คอสตาริกาถูกโจมตีทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง แม้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมาร่วมเดือน

Loading

  กองทุนความมั่นคงปลอดภัยทางสังคมของประเทศคอสตาริกา (CCSS) ระบุว่าโรงพยาบาลหลายแห่งในประเทศถูกโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา   การโจมตีที่เกิดขึ้นทำให้ CCSS ต้องปิดระบบเก็บบันทึกดิจิทัล ส่งผลให้โรงพยาบาลและคลินิกกว่า 1,200 แห่งได้รับผลกระทบตามไปด้วย   “มันเป็นการโจมตีที่รุนแรงมาก แต่เราไม่พบว่าฐานข้อมูลสำคัญหรือระบบโครงข่ายได้รับความเสียหายแต่อย่างใด” อัลวาโร รามอส (Alvaro Ramos) ประธาน CCSS ระบุในการแถล่งข่าว โดยให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า 30 จาก 1,500 เซิร์ฟเวอร์ที่ CCSS ดูแลอยู่ตกเป็นเป้าการโจมตี โดยคาดว่าเซิร์ฟเวอร์น่าจะล่มอยู่เป็นเวลาหลายวันเลยทีเดียว   รัฐบาลคอสตาริกาเคยระบุก่อนหน้านี้ว่าประเทศถูกโจมตีทางไซเบอร์หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งสร้างความเสียหายต่อการระบบการค้าต่างประเทศและกลไกในการจัดเก็บภาษีของประเทศ ทำให้ประธานาธิบดี ร็อดริโก ชาเวส (Rodrigo Chaves) ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา   เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาเคยสันนิษฐานว่าผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีคอสตาริกาคือ Conti กลุ่มแฮกเกอร์จากรัสเซีย แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบ   โดยรัฐบาลสหรัฐฯ อิสราเอล และสเปน เคยเสนอยื่นความช่วยเหลือต่อคอสตาริกาในการซ่อมแซมความเสียหายและป้องกันการโจมตีที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต     ที่มา…

ExpressVPN จะย้ายเซิร์ฟเวอร์ออกจากอินเดีย หลังกฎหมายบังคับให้เปิดเผยข้อมูลผู้ใช้

Loading

  ผู้ให้บริการ VPN เจ้าดัง “ExpressVPN” แถลงผ่าน Blog ของเว็บไซต์ว่า กำลังจะนำเซิร์ฟเวอร์ออกจากอินเดีย เพราะไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายอินเดียที่ให้เปิดข้อมูลตัวตนและการใช้งานของผู้ใช้ได้   ในแถลงการณ์ยังระบุว่า ด้วยหลักการทำงานและการให้บริการ VPN ที่จะปกปิดข้อมูลของผู้ใช้ ทำให้ ExpressVPN ไม่สามารถที่จะตามข้อบังคับของรัฐบาลอินเดียได้ เพราะว่าพวกเขาไม่เคยเก็บข้อมูลของผู้ใช้บริการเอาไว้ในระบบ และตัวกฎหมายยังขัดกับหลักการพื้นฐานของ VPN อีกด้วย   นอกจากนี้ ExpressVPN ยังระบุอีกด้วยว่า จะไม่ร่วมกับการกระทำใด ๆ ที่ส่งผลต่อเสรีภาพในการใช้อินเทอร์เน็ต   ผู้ใช้งาน ExpressVPN ในอินเดียยังสามารถใช้งานเซิร์ฟเวอร์อินเดียได้ตามเดิม แต่จะเปลี่ยนที่ตั้งของเซิร์ฟเวอร์เป็น สิงคโปร์ และ อังกฤษ แทน     ที่มา – The Register, Blog ของ ExpressVPN       —————————————————————————————————————————- ที่มา :     …

