“ฟิลิปปินส์” สั่งทหารตรึงกำลังทะเลจีนใต้ “จีน” ขยายเกาะเทียม

Loading

  กระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์มีคำสั่งให้ตรึงกำลังทหารในทะเลจีนใต้ หลังจากตรวจสอบพบความเคลื่อนไหวของจีนในน่านน้ำที่ตกเป็นข้อพิพาท ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเกาะที่ฟิลิปปินส์ยึดครอง   กระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเฉพาะเจาะจงถึงความเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยแถลงการณ์ครั้งนี้มีขึ้นหลังจากมีรายงานในสัปดาห์นี้ว่า จีนได้ทำการก่อสร้างบนพื้นที่ ที่ไม่มีผู้คนอยู่อาศัย 4 แห่งในหมู่เกาะสแปรตลี ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาท แต่ทางการจีนชี้แจงว่าข่าวดังกล่าวไม่มีมูลความจริง   แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์ ระบุว่า การรุกล้ำหรือบุกรุกพื้นที่ใด ๆ ก็ตามภายในพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะ 200 ไมล์ของฟิลิปปินส์ ถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของหมู่เกาะปากาซา หรือเกาะทิตู ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนอธิปไตยฟิลิปปินส์   “เราขอเรียกร้องให้จีนรักษากฎระเบียบระหว่างประเทศ และงดการกระทำใดๆ ที่จะโหมกระพือความตึงเครียด” กระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์ กล่าว   ด้านสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงมะนิลา เน้นย้ำว่า จีนได้ปฏิบัติตามฉันทามติของผู้อ้างกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะอย่างเคร่งครัด ซึ่งรวมถึงการไม่พัฒนาแนวปะการัง และเกาะร้าง     เปิดดาวเทียมจับภาพ “จีน” ขยายเกาะเทียมในทะเลจีนใต้   ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นจีนเริ่มขยายขนาดเกาะเทียม ในบริเวณหมู่เกาะพิพาทในทะเลจีนใต้ ที่จีนเข้าไปอ้างกรรมสิทธิ์   ฟิลิปปินส์ได้แสดงความวิตกอย่างยิ่งที่จีนเข้าไปยึดพื้นที่ส่วนที่ว่างของหมู่เกาะแห่งนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ และการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นจะทำลายปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ ที่ผู้อ้างกรรมสิทธิ์ในหมู่เกาะสแปรตลีย์ให้คำมั่นว่า “จะหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจขยายข้อพิพาท” ที่รวมถึงการเข้ายึดครองดินแดนที่ไม่มีผู้อยู่อาศัย   ภาพถ่ายดาวเทียมที่ได้มาจากทางการสหรัฐ เกาะเทียมที่สร้างขึ้นใหม่ได้ปรากฏอยู่รอบหมู่เกาะพิพาท…

บริษัทแม่ TikTok เผย มีพนักงานแอบเข้าไปดูข้อมูลส่วนตัวของนักข่าวอเมริกัน

Loading

FILE PHOTO: Illustration shows TikTok app logo   บริษัทจีน “ไบต์เเดนซ์” (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทเเม่ของแอป TikTok กล่าววันพฤหัสบดีว่าพนักงานจำนวน 4 คนของบริษัท เข้าไปดูข้อมูลส่วนตัวของนักข่าวสหรัฐฯ 2 ราย และเจ้าหน้าที่เหล่านั้นถูกไล่ออกในเวลาต่อมา ตามรายงานของรอยเตอร์   การกระทำอันไม่เหมาะสมนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา และเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามสืบข้อมูลที่รั่วไหลของบริษัท โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อระบุความเชื่อมโยงของนักข่าว 2 รายกับพนักงานของบริษัท   อย่างไรก็ตาม การสืบสวนดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ ตามข้อมูลของผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายของ “ไบต์เเดนซ์” อิริช แอนเดอร์เซน   นิวยอร์กไทมส์คือสื่อฉบับเเรก ๆ ที่รายงานการเปิดเผยครั้งนี้ โดยเหตุการณ์นี้อาจสร้างแรงกดดันต่อเนื่องสำหรับ TikTok ซึ่งกำลังโดนรัฐบาลอเมริกันและนักการเมืองในสภาสหรัฐฯ เพ่งเล็งเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้ TikTok ในอเมริกา ที่มีอยู่กว่า 100 ล้านคน   รอยเตอร์อ้างเเหล่งข่าวที่ได้รับรายงานเรื่องนี้ ที่กล่าวว่าพนักงานไบต์แดนซ์ 4 คน ถูกไล่ออกเนื่องจากเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยอยู่ในอเมริกา 2…

เยอรมนีจับกุมเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง ส่งข้อมูลลับให้รัสเซีย

Loading

  ทางการเยอรมนีจับกุมเจ้าหน้าที่ในหน่วยข่าวกรองกลางเยอรมนี (BND) ซึ่งต้องสงสัยว่าแอบส่งข้อมูลลับทางราชการให้กับรัสเซีย   ทางการเยอรมนีจับกุม คาร์สเตน แอล. (นามสมมติ) เจ้าหน้าที่ในหน่วยข่าวกรองกลางเยอรมนี (BND) ซึ่งถูกจับกุมหลังต้องสงสัยว่าแอบส่งข้อมูลลับทางราชการของเยอรมนีให้กับรัสเซีย โดยอาจถูกตั้งข้อหากบฏ   เจ้าหน้าที่ตรวจค้นแฟลตและที่ทำงานของเขา รวมถึงบ้านของบุคคลต้องสงสัยอีกรายหนึ่ง แต่ บรูโน คาห์ล หัวหน้าหน่วยข่าวกรอง BND กล่าวว่า ขอไม่ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีนี้ เพื่ออาจเป็นประโยชน์ต่อรัสเซีย     “เรากำลังจัดการกับสายลับ ซึ่งเราต้องคำนึงถึงความไร้ยางอายและการใช้ความรุนแรงของสายลับเหล่านี้ … ทุกรายละเอียดของปฏิบัติการนี้ที่เปิดเผยต่อสาธารณะหมายถึงข้อได้เปรียบสำหรับศัตรูที่ตั้งใจทำอันตรายต่อเยอรมนี” คาห์ลกล่าว   คาร์สเตน แอล. ถูกออกหมายจับตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. และเพิ่งจับกุมตัวได้เมื่อวันพุธ (21 ธ.ค.) ในกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมนี เขาถูกสงสัยว่าแบ่งปันข้อมูลที่ได้จากการทำงานให้กับรัสเซียในปีนี้ แต่รัฐบาลกลางไม่ได้ให้รายละเอียดว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนหรือหลังการรุกรานยูเครนของรัสเซีย   เยอรมนีเป็นหนึ่งในชาติยุโรปที่สามารถจับกุมสายลับที่ร่วมมือกับรัสเซียได้ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้มีนอร์เวย์ที่กล่าวหานักวิชาการคนหนึ่งว่าเป็นสายลับรัสเซีย ยังมีสวีเดนที่จับกุมพี่น้องชาวสวีเดน 2 คนและชายวัย 60 อีกหนึ่งคน และในสัปดาห์นี้ ออสเตรียระบุตัวพลเมืองกรีกรายหนึ่งที่ต้องสงสัยว่าเป็นสายลับให้รัสเซีย…

LastPass ทำข้อมูลรั่วคนร้ายได้ฐานข้อมูลไปทั้งหมด เหลือ Master Password ป้องกันรหัสผ่านของลูกค้าเท่านั้น

Loading

  LastPass รายงานถึงเหตุข้อมูลรั่วจากระบบคลาวด์สตอเรจ ทำให้คนร้ายเข้าถึงข้อมูลสำรองทั้งระบบ โดยเหตุการณ์นี้เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพราะคนร้ายใช้ข้อมูลที่ได้ไปครั้งนั้นเอาไปเข้าระบบสตอเรจอีกที   ข้อมูลสำรองที่ได้ไป ทำให้คนร้ายข้อมูลไปจำนวนมาก โดยเฉพาะข้อมูลลูกค้า เช่น ชื่อบริษัท, ชื่อผู้ใช้, ที่อยู่เรียกเก็บเงิน, อีเมล, หมายเลขโทรศัพท์, และหมายเลขไอพีที่เข้าใช้งาน รวมถึงตัวฐานข้อมูลรหัสผ่านของลูกค้าเอง ยกเว้นข้อมูลหมายเลขบัตรเครดิตที่ไม่ได้สำรองไว้ในระบบนี้   ตัวฐานข้อมูลรหัสผ่านที่เก็บไว้กับ LastPass นั้นเข้ารหัสด้วย master password ที่ถูกแปลงเป็นกุญแจ AES-256 อีกชั้น ดังนั้นตอนนี้จึงต้องถือว่าคนร้ายได้ไฟล์ฐานข้อมูลไปแล้ว และถ้าตั้ง master password เอาไว้ไม่ดีก็อาจจะถูกคนร้ายไล่เดารหัสผ่านจนหลุดได้ หรือคนร้ายอาจจะพยายามหลอกล่อเหยื่อด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้เหยื่อยอมบอกรหัสผ่านนี้   ทาง LastPass ระบุว่าผู้ใช้ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมาถูกบังคับให้ตั้งรหัสผ่านยาวถึง 12 ตัวอักษร และกุญแจยังสร้างจากฟังก์ชั่น PBKDF2 รันแฮช 100,100 รอบ ทำให้การยิงรหัสผ่านทำได้ยากมาก แต่หากผู้ใช้เป็นบัญชีเดิมที่ตั้งรหัสไว้สั้น หรือใช้ master password ซ้ำกับบริการอื่น ๆ…

