว่าแฮ็กเกอร์อาจพยายามหาอีเมล์ หรือไอพีแอดเดรส หรือหมายเลขโทรศัพท์ของพวกเขา ซึ่งเป็นข้อมูลที่ทวิตเตอร์เริ่มเก็บเมื่อไม่นานมานี้ ยังไม่ชัดเจนว่าจำนวนบัญชีผู้ใช้ที่สงสัยว่าถูกแฮ็กครั้งนี้มีมากน้อยแค่ไหน โคลด์แฮ็กที่เป็นองค์กรไม่แสวงกำไรของแคนาดา เผยว่าได้รับคำเตือนจากทวิตเตอร์ โดยอีเมล์จากทวิตเตอร์ระบุว่า “เราเชื่อว่าผู้กระทำเหล่านี้ (ที่เป็นไปได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลของประเทศหนึ่ง) อาจพยายามเก็บข้อมูลอย่างเช่น อีเมล์แอดเดรส ไอพีแอดเดรส และ/หรือหมายเลขโทรศัพท์” “ในขณะนี้ เรายังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าพวกเขาได้ข้อมูลบัญชีของคุณไปแล้ว แต่เราก็กำลังสอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง เราอยากมีข้อมูลแจ้งให้คุณทราบมากกว่านี้ แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมใดๆ ในขณะนี้” รัฐบาลจีนและเกาหลีเหนือถูกมองว่าเป็นผู้รับผิดชอบกการแฮ็กข้อมูลบางอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับบริษัทและรัฐบาลของประเทศตะวันตก ผู้เชี่ยวชาญไอทีบางรายบอกว่าแฮ็กเกอร์ที่เจาะเข้าไปในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของโซนีเมื่อปลายปีที่แล้วและปล่อยข้อมูลลับออกมาจำนวนมากนั้นได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือก็ปฏิเสธในเรื่องนี้มาตลอด เจมส์ ลูว์อิส ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ตที่ศูนย์เพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ระหว่างประเทศที่วอชิงตัน บอกว่าแฮ็กเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมีทรัพยากรต่างๆ ให้ใช้มากกว่าแก๊งค์แฮ็กเกอร์อาชญากรธรรมดามากทีเดียว และพวกเขาอาจใช้วิธีการอื่นๆ อย่างเช่น การใช้นายหน้าหรือสายลับ หรือการดักจับการสื่อสาร เพื่อเลี่ยงหรือข้ามมาตรการรักษาความปลอดภัยต่างๆ ได้ ที่มา : Facebook บีบีซีไทย – BBC Thai

ห้องประชุมรัฐสภาของโคโซโว ฝ่ายค้านได้ปล่อยแก๊ซน้ำตา 2 กระป๋อง

Loading

กลุ่มสมาชิกสภานิติบัญญัติฝ่ายค้านได้ปล่อยแก๊ซน้ำตา 2 กระป๋อง เพื่อให้สมาชิกอื่นไม่สามารถเข้าร่วมประชุมภายในห้องประชุมรัฐสภาของโคโซโวเมื่อ 14 ธ.ค.58 การดำเนินการครั้งนี้เพื่อกดดันรัฐบาลให้ยุติการติดต่อกับเซอร์เบียและมอนเตนีโกร กรณีปล่อยแก๊ซน้ำตาเพื่อล้มการประชุมในโคโซโวเช่นนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อ ต.ค.58 ถึง 2 ครั้ง และการประชุมเมื่อ ก.ย.58 ฝ่ายค้านเคยใช้แก๊ซพริกไทย การเป่านกหวีดและปาขวดน้ำ เพื่อก่อกวนให้ต้องยุติการประชุมสภามาแล้ว ที่มา: The Washington post 14 Dec 2015

เผยระงับเครื่องบินแอโรฟล็อตบินขึ้นจากสุวรรณภูมิเป็นเรื่องเข้าใจผิด

Loading

เผยระงับเครื่องบินแอโรฟล็อตบินขึ้นจากสุวรรณภูมิเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผู้โดยสารตุรกีเพียงกล่าวลาแฟนหนุ่ม ไม่ใช่ลาตาย สำนักข่าวไทยรายงานถึงความคืบหน้ากรณีเครื่องบินของสายการบินแอโรฟล็อต เที่ยวบินที่ SU 271 ต้องระงับการออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังกรุงมอสโกของรัสเซียโดย กะทันหันเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ว่า เกิดจากความเข้าใจผิดของพนักงานบนเครื่องบิน ว่าผู้โดยสารหญิงชาวตุรกีกล่าวถ้อยคำลาตายขณะเครื่องเตรียมบินขึ้น ทั้งที่เพียงโบกมือและกล่าวลาแฟนหนุ่มที่อยู่ด้านนอกเท่านั้น ทั้งนี้ พนัก งานสอบสวน สภ. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้แจ้งผลการสอบปากคำผู้โดยสารชาวตุรกีคนดังกล่าว คือนางสาว SEFIKA KANIK อายุ 38 ปี ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องเข้าใจผิด ทางเจ้าหน้าที่จึงขอระงับการเดินทางไปกับเที่ยวบิน SU 271 ของผู้โดยสารรายนี้ไปก่อน และจะจัดหาเที่ยวบินใหม่ให้โดยเร็วที่สุด โดยไม่มีการดำเนินคดีใด ๆกับผู้โดยสารรายนี้ ด้านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแจ้งว่า ผลการตรวจสอบตัวเครื่องบิน รวมทั้งผู้โดยสารและสัมภาระทั้งหมดของเที่ยวบินนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง ปรากฏว่าไม่พบวัตถุต้องสงสัยว่าจะเป็นวัตถุระเบิดแต่อย่างใด จึงได้อนุมัติให้นำเครื่องบินขึ้นอีกครั้งเมื่อเวลา 18.00 น. ของวันนี้ ที่มา : Facebook Page บีบีซีไทย – BBC Thai