สลด! เหตุแก๊สรั่วในอินเดีย ดับแล้ว 11 ราย ยังหมดสติอีก 4 คน

Loading

    เกิดเหตุแก๊สรั่วในอินเดีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 คน นับเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงทางอุตสาหกรรมครั้งล่าสุดของประเทศ   สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ว่า อุบัติเหตุแก๊สรั่วเกิดขึ้นที่เขตกีอัสปุระ ของเมืองลุธิอาณา ในรัฐปัญจาบ ทางตอนเหนือของอินเดีย   “มีผู้เสียชีวิตที่ยืนยันแล้ว 11 ราย” เจ้าหน้าที่มันดีป สิงห์ สิธู อธิบดีตำรวจเมืองลุธิอาณา กล่าวเพิ่มเติมว่า มีชาวอินเดีย 4 คนในบริเวณจุดเกิดเหตุ ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล และยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่แน่ชัดของการรั่วไหลดังกล่าว   “เมื่อตัวอย่างเลือดตรงกับตัวอย่าง ที่กองกำลังรับมือภัยพิบัติแห่งชาติของอินเดีย (เอ็นดีอาร์เอฟ) เก็บมา เราจะสามารถบอกได้ว่า สาเหตุแท้จริงคือก๊าซชนิดใด” สิงห์ สิธู กล่าว   India: Two kids among 11 dead after gas leak in…

เออร์โดกันประกาศชัย หน่วยสืบราชการลับตุรกีสังหารผู้นำกลุ่มรัฐอิสลามได้แล้วในซีเรีย

Loading

    ข่าวต่างประเทศ Monday May 1, 2023 08:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)   ประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (30 เม.ย.) ว่า หน่วยสืบราชการลับของตุรกีสังหารนายอาบู ฮุสเซน อัล-กูราชี ผู้นำกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ลงได้สำเร็จ   “บุคคลนี้สิ้นฤทธิ์แล้ว โดยเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการโดยองค์กรข่าวกรองแห่งชาติของตุรกีในซีเรียเมื่อวานนี้” ปธน.เออร์โดกันกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ TRT Turk   ปธน.เออร์โดกันกล่าวว่า องค์กรข่าวกรองติดตามนายอัล-กูราชีมาเป็นเวลานานแล้ว   คนท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ความมั่นคงในซีเรียกล่าวว่า การโจมตีเกิดขึ้นในเมืองจันดาริส ทางตอนเหนือของซีเรีย ซึ่งถูกควบคุมโดยกลุ่มกบฏที่ตุรกีสนับสนุน และเป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 6 ก.พ. ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งตุรกีและซีเรีย   คนในพื้นที่รายหนึ่งกล่าวว่า การปะทะกันเริ่มขึ้นที่ชายขอบเมืองจันดาริสตั้งแต่คืนวันเสาร์ (29 เม.ย.) จนถึงเช้าวันอาทิตย์ นานประมาณหนึ่งชั่วโมง จากนั้นชาวบ้านก็ได้ยินเสียงระเบิดขนาดใหญ่   ต่อมา กองกำลังรักษาความปลอดภัยได้ปิดล้อมพื้นที่ดังกล่าวเพื่อไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้พื้นที่  …

