ไม่เลี้ยง! ศาลอินเดียสั่งประหารชีวิต 38 คนร้าย จุดระเบิดป่วนเมืองที่ ‘คุชราต’

Loading

เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานอินเดียเข้าตรวจสอบจุดที่คนร้ายใช้ระเบิดโจมตีโรงพยาบาล Civil Hospital ในเมืองอาห์เมดาบัด เมื่อเดือน ก.ค. ปี 2008 ซึ่งเกิดขึ้นตามหลังเหตุระเบิดต่อเนื่องที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 50 คน (แฟ้มภาพ – AFP)   ศาลอินเดียพิพากษาประหารชีวิต 38 คนร้าย ซึ่งพัวพันกับเหตุลอบวางระเบิดหลายจุดที่เมืองอาห์เมดาบัด (Ahmedabad) รัฐคุชราต เมื่อปี 2008 ซึ่งคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปกว่า 50 คน   ศาลมีคำตัดสินเมื่อวันที่ 8 ก.พ. ว่า ผู้ต้องหาจำนวน 49 ราย มีความผิดฐานร่วมกันวางแผนใช้ระเบิดแสวงเครื่องที่บรรจุชิ้นส่วนโลหะแหลมคมโจมตีย่านตลาด รถประจำทาง และสถานที่สาธารณะอีกหลายแห่งในเมืองอาห์เมดาบัด ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าของรัฐคุชราต   อามิต ปาเทล อัยการพิเศษ ระบุว่า ผู้พิพากษาได้สั่งประหารชีวิตจำเลย 38 คน ส่วนอีก 11 คนที่เหลือถูกจำคุกตลอดชีวิต   กลุ่มซึ่งเรียกตัวเองว่า “มุจาฮิดีน อินเดีย” ได้ประกาศอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีเหล่านี้ โดยอ้างว่าทำไปเพื่อแก้แค้นการก่อจลาจลต่อต้านชาวมุสลิมที่รัฐคุชราตเมื่อ…

ดีอีเอสพบมือปั่นข่าวปลอม มั่วข่าวสารราชการเชื่อมโยงประเด็นโควิด

Loading

  โฆษกดีอีเอส เตือนประชาชนรู้เท่าทันข่าวปลอม พบกลุ่มดิสเครดิตรัฐบาลปั้นข่าวปลอมข่าวสารราชการอิงประเด็นโควิด เรียกกระแสความสนใจ และสร้างความตื่นตระหนกให้คนที่หลงเชื่อ   น.ส.นพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า สรุปผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 11-17 ก.พ.65 โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม พบข้อความที่เข้ามา จำนวน 11,465,622 ข้อความ โดยจากการคัดกรองมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 215 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ 107 เรื่อง โดยเป็นเรื่องโควิด 34 เรื่อง   ขณะเดียวกัน พบแนวโน้มการสร้างข่าวปลอม และบิดเบือนข้อมูลในกลุ่มนโยบายรัฐบาล/ข่าวสารทางราชการ ที่ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเฝ้าระวัง เนื่องจากหลายข่าวจะมีการเชื่อมโยงกับสถานการณ์แพร่ระบาดโควิดในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในกระแสความสนใจของประชาชนติดตามข่าวสาร เพื่อล่อลวงให้คนเข้ามาคลิกอ่าน ตื่นตระหนก หลงเชื่อ และแชร์ข่าวปลอมโดยรู้ไม่เท่าทันผู้ไม่ประสงค์ดี   โดยจากจำนวนเรื่องที่ประสานงานและได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 60 เรื่องในรอบสัปดาห์ล่าสุด พบข่าวปลอมในกลุ่มนี้ ได้แก่ ข่าวคลิปเสียงการประชุมที่กระทรวงสาธารณสุข เรื่องรัฐบาลไม่เปิดเผยข้อมูลวัคซีนโควิด-19 กับประชาชน และข่าวเอกสารเกี่ยวกับการพิจารณาวัคซีนของทางสำนักงานอาหารและยา อีกทั้งมีการเผยแพร่ข่าวปลอมหวังสร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชน โดยเชื่อมโยงกับความกลัวที่เกี่ยวเนื่องกับโรคโควิด…

