ศาลมาเลเซียประณาม เอกสารคดีเมีย ‘นาจิบ ราซัก’ รั่ว ชี้ของปลอม หวังคุกคามการทำงาน

Loading

  ศาลสูงมาเลเซียออกมาประณามการกระทำของเว็บไซต์มาเลเซียทูเดย์ ที่มีการเผยแพร่เอกสารความยาว 71 หน้า ซึ่งระบุว่าเป็นคำพิพากษาความผิดของนางรอสมาห์ มันซอร์ ภริยาของนายนาจิบ ราซัก อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนแรกที่ต้องโทษจำคุกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลสูงมาเลเซียมีกำหนดจะพิจารณาคดีการรับสินบนของนางรอสมาห์ในโครงการเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ มูลค่า 279 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 10,000 ล้านบาท แต่เว็บไซต์มาเลเซียทูเดย์กลับนำเอกสารที่ระบุว่า เป็นการพิพากษาความผิดของนางรอสมาห์มาเผยแพร่เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม โดยกล่าวหาว่าคำพิพากษาถูกเขียนขึ้นโดยบุคคลที่ไม่เป็นที่รู้จัก และไม่ใช่ผู้พิพากษาศาลสูงที่ดูแลคดีของนางรอสมาห์ หัวหน้านายทะเบียนของศาลรัฐบาลกลางออกมาประณามการกระทำของเว็บไซต์ดังกล่าวว่าเป็นการกระทำโดยเจตนาเพื่อสร้างความเสื่อมเสียให้กับศาล โดยได้มีการยื่นเรื่องร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว พร้อมกับให้คำมั่นว่าศาลจะไม่หวาดกลัวกับความพยายามใดๆ ที่จะคุกคามขู่เข็ญการทำงานของกระบวนการยุติธรรม ด้านตำรวจระบุว่า เอกสารที่รั่วไหลออกไปเป็นร่างเอกสารเบื้องต้นที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงานวิจัยของศาลสูงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเป็นการวิจัยถึงคดีที่กำลังดำเนินอยู่ เป็นมุมมองของหน่วยวิจัยเพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงของผู้พิพากษา เอกสารดังกล่าวจะต้องมีการแก้ไขตามผลการวิจัยและศึกษาเพิ่มเติม และมันไม่ใช่คำพิพากษาแต่อย่างใด นอกจากนี้ตำรวจยังระบุว่าได้มีการแก้ไขเนื้อหาของเอกสารให้ต่างออกไปจากต้นฉบับด้วย     ที่มา : มติชนออนไลน์   /   วันที่เผยแพร่ 28 ส.ค.65 Link : https://www.matichon.co.th/foreign/news_3531878

เอฟบีไอระบุ ‘ทรัมป์’ เก็บเอกสารลับไม่เหมาะสม

Loading

  วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) – เอกสารคำให้การของสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุว่า เอกสาร 15 กล่อง ที่นำออกมาจากบ้านพักของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มี 14 กล่อง ที่เป็นความลับและหลายชิ้นอยู่ในชั้น“ลับสุดยอด” ถูกจัดเก็บอย่างไม่เหมาะสม เพราะพบเก็บไว้รวมกับหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และจดหมายส่วนตัว กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เผยแพร่ เอกสารคำให้การของเอฟบีไอที่ชี้แจงต่อศาลเพื่อขออำนาจศาลในการเข้าตรวจค้นบ้านพักของนายทรัมป์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการเข้าตรวจค้นบ้านของอดีตประธานาธิบดี ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บ้านพักตากอากาศ มาร์อาลาโก ของนายทรัมป์ ในรัฐฟลอริดา ไม่ได้เป็นสถานที่ที่ได้รับอนุญาตให้เก็บเอกสารที่เป็นความลับเอฟบีไอ ระบุว่า เหตุผลหนึ่งในการตรวจค้นที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม เพราะเชื่อว่ามีหลักฐานเกี่ยวกับการขัดขวางกระบวนการยุติธรรมอยู่ในบ้านด้วย เอกสารความยาว 38 หน้าของเอฟบีไอ ถูกขีดฆ่าด้วยหมึกสีดำเป็นจำนวนมาก เพื่อรักษาความปลอดภัยของพยานและเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายที่เกี่ยวข้องและเพื่อรักษารูปคดีในการสอบสวน นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยรายละเอียดใหม่เกี่ยวกับประเภทของเอกสารลับซึ่งถูกจัดเก็บที่บ้านของทรัมป์มาจนถึงเดือนมกราคมปีนี้ มีตั้งแต่บันทึกที่เขียนด้วยลายมือโดยประธานาธิบดีไปจนถึงข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งข่าวกรองแห่งชาติ โดยจากการตรวจสอบกล่องเอกสาร 15 กล่อง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 – 18 พ.ค. พบว่ามีเอกสาร 67 รายการ…

