ผู้เชี่ยวชาญเผยคอมพิวเตอร์ HP มีช่องโหว่อันตราย 6 จุดที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขมาเป็นปีแล้ว

Loading

  ช่องโหว่สุดอันตราย 6 จุดในอุปกรณ์ของ HP Enterprise ยังไม่ได้รับการแก้ไข แม้ว่าบางส่วนจะได้รับการเปิดเผยมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2021   ผู้เชี่ยวชาญจาก Binarly บริษัทด้านไซเบอร์ระบุว่า พบ Bug จำนวน 6 จุดใน Firmware ของคอมพิวเตอร์ HP รุ่นต่าง ๆ 3 จุดแรกในเดือนกรกฎาคม 2021 และอีก 3 จุดในเดือนเมษายน 2022   ทั้งนี้ ช่องโหว่เหล่านี้มีความอันตรายมาก เพราะว่าจะทำให้อุปกรณ์เหล่านี้เสี่ยงถูกโจมตีด้วยมัลแวร์ได้โดยง่าย การถอนการติดตั้งระบบปฏิบัติการก็ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้   Binarly ระบุในรายงานว่า แม้จะทางบริษ้ทจะเปิดเผยช่องโหว่บางส่วนสู่สาธารณะไปในงาน Black Hat 2022 แล้ว ทาง HP ก็ยังไม่มีการปล่อยตัวแก้ไขที่สมบูรณ์ออกมาจนถึงตอนนี้   ช่องโหว่ที่ทีมวิจัยด้านไซเบอร์ของ Binarly ค้นพบเป็นเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบหน่วยความจำ SMM (System Management Module) เสียหาย…

สหรัฐฯ เสนอแก้กฎหมาย แพลตฟอร์มโซเชียลต้องรับผิดชอบต่อเนื้อหาของผู้ใช้

Loading

  สหรัฐอเมริกามีกฎหมายความเหมาะสมด้านการสื่อสาร (Communications Decency Act) ที่ออกในปี 1996 เน้นควบคุมเนื้อหาอนาจารในอินเทอร์เน็ต กฎหมายฉบับนี้มีมาตราสำคัญคือ มาตรา 230 ที่มีสาระสำคัญว่า ผู้ให้บริการไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อเนื้อหาที่ผู้ใช้โพสต์ลงบนแพลตฟอร์ม มาตรา 230 เป็นแกนกลางสำคัญของการถกเถียงเรื่องเนื้อหาของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในช่วงหลัง โดยเฉพาะในยุคข่าวปลอมระบาด เพราะกลายเป็นยกประโยชน์ให้แพลตฟอร์มไม่ต้องรับผิดใด ๆ ในขณะที่มีหลายฝ่ายเริ่มมองว่า แพลตฟอร์มจำเป็นต้องรับผิดชอบต่อเนื้อหาที่ผิด ๆ หรือสร้างความแตกแยกในสังคม ก่อนหน้านี้ได้มีความพยายามจะแก้ไขมาตรานี้แล้วแต่ไม่สำเร็จ ส่วนประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็เคยเรียกร้องให้มีกฎหมายคุ้มครองเยาวชนในทางออนไลน์ และเสนอให้แก้มาตรา 230 ไปก่อนหน้านี้ ล่าสุด คณะกรรมาธิการด้านพลังงานและการพาณิชย์ (House Energy and Commerce Commitee) ของสภาผู้แทนราษฏร ได้โหวตผ่านร่างกฎหมาย American Data Privacy and Protection Act (ADPPA) ที่มุ่งคุ้มครองความเป็นส่วนตัวข้อมูลของผู้ใช้มากขึ้นและจำกัดการยกเว้นจากความรับผิดชอบของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียรายใหญ่ ในคำแถลงการณ์ของรัฐบาลได้ชมเชยว่าทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันต่างให้ความสนใจกับการผ่านร่างกฎหมาย ADPPA และสนับสนุนให้ยุติ “การคุ้มครองทางกฎหมายเป็นพิเศษสำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียรายใหญ่” (special legal protections for…