ชาวไต้หวันแห่เรียนยิงปืน หวั่นสงครามยูเครนจุดชนวนภัยคุกคามจากจีน

Loading

  สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ชาวไต้หวันแห่เรียนยิงปืนเป็นครั้งแรกมากขึ้น โดยครอบคลุมตั้งแต่ผู้ที่เป็นมัคคุเทศก์ไปจนถึงช่างสัก เนื่องจากการที่รัสเซียบุกโจมตียูเครนนั้น ได้สร้างความวิตกกังวลว่า จีนจะเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกัน   แรงกดดันทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีนต่อไต้หวัน ผนวกกับความขัดแย้งในยูเครน กระตุ้นให้มีการถกเถียงถึงวิธีส่งเสริมการป้องกันไต้หวันซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่า จะขยายเวลาในการเกณฑ์ทหารภาคบังคับหรือไม่   เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของบริษัทฝึกทักษะการต่อสู้ในไต้หวันระบุว่า นับตั้งแต่สงครามยูเครนเปิดฉากเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ยอดจองเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าสำหรับการเรียนยิงปืนอัดลม หรืออุปกรณ์พลังงานต่ำที่ออกแบบมาเพื่อยิงขีปนาวุธที่ไม่ใช่โลหะ   แม็กซ์ เชียง ผู้บริหารระดับสูงของโพลาร์ ไลท์ ซึ่งตั้งอยู่ชานเมืองกรุงไทเปกล่าวว่า “มีผู้คนจำนวนมากขึ้นกำลังจะมาเข้าร่วม”   นายเชียงเสริมว่า ผู้สมัครบางคนไม่เคยใช้ปืนมาก่อน และจำนวนผู้สมัครเรียนดังกล่าวเพิ่มขึ้น 3 หรือ 4 เท่า นับตั้งแต่ความขัดแย้งในยูเครนเริ่มต้นขึ้น ซึ่งรัสเซียเรียกว่าเป็น “ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ”   ทั้งนี้ ชาวไต้หวันบางคนแสดงความกังวลว่า จีนอาจเพิ่มแรงกดดันโดยใช้โอกาสที่ชาติตะวันตกกำลังยุ่งอยู่กับความพยายามสนับสนุนยูเครนเพื่อต่อกรกับรัสเซีย     —————————————————————————————————————————- ที่มา :     สำนักข่าวอินโฟเควสท์       / วันที่เผยแพร่   …

จีนวิจัยเอไอช่วยทำนายวิถีขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก

Loading

    เทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถตรวจจับขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกได้   South China Morning รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์จากโรงเรียนการเตือนภัยล่วงหน้ากองทัพอากาศของจีนพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) คาดคะเนวิถีของขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก หรือขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่กำลังพุ่งเข้าสู่เป้าหมายที่ความเร็วที่เร็วกว่าความเร็วของเสียง 5 เท่า   นักวิจัยระบุว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ขับเคลื่อนโดย AI สามารถประมาณการวิถีการสังหารที่เป็นไปได้ของขีปนาวุธที่กำลังมุ่งหน้าสู่เป้าหมาย และหาทางตอบโต้ภายในเวลา 3 นาที   จางจุนเปียว นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากโรงเรียนการเตือนภัยล่วงหน้ากองทัพอากาศในเมืองอู่ฮั่นของจีนเผยว่า “มหาอำนาจทางการทหารของโลกกำลังแข่งขันกันพัฒนาขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกอย่างดุดัน ทำให้เกิดความท้าทายครั้งใหม่ที่รุนแรงต่อความปลอดภัยทางอากาศและในอวกาศ”   “การทำนายเส้นทางมีความสำคัญอย่างยิ่งในการต่อสู้กับการประเมินเจตนาและการสกัดกั้นการป้องกันการบินและอวกาศ” จางระบุในวารสาร Journal Of Astronautics ที่ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา   ขีปนาวุธร่อนไฮเปอร์โซนิกถูกปล่อยจากอากาศและสามารถเดินทางเข้าและออกจากชั้นบรรยากาศได้ราวกับก้อนหินกระโดดอยู่บนผืนน้ำและเบี่ยงไปทางซ้ายหรือขวา ทำให้ยากต่อการตรวจจับหรือสกัดกั้น   ด้วยความเร็วระดับ 5 มัคทำให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศแทบจะไม่มีเวลาตอบโต้ และขณะนี้ยังไม่มีเทคโนโลยีใดที่มีอยู่สามารถหยุดยั้งขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกได้เลย   ทว่าจางเผยว่า AI สามารถทำได้ฝ่ายที่ต้องตั้งรับไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับน้ำหนัก ขนาด รูปร่าง ระบบควบคุมกลศาสตร์ หรือจุดประสงค์ของอาวุธของศัตรู แต่ AI สามารถคาดเดาได้ค่อนข้างแม่นยำด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลการเดินทางของขีปนาวุธที่บันทึกไว้…