บัวแก้วเตือนคนไทย อย่าหลงเชื่อถูกชวนทำงาน ตปท. ออนไลน์ งานไม่ตรงปก-ถูกเรียกค่าไถ่ซ้ำ

Loading

  นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ​ในช่วงที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศ โดยกรมการกงสุล และสถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศหลายแห่ง อาทิ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา ได้รับแจ้งการขอรับความช่วยเหลือกรณีคนไทยถูกหลอกไปทำงานในต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่เป็นกรณีตำแหน่งหน้าที่ รายได้ สวัสดิการที่ไม่ตรงกับที่ประกาศหรือโฆษณาไว้ก่อนเดินทาง รวมทั้งมีการถูกกักขัง ทำร้ายร่างกาย และบีบบังคับให้ทำงานโดยมิได้สมัครใจ และมีหลายรายถูกนายจ้างหรือผู้ชักชวนเรียกเงินจำนวนมากเพื่อแลกกับการปล่อยตัว “กระทรวงการต่างประเทศจึงขอแจ้งเตือนผู้ที่ประสงค์ไปทำงานในต่างประเทศ ที่กำลังหางานผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์โดยเฉพาะเฟซบุ๊กและไลน์กลุ่ม ให้พึงระวังและอย่าหลงเชื่อขบวนการหลอกลวงคนไทยไปทำงานในต่างประเทศ” นายธานีกล่าว นายธานีกล่าวว่า ในกรณีเมียนมา ​ขอให้ระวังและอย่าหลงเชื่อประกาศรับสมัครคนไทย เพศหญิง บุคลิกดี ทำงานตำแหน่งพนักงานต้อนรับในสถานบันเทิง โรงแรม หรือกาสิโน มีเงินเดือนสูง พร้อมที่พัก อาหารและสวัสดิการต่างๆ โดยนายหน้าคนไทยมักจะนัดแนะให้เหยื่อเดินทางข้ามแม่น้ำสายที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งถือเป็นการหลบหนีออกนอกราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เมื่อเดินทางถึงเมียนมาจะถูกส่งตัวไปในพื้นที่ภาคเหนือและตะวันออกของเมียนมาติดกับชายแดนประเทศจีน อาทิ เมืองลา เมืองป๊อก เมืองเล้าไก่ เขตปาซาง และเขตมูเซ และถูกบังคับให้ขายบริการทางเพศ หากไม่ยินยอมจะถูกกักขัง ทำร้ายร่างกาย…

ยูเครนแจกยาเม็ดไอโอดีนให้ชาวบ้านใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ หวั่นรังสีรั่วไหล

