รัสเซียยกระดับจำกัดการทำงานของสถานทูตสหรัฐ

Loading

  สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงมอสโก “จำเป็น” ต้องลดระดับการให้บริการด้านกงสุล “อย่างไม่มีกำหนด” ตามคำสั่งของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งห้ามสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐจ้างชาวรัสเซียทำงาน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ว่าการปฏิบัติงานของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงมอสโกเผชิญกับข้อจำกัดใหม่ ตามคำสั่งของทำเนียบเครมลิน ที่กำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.เป็นต้นไป โดยนับจากนี้สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐจะเน้นให้บริการด้านกงสุล “เป็นกรณีฉุกเฉิน” กับพลเมืองสหรัฐเป็นหลัก และการออกวีซ่าให้แก่ชาวรัสเซียจะพิจารณาเฉพาะ “กรณีสำคัญถึงขีดสุด” เท่านั้น   Americans living in Russia will be unable to register their newborns or renew their passports https://t.co/QnpHrZqrfI — Stars and Stripes (@starsandstripes) May 12, 2021   ขณะที่บริการเอกสารอื่นที่เคยให้บริการ รวมถึงการต่ออายุหนังสือเดินทาง การทำเรื่องขอรับสูติบัตรสำหรับพลเมืองสหรัฐที่เกิดในรัสเซีย และงานเอกสารซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการทูตจะถูกระงับไปก่อน “อย่างไม่มีกำหนด” ทั้งนี้…

“ปูติน” สั่งคุมเข้มอาวุธปืน หลังเกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนรัสเซีย

Loading

  ทำเนียบเครมลินออกแถลงการณ์ระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้สั่งการให้มีการคุมเข้มการควบคุมอาวุธปืนของพลเรือน หลังเกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก นอกจากนี้ ปธน.ปูตินยังได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวของเด็กนักเรียนที่เสียชีวิตในเหตุกราดยิงครั้งนี้ สำนักข่าว TASS ของทางการรัสเซีย รายงานในวันนี้ว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 11 ราย ซึ่งรวมถึงเด็กนักเรียน 9 ราย ขณะที่บาดเจ็บ 32 ราย หลังเกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองคาซาน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐทาทาร์สถานของรัสเซีย รายงานระบุว่า ผู้ก่อเหตุมี 2 ราย โดยหนึ่งในนั้นเป็นเด็กวัยรุ่นอายุ 17 ปี ซึ่งขณะนี้ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว ส่วนอีกรายหนึ่งถูกวิสามัญฆาตกรรม ทั้งนี้ โรงเรียนทุกแห่งในเมืองคาซานจะยังคงปิดการเรียนการสอนในวันพรุ่งนี้   ——————————————————————————————————————————— ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์     / วันที่เผยแพร่  11 พ.ค. 2564 Link : https://www.infoquest.co.th/2021/86160