นักวิจัยพัฒนาระบบค้นหาและระบุตำแหน่งกับระเบิดด้วยภาพถ่ายทางอากาศจากโดรน

Loading

  Demining Research Community คือองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่พยายามพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการเก็บกู้กับระเบิด ซึ่งในปัจจุบันทีมวิจัยขององค์กรได้พัฒนาระบบค้นหาและระบุตำแหน่งกับระเบิดด้วยภาพถ่ายทางอากาศที่ได้จากการบินถ่ายภาพด้วยโดรน เป้าหมายขององค์กรคือช่วยให้ภารกิจการเก็บกู้กับระเบิดในประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่ยังคงหลงเหลืออยู่แม้สงคราบจะจบไปนานแล้วสามารถทำได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น   ขั้นตอนการค้นหาและระบุตำแหน่งกับระเบิดที่ทำโดยทั่วไปในปัจจุบันนั้นจะเน้นการใช้เจ้าหน้าที่เดินค้นหาโดยอาศัยเครื่องตรวจโลหะเพื่อค้นหากับระเบิดที่อาจยังคงหลงเหลือซุกซ่อนอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ หลังการสู้รบ ซึ่งวิธีดังกล่าวนอกจากจะต้องใช้แรงงานและเวลาเป็นอย่างมากแล้ว ยังเป็นการเสี่ยงต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่จะต้องพาตัวเองเข้าสู่ดงกับระเบิดอีกด้วย   ด้วยเหตุนี้ทีมงาน Demining Research Community จึงคิดว่าหากสามารถใช้โดรนบินค้นหาและระบุตำแหน่งกับระเบิดได้โดยใช้คนคอยควบคุมจากระยะไกลก็จะช่วยให้การปฏิบัติงานในภาพรวมมีความปลอดภัยต่อเจ้าหน้าที่มากยิ่งขึ้น   พวกเขาใช้โดรนบินถ่ายภาพพื้นที่ซึ่งมีกับระเบิดวางเอาไว้อยู่ในพื้นที่ จากนั้นก็ป้อนข้อมูลเพื่อสอนให้ระบบปัญญาประดิษฐ์รู้จักกับระเบิดประเภทต่างๆ ด้วยข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศหลากหลายประเภทที่ได้มาจากโดรน ทั้งภาพถ่ายแบบปกติ ,  ภาพถ่ายด้วยกล้องอินฟราเรด รวมทั้งภาพถ่าย multispectral ซึ่งเป็นเทคนิคการถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าด้วยคลื่นที่มีความถี่แตกต่างกันหลายคลื่น ทั้งนี้เพื่อให้การค้นหาและระบุตำแหน่งกับระเบิดสามารถทำได้แม้ว่าตัวกับระเบิดนั้นจะถูกบดบังด้วยต้นไม้หรือดินทรายและหิมะที่อาจฝังกลบมันจนทำให้หลุดรอดจากการค้นหาด้วยภาพถ่ายแบบปกติ   สำหรับความคืบหน้าล่าสุดของทีมวิจัยนั้น พวกเขาได้ทำการทดสอบภาคสนามในการใช้โดรนบินเพื่อค้นหาและระบุตำแหน่งของกับระเบิดชนิดต่างๆ ทั้งแบบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล , ทุ่นระเบิดดักรถถัง รวมทั้งกับระเบิดลูกปราย ซึ่งมีหน้าตาหลากหลายรูปแบบ โดยตอนนี้ระบบสามารถระบุข้อมูลได้ถูกต้องแม่นยำ 92%     ทีมงานของ Demining Research Community วางแผนจะไปทดสอบระบบของพวกเขาที่ประเทศกัมพูชาเร็วๆ นี้ เพื่อทดสอบการค้นหากับระเบิดในสถานที่ซึ่งมีความซับซ้อนและยากต่อการระบุตำแหน่งมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ระบบปัญญาประดิษฐ์ได้เรียนรู้ข้อมูลให้มีความฉลาดยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งพวกเขาหวังว่าวันหนึ่งระบบที่พวกเขาพัฒนาขึ้นนี้จะถูกนำไปใช้งานเพื่อการเก็บกู้กับระเบิดในสถานที่ต่างๆ ทั่วโลกและช่วยให้ชีวิตของผู้คนปลอดภัยยิ่งขึ้น   ทั้งนี้ในแต่ละปีมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากกับระเบิดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ต่างๆ แม้ว่าการสู้รบที่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่เหล่านั้นจะจบไปนานหลายปีแล้วก็ตาม…