Loading

  ยูเครนแจกยาเม็ดโพแทสเซียมไอโอดีนป้องกันกัมมันตภาพรังสีให้ประชาชนรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปรีเจีย หวั่นเกิดภัยพิบัติ รังสีรั่วไหล วันที่ 27 สิงหาคม 2565 เอ็นบีซีนิวส์รายงานว่า ทางการยูเครนเริ่มแจกจ่ายยาเม็ดไอโอดีนให้กับผู้ที่อยู่อาศัยใกล้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความกังวลว่าการสู้รบรอบโรงไฟฟ้าฯ อาจก่อให้เกิดการรั่วไหลของรังสี หรือนำไปสู่ภัยพิบัติที่อันตรายกว่า ความเคลื่อนดังกล่าวมีขึ้นหนึ่งวันหลังจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปรีเจียถูกตัดการเชื่อมต่อจากโครงข่ายไฟฟ้าของยูเครนเป็นการชั่วคราว เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 40 ปี เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเกิดภัยพิบัตินิวเคลียร์ในยูเครน เช่นเดียวกับที่เคยเกิดกับโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล เมื่อปี 2529 “โวโลดิมีร์ มาร์ชุค” โฆษกสำนักบริหารภูมิภาคซาโปรีเจียของกองทัพยูเครน เผยว่า ยาเม็ดไอโอดีนถูกแจกจ่ายให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในรัศมี 50 กิโลเมตรจากโรงงานในเมืองเอเนอร์โฮดาร์ (Enerhodar) “ผู้ได้รับยาชนิดนี้ได้รับคำสั่งไม่ให้ใช้ยาในลักษณะการป้องกัน เพราะยานี้จะใช้ในกรณีที่รังสีรั่วไหลในอนาคต ซึ่งในเวลานั้นรัฐบาลจะสั่งให้ประชาชนกินยาเม็ดนี้” อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ระบุว่า มีการแจกจ่ายยามากน้อยแค่ไหน และใครบ้างที่ได้รับยา แต่เขาได้เผยทางเทเลแกรมว่า มีการส่งมอบยาเม็ดไอโอดีน 25,000 เม็ด ไปยังเมืองทางตอนใต้ พร้อมกับเน้นย้ำว่า ระดับรังสีที่โรงไฟฟ้าฯ และพื้นที่โดยรอบ ขณะนี้ยังเป็นปกติ ยาเม็ดโพแทสเซียมไอโอดีนมีคุณสมบัติในการบล็อกสารกัมมันตภาพรังสีชนิดหนึ่ง และถูกนำมาใช้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์ เพื่อช่วยปกป้องต่อมไทรอยด์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา บริษัทเอเนอร์โกอะตอม (Energoatom) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของยูเครนระบุว่า โรงไฟฟ้าฯ แห่งนี้ได้รับพลังงานอย่างปลอดภัยผ่านสายไฟฟ้าที่ซ่อมแซมแล้วจากโครงข่ายไฟฟ้า หนึ่งวันหลังจากถูกตัดการเชื่อมต่อจากโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศ…

หวิดเป็นเรื่อง! 2 นักบินแอร์ฟรานซ์ต่อยกันในห้องควบคุม เคราะห์ดีไม่เกิดเหตุร้าย

Loading

  โฆษกสายการบินแอร์ฟรานซ์ ยืนยันว่ากัปตันรายหนึ่ง และนักบินที่ 2 ถูกพักงาน และอยู่ภายใต้การสอบสวน สำหรับ “พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมโดยสิ้นเชิง” ซึ่งนักบินทั้ง 2 ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับเหตุทะเลาะวิวาททางกายภายในห้องควบคุม ระหว่างที่เครื่องบินบินอยู่บนท้องฟ้า รายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศส La Tribune ระบุว่า พวกลูกเรือได้ยินเสียง 2 นักบินต่อสู้กันดังผ่านประตูห้องควบคุมและต้องรุดเข้าไปภายในเพื่อแยกทั้งคู่ จากนั้นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินรายหนึ่ง ต้องอยู่ภายในห้องควบคุมตลอดการเดินทางที่เหลือของเที่ยวบิน เพื่อคอยกันไม่ให้นักบินทั้งสองชกต่อยกันอีกรอบ อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าอะไรคือต้นตอที่ทำให้นักบินทั้ง 2 ถึงกระทบกระทั่งกันดุเดือดเช่นนี้ ระหว่างเที่ยวบินเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โฆษกสายการบินแอร์ฟรานซ์ เน้นว่า เที่ยวบินดังกล่าวสามารถบินต่อไปได้โดยปราศจากเหตุการณ์เพิ่มเติมและลงจอดอย่างปลอดภัย พร้อมระบุว่า กัปตันและนักบินที่ 2 รายนี้ได้ถูกห้ามบินจนกว่าผลการสืบสวนภายในจะออกมา แม้แอร์ฟรานซ์ระบุว่า ประเด็นนี้ได้รับการจัดการอย่างรวดเร็ว แต่เรื่องราวดังกล่าวปรากฏออกมาในช่วงเวลาที่ไม่ดีเลยสำหรับสายการบินแห่งนี้ เนื่องจากเมื่อเร็วๆ นี้พวกเขาเพิ่งเผชิญประเด็นความกังวลด้านความปลอดภัยหลายเรื่อง รายงานจากสำนักสอบสวนและวิเคราะห์ความปลอดภัยการบินพลเรือน (BEA) สรุปว่า บรรดาลูกเรือของแอร์ฟรานซ์บางคนมีวัฒนธรรมบางอย่างซึ่งส่งเสริมนิสัยชอบดูเบา ไม่ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ ที่สนับสนุนความปลอดภัย (ที่มา : บลูมเบิร์ก)     ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์   / …