สหรัฐฯ อพยพพลเมืองอเมริกันชุดแรกหนีสงครามกลางเมืองซูดาน

Loading

    ชาวอเมริกันหลายร้อยคนเดินทางออกจากซูดานผ่านทางท่าเรือเมื่อวันเสาร์ ถือเป็นพลเมืองอเมริกันชุดแรกที่อพยพออกจากซูดานโดยความช่วยเหลือของรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากเกิดการสู้รบกลางเมืองในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างกองทัพบกซูดานกับกองกำลังกึ่งทหาร   เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน ของสหรัฐฯ เฝ้าจับตาและคุ้มกันการอพยพประชาชนอเมริกันจำนวน 200-300 คนดังกล่าว ซึ่งเริ่มต้นจากการเดินทางด้วยขบวนรถโดยสารเป็นระยะทางกว่า 800 กิโลเมตรไปยังพอร์ตซูดาน เพื่อขึ้นเรือโดยสารข้ามทะเลแดงมุ่งหน้าไปยังซาอุดิอาระเบียที่ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่การทูตของรัฐบาลสหรัฐฯ รอให้ความช่วยเหลือ   ก่อนหน้านี้ ครอบครัวของชาวอเมริกันที่ติดอยู่ในซูดานวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลกรุงวอชิงตันที่ไม่ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังซูดานเพื่อช่วยอพยพพลเมืองอเมริกันออกมา โดยคาดว่ามีชาวอเมริกันอาศัยอยู่ในซูดานราว 16,000 คนที่ต้องการลี้ภัยหนีสงครามกลางเมือง   เมื่อวันที่ 22 เมษายน กองกำลังพิเศษของอเมริกาเดินทางไปยังกรุงคาร์ทูมเพื่อช่วยเหลือนำบรรดาเจ้าหน้าที่การทูตและเจ้าหน้าที่รัฐบาลอเมริกันออกจากซูดานไปล่วงหน้าแล้ว พร้อมสั่งปิดสถานทูตสหรัฐฯ ในซูดาน แต่ยังมีพลเมืองอเมริกันจำนวนมากที่ตกค้างอยู่ในซูดาน     จนถึงขณะนี้ มากกว่าสิบประเทศ ได้นำตัวพลเมืองของตนออกมาจากซูดานแล้ว โดยใช้หลายวิธีด้วยกัน รวมถึงขบวนรถโดยสาร เครื่องบินทหาร เรือของกองทัพเรือ และเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน รวมทั้งประเทศไทยที่ได้ส่งเครื่องบินไปรับตัวพลเมืองชาวไทยออกจากซูดานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา   นับตั้งแต่การสู้รบของกองทัพบกซูดานและกองกำลังกึ่งทหารเคลื่อนที่เร็ว หรือ อาร์เอสเอฟ ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน สหรัฐฯ ได้ประกาศเตือนพลเมืองของตนให้หาทางหนีออกมาจากซูดาน รวมทั้งพยายามติดต่อไปยังประเทศอื่นเพื่อช่วยเหลือในการอพยพชาวอเมริกันออกจากพื้นที่สู้รบ ก่อนที่จะตัดสินใจจัดขบวนรถโดยสารไปรับพบเมืองอเมริกันกลับบ้าน…

ซูดานสู้รบเดือด กองทัพถล่มโจมตีทั้งทางบกและทางอากาศ แม้ข้อตกลงหยุดยิงยังไม่สิ้นสุด

Loading

    การสู้รบในซูดานยังคงดุเดือดโดยเฉพาะในกรุงคาร์ทูมเมืองหลวงของประเทศซูดาน แม้ข้อตกลงหยุดยิงครั้งล่าสุดยังไม่สิ้นสุดลงก็ตาม โดยในวันนี้ (30 เมษายน) กองทัพซูดานเปิดเผยว่า ทหารฝ่ายตนได้เปิดฉากโจมตีทุกทิศทางทั้งทางอากาศและภาคพื้น เพื่อเอาชนะกองกำลังกึ่งทหาร Rapid Support Forces (RSF)   สำหรับการหยุดยิงระยะเวลา 72 ชั่วโมงที่ทั้งสองฝ่ายได้ทำข้อตกลงกันครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 27 เมษายน จะมีกำหนดสิ้นสุดลงในช่วงคืนวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ชาติต่างๆ ยังคงเดินหน้าเร่งอพยพพลเมืองของตนออกจากซูดานท่ามกลางสถานการณ์โกลาหล ส่วนประชาชนหลายล้านคนยังคงปักหลักอยู่ในกรุงคาร์ทูมที่มีสภาพไม่ต่างจากสมรภูมิรบ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือน้ำและอาหารในพื้นที่ดังกล่าวเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ   ส่วนสถานการณ์เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (29 เมษายน) การสู้รบในซูดานเป็นไปอย่างดุเดือด โดยกองทัพซูดานระบุว่า มีการโจมตีกองกำลัง RSF ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมือง ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าให้สำนักข่าว Reuters ฟังว่า โดรนของกองทัพเข้าโจมตีกองกำลัง RSF ซึ่งประจำอยู่ใกล้กับโรงกลั่นน้ำมันใหญ่ของประเทศ   พอล อดัมส์ ผู้สื่อข่าวทางการทูตของสำนักข่าว BBC เปิดเผยว่า กองทัพซูดานไม่สามารถขับไล่กองกำลัง RSF ออกจากกรุงคาร์ทูมได้โดยง่าย เพราะถึงแม้กองทัพจะมีอาวุธที่ทรงพลังกว่า แต่กองกำลัง RSF นั้นมีความคล่องตัวสูง และเชี่ยวชาญการสู้รบในเขตเมืองมากกว่า  …

ระแวงไปหมด! สหรัฐฯ เล็งขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์การค้า ‘บ.คลาวด์ของจีน’ อ้างเป็นภัยความมั่นคง