ฮ่องกงสั่งจำคุก 19 เดือนนักทำนิทานเด็ก ฐานปลุกระดมเกลียดชังรัฐบาล

Loading

  ศาลฮ่องกงมีคำตัดสินให้นักอรรถบำบัด 5 คน รับโทษจำคุก 19 เดือน ฐานละเมิดกฎหมายต่อต้านการปลุกระดม ด้วยการผลิตสื่อสำหรับเด็กที่สอดแทรกเนื้อหาให้เกลียดชังรัฐบาล นักอรรถบำบัด 5 คนในฮ่องกงถูกจำคุกเป็นเวลา 19 เดือน หลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดในการพิมพ์หนังสือเด็กที่มีเนื้อหา “ปลุกระดม“ โดยเจ้าหน้าที่ตีความหนังสือดังกล่าว ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับแกะที่พยายามป้องกันหมาป่าบุกรุกหมู่บ้านของพวกเขา ว่าเป็นการกล่าวถึงฮ่องกงและรัฐบาลจีน ด้านผู้เขียนแย้งว่าหนังสือแสดงเนื้อหาถึง “ประวัติศาสตร์จากมุมมองของผู้คน” แต่ผู้พิพากษาที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลสรุปว่าเป็นความพยายามในการล้างสมอง ศาลฮ่องกงมีคำพิพากษาให้อดีตสมาชิก 5 คนของสหภาพนักอรรถบำบัด เป็นหญิง 3 คน และชาย 2 คน อายุระหว่าง 25-28 ปี รับโทษจำคุกเป็นเวลา 19 เดือน ฐานกระทำผิดกฎหมายต่อต้านการปลุกระดม ซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติตั้งแต่สมัยฮ่องกงอยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักร จากการสมคบคิดกันผลิต และเผยแพร่เนื้อหาปลุกระดม อันมีวัตถุประสงค์เพื่อยุยงให้เด็กและเยาวชนเกิดความเกลียดชังต่อคณะผู้บริหาร ผู้พิพากษากล่าวหาทั้งหมดว่าพยายาม “หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความไม่มั่นคง” ทั้งในฮ่องกงและทั่วประเทศจีน ทั้ง 5 คน ผลิตหนังสือการ์ตูนอี-บุ๊ก ซึ่งมีผู้ตีความว่าเป็นการอธิบายถึงการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยของฮ่องกงให้แก่เด็กๆ โดยหนึ่งในสามเล่มเล่าเรื่องหมู่บ้านแกะที่ต่อสู้กับกลุ่มหมาป่าที่พยายามจะยึดครองนิคมของพวกเขา โดยนักอรรถบำบัดทั้งหมดได้ถูกจำคุกมามากกว่าหนึ่งปีเพื่อรอคำตัดสิน ด้านทนายความของพวกเขากล่าวว่า พวกเขาสามารถได้รับการปล่อยตัวได้ภายในหนึ่งเดือนนี้เพราะถึงเวลาแล้ว การพิจารณาคดีเกิดขึ้นท่ามกลางการปราบปรามเสรีภาพพลเมืองตั้งแต่ปี…