ญี่ปุ่นตรวจสอบข้อมูล จีนตั้ง “สถานีตำรวจนอกอาณาเขต”

Loading

  รัฐบาลญี่ปุ่นเป็นประเทศล่าสุด ซึ่งกำลังตรวจสอบข้อมูลว่า จีนแอบเข้ามาตั้ง “สถานีตำรวจ” ในประเทศ ด้านรัฐบาลปักกิ่งยืนกรานปฏิเสธ   สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ว่า นายฮิโรคาซุ มัตสึโนะ โฆษกคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวในช่วงหนึ่งของการแถลงประจำวันพฤหัสบดี ว่า รัฐบาลโตเกียวกำลังตรวจสอบรายงานของ “เซฟการ์ด ดีเฟนเดอร์ส” ซึ่งเป็นองค์กรอิสระสังเกตการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ในเอเชีย แต่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในสเปน เกี่ยวกับ “สถานีสาขาต่างประเทศ” ของสำนักงานตำรวจจีน และหนึ่งในนั้นอยู่ที่ญี่ปุ่น   Japan to look into group's report of secret Chinese police stations https://t.co/lgj3MwKdAf pic.twitter.com/8Smbbg0Omm — Reuters (@Reuters) December 22, 2022   ในเบื้องต้น กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นได้ดำเนินการตามช่องทางการทูตไปยังรัฐบาลปักกิ่ง “เพื่อแสดงความวิตกกังวล” ต่อรายงานงานดังกล่าว ซึ่งระบุด้วยว่า จีนได้ดำเนินการในอย่างน้อย…

ผู้เชี่ยวชาญไซเบอร์อินเดียพบช่องโหว่ในผลิตภัณฑ์ Hikvision ที่นำไปสู่การควบคุมระบบ CCTV ได้

Loading

  ซูวิก กันดาร์ (Souvik Kandar) และ อาร์โก ดาร์ (Arko Dhar) แห่ง Redinent Innovations บริษัทความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ CCTV และ IoT เผยช่องโหว่ร้ายแรงบนผลิตภัณฑ์ของ Hikvision   ช่องโหว่ตัวนี้มีชื่อเรียกว่า CVE-2022-28173 เป็นช่องทางให้ผู้ไม่หวังดีเข้าควบคุมอุปกรณ์ตัวปัญหาจากระยะไกลได้ โดยพบอยู่บนอุปกรณ์เชื่อมต่อไร้สาย (Wireless Bridge) ที่ใช้สำหรับลิฟต์และระบบกล้องวงจรปิด   ในขณะนี้มีการออกแพตช์เฟิร์มแวร์สำหรับผลิตภัณฑ์ DS-3WF0AC-2NT และ DS-3WF01C-2N/O แล้ว อีกทั้งยังมีการแจ้งไปยังผู้ขายผ่านทางศูนย์เผชิญเหตุทางคอมพิวเตอร์อินเดีย (CERT India) ด้วย นำไปสู่การออกแพตช์แก้ในต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา   ดาร์ชี้ว่าผู้ไม่หวังดีสามารถใช้ช่องโหว่นี้ในการเข้าควบคุมอุปกรณ์ที่มีช่องโหว่ไปสู่การแฮกระบบ CCTV ทั้งระบบ โดยผ่านการเชื่อมต่อจากระบบเครือข่ายภายในองค์กร หรือแม้แต่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตภายนอกได้ หากปล่อยให้เชื่อมต่อไป   โดยดาร์ได้ลองใช้ Shodan และ Censys ในการค้นหาอุปกรณ์ที่มีช่องโหว่นี้บนอินเทอร์เน็ต ก็พบว่ามีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตภายนอกอยู่จริง ๆ และอาจเป็นเป้าได้ หากยังไม่ได้รับการแพตช์…