Ransomware ตัวใหม่ มาในคราบนักบุญ จัดหนัก 3 กิจกรรมเพื่อการกุศล

Loading

Credit: Zephyr_p/ShutterStock.com   CloudSEK บริษัทวิเคราะห์ภัยคุกคาม ได้ค้นพบ Ransomware มีชื่อเรียกขานว่า GoodWill และถูกคาดหัวว่าเป็น “มัลแวร์ระดับโลก” โดยการเข้ารหัสไฟล์ด้วย AES และยังใช้ตัวตั้งเวลาปิดเครื่อง 722.45 วินาทีเพื่อรบกวนการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์   โดยผู้ที่ถูกโจมตีจะได้รับการต้อนรับด้วยภาพที่อธิบายแรงจูงใจของกลุ่ม มันระบุว่าพวกเขาไม่ได้ “หิวเงิน” พวกเขาต้องการให้ “บทเรียนที่ยากลำบากแก่คนยากจนและคนขัดสน” GoodWill เพิ่งถูกตรวจพบเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2565 ที่ผ่านมา โดยมีรูปแบบการเข้ารหัสเอกสาร ภาพถ่าย วิดีโอ และฐานข้อมูล หลังจากโจมตีไฟล์ข้อมูลเหล่านี้ได้แล้ว ไฟล์จะไม่สามารถเปิดได้อีกถ้าหากไม่มีคีย์รหัสผ่าน   จากนั้น GoodWill จะขอให้เหยื่อทำกิจกรรมที่ขับเคลื่อนเพื่อสังคม 3 รายการ เพื่อแลกกับคีย์ถอดรหัสไฟล์ ซึ่งเป็นรูปแบบความต้องการที่ผิดแปลกจากปกติที่เคยเจอ   GoodWill มันต้องการอะไร และอะไรคือ 3 กิจกรรมเพื่อสังคม 1. ขอให้เหยื่อบริจาคเสื้อผ้าใหม่ให้กับคนไร้บ้านและโพสต์บนโซเชียลมีเดีย 2. ขอให้เหยื่อพาเด็กที่ด้อยโอกาสไปที่ร้านพิซซ่าและโพสต์บนโซเชียลมีเดีย 3. ขอให้เหยื่อช่วยเหลือทางการเงินสำหรับผู้ที่ต้องการการรักษาพยาบาล และโพสต์บนโซเชียลมีเดีย  …

พบสิทธิบัตรใหม่ชี้ Apple Watch รุ่นใหม่ จะมีกล้องซ่อนใน ‘เม็ดมะยม’

Loading

  สมาร์ตวอทช์ซ่อนกล้อง! ดูเหมือนยักษ์ใหญ่แห่งวงการไอทีอย่าง Apple กำลังมีแผนจะนำกล้องมาใส่ในสมาร์ตวอทช์ตัวดังแล้ว ล่าสุดพบสิทธิบัตรใหม่ชี้ Apple Watch ต่อไปจะมีกล้องซ่อนในปุ่มหมุน (Digital Crown) หรือที่นิยมเรียกว่า “เม็ดมะยม”   Apple Insider เผยพบสิทธิบัตรใหม่จาก Apple พบทางแบรนด์มีแผนออกแบบ Apple Watch รุ่นใหม่ ให้มาพร้อมกล้องถ่ายรูปติดตั้งในปุ่มหมุน ทำให้สามารถเล็งถ่ายรูปจากข้อมือหรือกำปั้นได้เลย     ตัวกล้องไม่ได้เผยความละเอียด แต่จะมีการใช้กลไลจากปุ่มหมุน มาช่วยควบคุมการโฟกัสภาพได้ ทั้งมีการใส่แฟลชในตำแหน่งเดียวกันด้วย ตัวหน้าปัดก็ใช้เป็น EVF (Electronic viewfinder) ดูภาพหรือค่าต่าง ๆ ของกล้อง ปุ่มชัตเตอร์สามารถกดผ่านการทำท่าทาง (Gesture) หรือกดด้วยคำสั่งมือก็ยังได้   ทั้งนี้ในสิทธิบัตรยังเผยให้เห็นด้วยว่า ผู้ใช้สามารถถอดเฉพาะตัวเรือนของ Apple Watch ออกจากสายรัดข้อมือได้เลย ทำให้กลายเป็นกล้องพกพาขนาดย่อม   สำหรับการนำกล้องมาใส่สมาร์ตวอทช์แบบนี้ จริง ๆ ไม่ใช่ครั้งแรก ย้อนกลับไปในปี 2019 ทาง…