‘วีซ่า-มาสเตอร์การ์ด’ ใช้รหัสระบุร้านค้าปืนในสหรัฐ

Loading

  วีซ่า อิงค์ ผู้ให้บริการรับชำระเงินรายใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศในวันเสาร์ (10 ก.ย.) จะใช้รหัสหมวดหมู่ผู้ค้าที่สร้างขึ้นใหม่สำหรับร้านขายปืนในสหรัฐฯ เพื่อระบุแหล่งธุรกรรมการซื้อขายอาวุธ   เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (9 ก.ย.) องค์กรมาตรฐานสากลระหว่างประเทศ (ISO) อนุมัติการสร้างรหัสร้านค้าเพื่อติดตามการซื้อขายอาวุธต้องสงสัย หลังได้รับแรงกดดันจากกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อควบคุมอาวุธปืน โดยการสร้างรหัสใหม่นี้จะแสดงตำแหน่งที่มีการจ่ายเงิน แต่ไม่ระบุประเภทอาวุธ   แถลงการณ์ของวีซ่า อิงค์ระบุว่า หลังที่ ISO อนุมัติการสร้างรหัสหมวดหมู่ผู้ค้าใหม่แล้ว ทางบริษัทวีซ่าจะดำเนินการในขั้นต่อไป พร้อมรับประกันว่า จะปกป้องการค้าบนเครือข่ายการชำระเงินของวีซ่าให้เป็นไปตามกฎหมายที่ได้ปฏิบัติมาอย่างยาวนาน   ขณะที่มาสเตอร์การ์ด อิงค์ได้ออกแถลงการณ์เตรียมดำเนินการขั้นตอนต่อไปเพื่อปกป้องและสนับสนุนการค้าอาวุธปืนอย่างถูกกฎหมาย ผ่านระบบชำระเงินของบริษัท ซึ่งมาสเตอร์การ์ดย้ำว่ายังคงรักษาความเป็นส่วนตัวและการตัดสินใจของผู้ถือบัตรเสมอ   ส่วนอเมริกันเอ็กซ์เพรสกล่าวว่า เมื่อ ISO พัฒนาโค้ดใหม่ บริษัทจะดำเนินการทำงานร่วมกับโปรเซสเซอร์ และคู่ค้าบุคคลที่สามต่อไป   ด้านกองทุนบำเหน็จบำนาญหลายแห่งในสหรัฐฯ รวมถึงกองทุนสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐในนิวยอร์กและแคลิฟอร์เนีย ได้ยื่นถึงผู้ถือหุ้นให้พิจารณาในประเด็นนี้ ส่วนนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิการใช้ปืน มีความกังวลว่า การสร้างโค้ดอาจนำไปสู่การเฝ้าระวังติดตาม โดยไม่ได้รับอนุญาต   เมื่อกลางปีนี้ สหรัฐฯ เกิดเหตุกราดยิงครั้งใหญ่ในโรงเรียนประถมของเท็กซัส มีเด็กเสียชีวิต 19 คน…

สหรัฐคว่ำบาตรกระทรวงข่าวกรองอิหร่าน ฐานโจมตีไซเบอร์ต่อแอลเบเนีย

Loading

  รัฐบาลวอชิงตันขึ้นบัญชีดำ กระทรวงข่าวกรองของอิหร่าน โดยกล่าวหาว่า โจมตีทางไซเบอร์ต่อแอลเบเนีย และสหรัฐฯ ด้วย   สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ว่า กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขึ้นบัญชีดำกระทรวงข่าวกรองของอิหร่าน และนายเอสมาเอล คาทิบ รัฐมนตรีว่าการ ฐานอยู่เบื้องหลังการโจมตีทางไซเบอร์ต่อแอลเบเนีย และสหรัฐฯ ตลอดจนพันธมิตรของรัฐบาลวอชิงตัน   U.S. imposes sanctions on Iran over cyber activities, cyberattack on Albania https://t.co/j5nlO6qJfB pic.twitter.com/4NjeBdIyac — Reuters (@Reuters) September 10, 2022   ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของอิหร่านออกแถลงการณ์ ประณามการดำเนินการดังกล่าวของสหรัฐฯ “เป็นอคติทางการเมือง” และยืนยันว่า มาตรการกดดันทั้งที่เกิดขึ้นแล้วและจะเกิดขึ้นอีก “ไม่มีทางสำเร็จ”     Albania ends…