เจาะสาเหตุศึกชิงเยรูซาเล็ม ปะทะเดือดอิสราเอล-ปาเลสไตน์

Loading

  อธิบายถึงสาเหตุการประท้วงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทางตะวันออกของกรุงเยรูซาเล็ม มันเกิดจากอะไร และรุนแรงขนาดไหน? ในช่วงเดือนรอมฎอนชาวปาเลสไตน์ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจอิสราเอลบนพื้นที่ทางตะวันออกของกรุงเยรูซาเล็มทุกคืน โดยประเด็นและขนาดของการประท้วงก็แตกต่างกันออกไป ซึ่งครอบคลุมทั้งศาสนา ที่ดิน และการเมือง ประเด็นเหล่านี้ทั้งหมดคือความขัดแย้งหลักระหว่างชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์ โดยรอยเตอร์สได้อธิบายความขัดแย้งไว้ดังนี้   การประท้วงเริ่มขึ้นเมื่อใด? ตั้งแต่ต้นเดือนรอมฎอนในช่วงกลางเดือนเมษายนชาวปาเลสไตน์ได้ปะทะกับตำรวจอิสราเอลทุกคืน โดยชาวปาเลสไตน์กล่าวหาว่าตำรวจอิสราเอลนำแผงกั้นมากีดขวางไม่ให้พวกเขารวมตัวกันบริเวณประตูดามัสกัสเพื่อพักการถือศีลอดในตอนกลางวัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าทำไปเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของผู้คนในการสัญจรในย่านเมืองเก่า วันหนึ่งกลุ่มชาวยิวชาตินิยมเดินขบวนในนครเมืองเก่าของเยรูซาเล็มพร้อมตะโกนว่า “ชาวอาหรับต้องตาย” ส่งผลให้ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากไม่พอใจจึงเกิดการปะทะกัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าสลายดวยระเบิด แก๊สน้ำตา รวมถึงฉีดน้ำแรงดันสูง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและผู้ถูกจับกุมจำนวนมาก     ทำไมความรุนแรงถึงปะทุขึ้นอีกครั้ง? การพิจารณาคดีในศาลฎีกาของอิสราเอลมีกำหนดในวันที่ 10 พฤษภาคมในคดีทางกฎหมายที่ดำเนินมายาวนานเกี่ยวกับว่าครอบครัวชาวปาเลสไตน์หลายครอบครัวจะถูกขับไล่หรือไม่ ขณะที่บ้านของพวกเขาตั้งอยู่ใน ชีค จาร์ราห์ (Sheikh Jarrah) ซึ่งเป็นย่านใกล้ประตูดามัสกัส เมื่อใกล้การไต่สวนของศาลชาวปาเลสไตน์และอิสราเอลฝ่ายซ้ายเริ่มจัดการประท้วงครั้งใหญ่ขึ้นโดยกล่าวว่าการขับไล่อาจทำให้เกิดผลกระทบเป็นโดมิโนไปทั่วพื้นที่ใกล้เคียงของชาวปาเลสไตน์ นอกจากนี้ชีค จาร์ราห์ ยังมีสถานที่สำคัญซึ่งเป็นที่เคารพนับถือนับถือของชาวยิวจึงนำไปสู่ความตึงเครียดบ่อยครั้งระหว่างชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ที่นั่นและชาวยิวที่เคร่งศาสนาเมื่อพวกเขาไปเยี่ยมที่นั่น     ทำไมจึงเป็นประเด็นอ่อนไหว? เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ประวัติศาสตร์ และศาสนา โดยใจกลางเมืองเก่าของเยรูซาเล็มเป็นเนินเขาที่รู้จักกันในชื่อว่าเนินพระวิหาร (Temple Mount) ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อายุกว่าพันปีของทั้งสามศาสนาคือ ศาสนายูดาห์, ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม ชาวอิสราเอลมองว่าเยรูซาเล็มทั้งหมดเป็นเมืองหลวงที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์และแบ่งแยกไม่ได้ ในขณะที่ชาวปาเลสไตน์ต้องการพื้นที่ทางตะวันออกเป็นเมืองหลวงของรัฐในอนาคต ขณะที่การผนวกเยรูซาเล็มตะวันออกของอิสราเอลไม่ได้รับการยอมรับในระดับสากล…

ฮือฮา! ค่าตำรวจลับสหรัฐฯ อารักขา “อิวองกา” ตก 140,000 ดอลลาร์/เดือนหลังทรัมป์พ้นตำแหน่ง

Loading

  เอเจนซีส์ – กลุ่มวอชด็อกภาคสังคมอเมริกันชนชี้ คนอเมริกันต้องจ่ายภาษีค่าตำรวจลับอารักขาลูกๆ ที่โตแล้วของอดีตผู้นำสหรัฐฯ 4 คน รวมบุตรสาวคนโต อิวองกา ทรัมป์และครอบครัวที่มีบุตรเขยรวมอยู่ในนั้น หลังทรัมป์ลงจากตำแหน่งในเดือนมกราคมตก 140,000 ดอลลาร์/เดือน แต่คนทั้งหมดถูกตัดการเข้าถึงข้อมูลชั้นความลับ หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้ (8 พ.ค.) ว่า ตามปกติแล้วครอบครัวหมายเลข 1 ของสมาชิกครอบครัวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะหมดสมัยจะไม่ได้รับการคุ้มครองจากตำรวจลับสหรัฐฯ อีกต่อไป เว้นแต่ในกรณีของบุตรที่โตแล้วทั้ง 4 คนของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากว่าทรัมป์ในสมัยที่ยังคงอยู่ในตำแหน่งเขาได้ลงนามคำสั่งขยายการคุ้มครองออกไปอีกครึ่งปีหลังจากที่เขาไม่ได้เป็นประธานาธิบดีอีกต่อไป   อ้างอิงจากกลุ่มพลเมืองเพื่อจริยธรรม (Citizens for Ethics) ซึ่งเป็นกลุ่มตรวจสอบภาคสังคมได้ยื่นขอให้มีการเปิดเผยข้อมูลซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่รวมอยู่กับการอารักขาที่บ้านพักต่างๆ ของทรัมป์ ได้แก่ รัฐนิวเจอร์ซีย์ เมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ไบรอาร์คลิฟ (Briarcliff) รัฐนิวยอร์ก ซึ่งหากว่ารวมปัจจัยเหล่านี้เข้าไป ทางกลุ่มชี้ว่าตัวเลขจะสูงกว่านี้มาก ทางกลุ่มชี้ว่าหลังผู้เป็นพ่อต้องลงจากตำแหน่งแต่ลูกๆ ของทรัมป์ยังคงเดินทางไปยังที่ต่างๆ และทำให้ค่าใช้จ่ายของทีมอารักขาทั้งในด้านโรงแรมและการเดินทางพุ่ง โดยค่าใช้จ่ายทางการเดินทางตก 52,296.75 ดอลลาร์ และค่าโรงแรมตกไม่ต่ำกว่า…