Loading

    จีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เอ่ยเตือนในวันพุธ (26 เม.ย.) ว่าบริษัทด้านคลาวด์คอมพิวติ้งของจีนอย่าง หัวเว่ย คลาวด์ (Huawei Cloud) และอาลีบาบา คลาวด์ (Alibaba Cloud) อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ และเตรียมที่จะพิจารณาเพิ่มรายชื่อบริษัทเหล่านี้ลงในบัญชีควบคุมการส่งออก   เมื่อวันอังคาร (25) วุฒิสมาชิกรีพับลิกัน 9 คนได้เรียกร้องให้รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน ใช้มาตรการคว่ำบาตรกับหัวเว่ย คลาวด์ อาลีบาบา คลาวด์ รวมถึงผู้ให้บริการคลาวด์เซอร์วิสรายอื่นๆ ในจีน อีกทั้งยังเสนอให้ ไรมอนโด เพิ่มชื่อบริษัทเหล่านี้ลงในบัญชีดำ ‘Entity List’ ซึ่งหมายถึงกลุ่มองค์กรหรือบุคคลที่สหรัฐฯ เชื่อว่ามีความเชื่อมโยงหรืออาจก่อความเสี่ยงต่อความมั่นคงหรือผลประโยชน์ด้านนโยบายต่างประเทศของอเมริกา   ล่าสุด ไรมอนโด ได้ออกมากล่าวหาบริษัทคลาวด์ของจีนมีแนวโน้มที่จะเป็นภัยคุกคามต่ออเมริกาจริง   “ดิฉันได้เพิ่มรายชื่อบริษัทจีนกว่า 200 รายลงในบัญชี Entity List และเรายังคงทำงานอย่างแข็งขันและต่อเนื่องเพื่อตรวจสอบภัยความมั่นคงเพิ่มเติม และหากเราเชื่อว่ามีบริษัทไหนที่จำเป็นต้องถูกขึ้นบัญชีดำ เราก็จะไม่ลังเลเลย” เธอแถลงต่อคณะกรรมาธิการการจัดสรรงบประมาณของวุฒิสภาสหรัฐฯ (Senate…

ทริคใหม่ ติด AI ให้กล้องจับความร้อน หารหัสผ่านจากคีย์บอร์ดได้

Loading

  อีกหนึ่งวิธีแฮ็กรหัสผ่าน ก็คือการเช็คร่องรอยจากอุปกรณ์โดยตรง ซึ่งผู้ใช้มักจะเหลือไว้โดยไม่รู้ตัว จนเปิดโอกาสให้ผู้ไม่หวังดีแอบสังเกตเห็นได้ และนำไปสู่การแฮ็กรหัสผ่านได้ในที่สุด   นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยกลาสโกลว์ (Glasglow) เผยวิธีการเดารหัสผ่านจากแป้นคียบอร์ดและหน้าจอสมาร์ทโฟน ด้วยการใช้กล้องตรวจจับความร้อน มาค้นหาร่องรอยการกดรหัสผ่านได้   ส่วนนี้คนร้ายสามารถจ้องเล่นงานเหยื่อ ที่ใช้คอมฯ ในที่สาธารณะ หรืออาจขโมยสมาร์ทโฟนมา จากนั้นก็ใช้กล้องตรวจจับความร้อน หาตำแหน่งรอยนิ้วมือที่มีการกดรหัสผ่าน และใช้ระบบ AI ที่ชื่อ ThermoScure มาช่วยคาดเดาอีกที จนได้รหัสผ่านที่ถูกต้องในที่สุด   มีรายงานด้วยว่า ThermoScure สามารถคาดเดารหัสผ่านได้ถูกต้องอย่างน้อย 62 – 93% และยังใช้เวลาวิเคราะห์ได้เร็วสุดภายใน 20 วินาทีด้วย แต่ก็ขึ้นอยู่กับความยาวของรหัสผ่าน โดยยิ่งมีความยาวมาก ก็ยิ่งใช้เวลา   ส่วนคียบอร์ดหากใช้ Keycab หรือปุ่มกดแบบทำจากพลาสติก PBT ก็จะลดอัตราความสำเร็จลงเหลือ 14% ในขณะที่พลาสติกแบบ ABS จะมีอัตราความสำเร็จ 50%   สุดท้ายนี้ตัวระบบ AI ดังกล่าว เป็นเพียงเครื่องมือทดสอบสำหรับการวิจัยนี้เท่านั้น ยังไม่ได้หลุดไปยังกลุ่มแฮ็กเกอร์…