‘โดเนตสก์-ลูฮันสก์’สั่งอพยพประชาชนไปรัสเซีย

Loading

  สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์-ลูฮันสก์ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของยูเครน และกลุ่มกบฎฝักใฝ่รัสเซียยึดครองอยู่ ประกาศอพยพประชาชนไปยังรัสเซีย หลังอ้างว่าถูกโจมตีจากกองกำลังยูเครน ขณะที่ยูเครนปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว สื่อรายงานว่าเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในดอนบาสและกองกำลังยูเครนในวันนี้เป็นวันที่ 2 ท่ามกลางความกังวลที่ว่ารัสเซียอาจใช้สถานการณ์ดังกล่าวเพื่อเป็นข้ออ้างในการโจมตียูเครน แหล่งข่าวทางการทูตระบุว่า การปะทะกันในครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2558 ที่มีการทำข้อตกลงหยุดยิง โดยมีเสียงระเบิดดังขึ้นถึง 600 ครั้งในเช้าวันนี้ จากจำนวน 500 ครั้งวานนี้ โดยคาดว่ามาจากกระสุนปืนใหญ่และกระสุนปืนครกขนาด 152 มม.และ 122 มม. ด้านภูมิภาคโรสตอฟ ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของรัสเซีย ได้ประกาศพร้อมรับผู้อพยพจากดอนบาส ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวในวันศุกร์ (18 ก.พ.) ว่า ยูเครนจะต้องรีบเจรจากับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภูมิภาคดอนบาส โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ “ผมและท่านประธานาธิบดีเบลารุสมีความเห็นว่ากุญแจสำคัญที่จะนำสันติภาพไปสู่ประชาชนในยูเครน และผ่อนคลายความตึงเครียดก็คือการปฏิบัติตามข้อตกลงมินสก์ สิ่งที่ยูเครนต้องทำก็คือจะต้องนั่งลงเจรจากับตัวแทนจากดอนบาสเพื่อหาข้อตกลงทางการเมือง การทหาร เศรษฐกิจ และมนุษยธรรมเพื่อยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้น” ปธน.ปูตินกล่าว หลังการเจรจากับประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ผู้นำเบลารุสในวันนี้ “เป็นที่น่าเสียใจที่ว่า สิ่งที่เรากำลังเห็นก็คือความรุนแรงที่เกิดขึ้นในดอนบาส โดยยูเครนปฏิเสธที่จะทำตามข้อตกลงมินสก์ และปฏิเสธที่จะเจรจากับโดเนตสก์-ลูฮันสก์ และมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีการเปลี่ยนแปลงทุกประเด็นในข้อตกลงมินสก์” ปธน.ปูตินกล่าว นอกจากนี้…

โจรใต้ลอบวางบึ้ม รถสายตรวจรามัน ตร.บาดเจ็บ 5 นาย

Loading

  คนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องรถสายตรวจโรงพักรามัน ยะลา ตูมสนั่นส่งผลให้ ตำรวจเจ็บรวดเดียว 5 นาย คาดผู้ก่อเหตุหวังสังหารเจ้าหน้าที่เพื่อแสดงศักยภาพ เมื่อวันที่ 19 ก.พ.65 พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผบก.ภ.จว.ยะลา พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาตรี รัตนคช ผกก.สภ.รามัน นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุด เก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) ฉก.อโนทัย และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา ทหาร ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวน ลอบวางระเบิดรถยนต์สายตรวจ สถานีตำรวจภูธรรามัน (ร้อยเวร 20 และ ชป.จู่โจม) จำนวน 2 คัน บริเวณตลาดนัดอิสรอฟ ก่อนถึงถนนพาดรถไฟ บนถนนทางหลวงหมายเลข 4066 สายรามัน-ตะโล๊ะหะลอ ในพื้นที่ หมู่ที่ 1 บ้านรามัน ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งแรงระเบิดส่งผลทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รามัน ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 5…