กองทัพสหรัฐยึดอาวุธสงครามจากเรือกลางทะเลอาหรับ

Loading

  กองทัพสหรัฐยึดอาวุธสงครามจำนวนมาก จากเรือลำหนึ่ง ซึ่งลอยลำอยู่ในเขตน่านน้ำสากลของทะเลอาหรับ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมานามา ประเทศบาห์เรน เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ว่า กองเรือที่ 5 ของสหรัฐ ซึ่งมีฐานปฏิบัติการหลักอยู่ในบาห์เรน รายงานว่าเรือบรรทุกอากาศยานติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธ “ยูเอสเอส มอนเตเรย์” ปฏิบัติการยึด “อาวุธผิดกฎหมาย” จากเรือไร้สัญชาติลำหนึ่ง ซึ่งลอยลำอยู่ในเขตน่านน้ำสากล ทางตอนเหนือของทะเลอาหรับ โดยปฏิบัติการเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 พ.ค.ที่ผ่านมา   USS Monterey and its embarked U.S. Coast Guard Advanced Interdiction Team (AIT) discovered the illicit cargo during a routine flag verification boarding conducted in international water in accordance with…

สหรัฐเป็นอัมพาต ท่อส่งน้ำมันใหญ่ที่สุดถูกแฮกเรียกค่าไถ่

Loading

  สถานการณ์ใหญ่จนต้องรายงานสรุปให้ไบเดน ผู้ต้องสงสัยอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพไซเบอร์ของบางประเทศที่สหรัฐหมายหัวว่าสร้างกองทัพทำสงครามไซเบอร์ The New York Times รายงานว่าท่อส่งน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐซึ่งขนถ่ายน้ำมันเบนซินและน้ำมันเครื่องบินจากเท็กซัสฝั่งตะวันออกไปยังนิวยอร์กต้องถูกปิดลงหลังจากถูกโจมตีโดยแรนซัมแวร์ (Ransomware) หรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่ นับเป็นการโจมตีที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งและแสดงให้เห็นถึงช่องโหว่ของโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานต่อการโจมตีทางไซเบอร์ ผู้ดำเนินการระบบ Colonial Pipeline กล่าวในแถลงการณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ใช้ถ้อยคำที่คลุมเครือโดยกล่าวว่าได้ปิดท่อส่งน้ำมันระยะทาง 5,500 ไมล์ซึ่งระบุว่าบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง 45% ของชายฝั่งตะวันออกเพื่อพยายามควบคุมการแทรกซึมเข้ามาในระบบบ ต่อมา สำนักงานสืบสวนกลาง หรือ FBI, กระทรวงพลังงาน และทำเนียบขาวได้เจาะลึกรายละเอียด จน Colonial Pipeline ต้องยอมรับว่าเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของบริษัทถูกโจมตีโดยแรนซัมแวร์ ซึ่งกลุ่มอาชญากรจับข้อมูลเป็นตัวประกันจนกว่าเหยื่อจะจ่ายค่าไถ่ บริษัทกล่าวว่าได้ปิดท่อไปเองซึ่งเป็นมาตรการป้องกันเนิ่นๆ คาดว่าเพราะบริษัทกลัวว่าแฮกเกอร์อาจได้รับข้อมูลที่จะทำให้สามารถโจมตีส่วนที่มีความเสี่ยงของท่อส่งน้ำมันได้   เจ้าหน้ารัฐบาลสหรัฐกล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นการกระทำของกลุ่มอาชญากรมากกว่าที่จะเป็นกองทัพไซเบอร์ของประเทศที่ต้องการทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในสหรัฐ แต่ในบางครั้งกลุ่มดังกล่าวมีความผูกพันกับหน่วยข่าวกรองต่างประเทศอย่างหลวมๆ และดำเนินการในนามของประเทศนั้นๆ สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่าสิ่งที่ทำให้สถานการณ์นี้น่าตกใจก็คือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากที่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและมีขนาดใหญ่เช่นจะถูกทำให้ออฟไลน์โดยสิ้นเชิง เช่น Colonial Pipeline ที่ทอดยาวตลอดเส้นทางจากเท็กซัสไปยังนิวเจอร์ซีย์ การหยุดทำงานเป็นการหยุดชะงักครั้งใหญ่ที่สุดของแหล่งพลังงานทางกายภาพนับตั้งแต่การปฏิบัติการน้ำมันของซาอุดีอาระเบียถูกโจมตีโดยโดรนในปี 2561 ตามคำกล่าวของบ็อบ แมคแนลลี (Bob McNally) อดีตที่ปรึกษาด้านนโยบายอาวุโสของทำเนียบขาว “การรีสตาร์ทท่อส่งก๊าซเป็นเรื่องง่ายหากไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นจริง” บ็อบ แมคแนลลีกล่าวกับ Bloomberg “คำถามคือว่าการโจมตีถูกจำกัดและถูกควบคุมได้หรือไม่…