นาโตสอบสวนเหตุแฮ็กเกอร์ขายข้อมูลลับบริษัทผลิตขีปนาวุธ

Loading

MBDA MISSILE SYSTEMS   องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต เปิดการสืบสวนสอบสวนเพื่อประเมินผลกระทบจากการละเมิดข้อมูลในเอกสารลับด้านการทหารที่แฮ็กเกอร์กลุ่มหนึ่งขโมยไปขายทางออนไลน์   แฮ็กเกอร์กลุ่มดังกล่าวได้ขโมยข้อมูลที่เชื่อมโยงกับบริษัทผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ในยุโรป โดยแฟ้มข้อมูลที่อาชญากรกลุ่มนี้นำออกขาย รวมถึงพิมพ์เขียวอาวุธของชาติพันธมิตรนาโตที่ใช้ในสงครามยูเครน   MBDA Missile Systems บริษัทผลิตอาวุธร่วมทุนของหลายชาติในยุโรปยอมรับว่าข้อมูลของบริษัทอยู่ในแฟ้มที่ถูกขโมยไปขาย แต่ระบุว่าสิ่งที่คนร้ายได้ไปไม่ใช่ข้อมูลลับของบริษัท   MBDA ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในฝรั่งเศสระบุว่า แฮ็กเกอร์ได้ล้วงข้อมูลดังกล่าวไปจากฮาร์ดไดรฟ์แบบพกพา และขณะนี้ได้ประสานงานกับทางการอิตาลี ซึ่งเป็นประเทศที่เกิดเหตุแล้ว   เชื่อกันว่า การสอบสวนมุ่งเป้าไปยังบริษัทซัพพลายเออร์ ที่ผลิตสินค้าให้ MBDA   โฆษกนาโตระบุในแถลงการณ์ว่า “เรากำลังตรวจสอบการแจ้งเหตุเรื่องข้อมูลที่ถูกขโมยไปจาก MBDA แต่เรายังไม่พบข้อบ่งชี้ใด ๆ ว่าเครือข่ายของนาโตได้รับความเสียหาย”   แฮ็กเกอร์กลุ่มนี้ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในช่องทางบนโลกออนไลน์ทั้งภาษารัสเซียและภาษาอังกฤษได้ประกาศขายแฟ้มข้อมูลดังกล่าวซึ่งมีขนาด 80 กิกะไบต์ ในราคา 15 เหรียญบิทคอยน์ (ราว 756,000 บาท) และอ้างว่าขณะนี้ได้ขายข้อมูลให้ผู้ซื้อนิรนามไปแล้วอย่างน้อย 1 ราย   MBDA MISSILE SYSTEMS ข้อมูลที่ถูกขโมยไปเป็นพิมพ์เขียวอุปกรณ์ของ MBDA…