นิทรรศการสแปมอีเมล รู้เท่าทันโจรไซเบอร์

Loading

  DoComo จัดนิทรรศการออนไลน์โชว์ สแปมอีเมล ต้อนรับเดือนความปลอดภัยไซเบอร์ เปิดให้คนทั่วไปส่งสแปมอีเมลเข้ามาจัดแสดง เพื่อให้รู้เท่าทันแฮกเกอร์     ทางญี่ปุ่นได้รณรงค์ให้เดือนนี้ตลอดทั้งเดือนเป็นเดือน Cyber Security เริ่มตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์จนไปถึง 18 มีนาคม เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่า ตัวเองปลอดภัยบนโลกออนไลน์แล้วรึยัง หลายบริษัทไอทีจึงใช้โอกาสนี้ในการส่งเสริมให้คนตระหนักถึงความสำคัญ หนึ่งในนั้นคือ NTT Docomo ปิ๊งไอเดีย จัดเป็นนิทรรศการสแปมอีเมลแบบออนไลน์ขึ้นมาในชื่อว่า #JunkEmailExhibition (#迷惑メール展). ที่น่าสนใจคืองานนี้จะเชิญชวนทุกคนให้มีส่วนร่วมผ่านการส่งสแปมอีเมลที่เคยได้รับมาร่วมจัดแสดง ด้วยการโพสต์ลงออนไลน์พร้อมติดแฮชแท็กชื่องาน เพราะทางผู้จัดรู้ดีว่ารูปแบบการหลอกลวงในทุกวันนี้มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น การฟิชชิ่งแนบเนียนเหมือนเว็บของจริงจนแทบแยกไม่ออก ยิ่งเราเห็นตัวอย่างการหลอกลวงมากเท่าไหร่เราก็พร้อมรับมือและระวังตัวมากขึ้นนั่นเอง ถ้าใครส่งเข้ามา ทาง NTT Docomo จะมีคูปองดิจิทัลให้ด้วย 1,000 เยน โดยจะคัดเลือผู้โชคดีแค่ 500 คนเท่านั้น     รูปแบบของสแปมที่ส่งเข้ามานั้นก็มีทั้งอีเมล , SMS รวมไปถึง Direct Messege การหลอกลวงมีทั้ง การแจ้งเปลี่ยนตัวผู้ที่ได้รับรางวัล , แจ้งรับพัสดุที่ไม่เคยสั่ง ,…

AIS ออกแถลง กรณีข้อมูลลูกค้ารั่วไหลกว่า 100,000 รายการ

Loading

  เมื่อเช้าของวันนี้ (18 กุมภาพันธ์) ได้มีการพบเห็นข้อมูลของผู้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เอไอเอส (AIS) ได้ไปเผยแพร่อยู่บน Dark Web ที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถดาวน์โหลดได้เลย ภายหลังในช่วงบ่ายของวันนี้ ทางเอไอเอสได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงประเด็นดังกล่าว พร้อมดำเนินการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ในแถลงการณ์จากการตรวจสอบ เอไอเอสพบข้อมูลผู้ใช้บริการที่ถูกละเมิดกว่า 100,000 รายการ ซึ่งประกอบไปด้วย ชื่อ-นามสกุล , เลขบัตรประจำตัวประชาชน , วัน-เดือน-ปีเกิด , และหมายเลขโทรศัพท์ โดยไม่มีข้อมูลเกี่ยวข้องกับข้อมูลธุรกรรมทางการเงิน เอไอเอสได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และ กสทช. รวมถึงแจ้งผ่าน SMS ไปยังลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ ส่วนสาเหตุที่มีการหลุดออกไปของข้อมูลนั้น เกิดขึ้นจากการถูก Ransomware บุกรุกที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของพนักงานที่ใช้ปฏิบัติงานในช่วง Work From Home ซึ่งได้ดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และไม่มีบริการอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบ นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส ได้ออกมาขออภัยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ และได้แนะนำให้ลูกค้าเพิ่มความระมัดระวังในการทำธุรกรรมต่าง ๆ รวมถึงอาจมีผู้แอบอ้างมาขอข้อมูลเพื่อทำธุรกรรมต่าง ๆ…