ปอท.สอบระบบข้อมูล รพ.สระบุรี หลังถูกแฮกเรียกค่าไถ่

Loading

MGR Online – รอง ผบก.ปอท.แจงการป้องกันถูกแฮกข้อมูลจาก Ransomware หลังปล่อยไวรัสทำระบบ รพ.สระบุรี ล่มและเรียกค่าไถ่ เชื่อเป็นอาชญากรเจาะระบบจากต่างประเทศ ที่ผ่านมาพบเคยก่อเหตุมาแล้วกับบริษัทเอกชนและภาครัฐของไทย วันนี้ (10 ก.ย.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะโฆษก บก.ปอท. กล่าวถึงกรณีโรงพยาบาลสระบุรีถูกคนร้ายแฮกข้อมูลจนทำให้ระบบฐานข้อมูลคนไข้ใช้งานไม่ได้แล้วเรียกค่าไถ่ว่า เบื้องต้น พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผบก.ปอท.ได้สั่งการให้ฝ่ายเทคนิคและฝ่ายสืบสวน ปอท.ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว ขณะนี้ยังไม่ยืนยันตัวผู้ปล่อยไวรัสโจมตีระบบข้อมูลของโรงพยาบาลสระบุรีเป็นใคร ปฏิบัติการในประเทศหรือนอกประเทศ แต่รูปแบบการก่อเหตุลักษณะดังกล่าวที่ผ่านมามักเป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่กระทำจากต่างประเทศ โดยใส่รหัสล็อกข้อมูลในไฟล์สำคัญในองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน หรือข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเรียกเงินค่าไถ่จากองค์กรหรือบุคคลนั้นๆ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์กล่าวอีกว่า การเจาะข้อมูลของโรงพยาบาลสระบุรี เชื่อว่าแฮกเกอร์มีเจตนาต้องการเรียกเงินเพื่อแลกกับการปลดล็อกข้อมูล เพราะเป็นรูปแบบที่เคยก่อเหตุเจาะข้อมูลบริษัทเอกชนและภาครัฐในประเทศไทยมาแล้ว ซึ่งข้อมูลของตำรวจ ปอท.พบว่าในอดีตมีหลายบริษัทไม่สามารถกู้ข้อมูลในระบบคืนได้จึงจำเป็นต้องจ่ายเงินค่าไถ่ตามเรียกร้อง แต่กรณีการเจาะระบบข้อมูลเรียกค่าไถ่จากโรงพยาบาลในประเทศไทย ที่ผ่านมาทราบว่ายังไม่เคยเกิดขึ้น โดยปกติแล้วเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับโรงพยาบาลเพราะผู้ได้รับผลกระทบคือผู้ป่วย อย่างไรก็ดี ในคดีนี้ บก.ปอท.จะได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ทั้งในเรื่องการตรวจสอบช่องโหว่ของระบบและพยายามร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกู้คืนข้อมูล “ส่วนข้อมูลคดีดังกล่าวพบว่าเป็น Ransomware ซึ่งเป็นมัลแวร์ชนิดหนึ่งที่พบมานานหลายปี โดยผู้ก่อเหตุมักจะส่งอีเมลหรือลิงก์ที่มีข้อความลักษณะจูงใจ เมื่อมีผู้หลงเชื่อกดลิงก์เปิดอ่าน ระบบจะถูกเจาะและเข้ารหัส ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ เป็นความเสียหาย…

สงครามเทคโนโลยี จุดเปลี่ยนเกม ‘หยวน-ดอลลาร์’

Loading

ภายหลังเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมากจากพิษไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐติดลบอย่างหนัก ก็เริ่มมีการพูดกันว่า ดอลลาร์สหรัฐกำลังสูญเสียความเป็นเจ้าแห่งทุนสำรองระหว่างประเทศ ที่ธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกนิยมซื้อเข้าเก็บเป็นทุนสำรองต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ในเวลานี้ยังไม่มีเงินสกุลอื่นเป็นทางเลือกมาทดแทนดอลลาร์สหรัฐ” เพราะคู่แข่งขันที่ใกล้เคียงที่สุด ไม่ว่าจะเป็น “หยวน” ของจีน หรือ “ยูโร” ก็ยังห่างชั้นจากดอลลาร์สหรัฐมาก อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเงินหยวนของจีนกำลังมีความสำคัญเพิ่มขึ้นทั้งในการค้าโลก และในทุนสำรองระหว่างประเทศ เพราะอิทธิพลเศรษฐกิจจีนกำลังเพิ่มขึ้นนั่นเอง ธนาคารดีบีเอสของสิงคโปร์ระบุว่า ปัจจุบันเงินหยวนอยู่อันดับ 6 ในฐานะสกุลเงินที่ทั่วโลกนิยมใช้ชำระค่าสินค้าและบริการระหว่างประเทศ ขณะที่จีนใช้เงินหยวนชำระประมาณ 20% ของการค้าทั้งหมดของจีน ทั้งนี้ กลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ ก็เป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดของจีน ดังนั้นจึงเป็นโอกาสให้จีนเพิ่มการใช้เงินหยวนข้ามแดน “ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐที่ลามไปถึงภาคเทคโนโลยีและการเงิน จุดประกายรอบใหม่ให้จีนผลักดันเงินหยวนให้เป็นสกุลเงินสากล” ดีบีเอสระบุ ตามข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) “เงินหยวน” มีส่วนแบ่งในทุนสำรองระหว่างประเทศของธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 1% ในปี ค.ศ. 2016 เป็น 2% ในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน เงินหยวนก็แข็งค่าอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น วันอังคารที่ 1 กันยายน เงินหยวนออนชอร์แข็งค่ามากสุดในรอบเกือบ 16 เดือน ไปอยู่ที่…

‘อินเดีย’ ปิดประตูยักษ์เทคจีน ขยายปมพิพาท ‘พรมแดน’

Loading

ไม่มีทีท่าจะยุติลงโดยง่าย สำหรับความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลอินเดียและจีน หลังจากที่เกิดการปะทะกันระหว่างกองกำลังทหาร 2 ฝ่ายในพื้นที่พิพาทแนวพรมแดนเทือกเขาหิมาลัยมาเป็นระยะนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา และหนึ่งในวิธีหรือมาตรการ ที่รัฐบาลอินเดียใช้ตอบโต้มหาอำนาจอย่างจีน คือ การแบนแอปพลิเคชั่นสัญชาติจีนที่กำลังขยายอิทธิพลอยู่ในอินเดีย รวมทั้งการออกกฎหมายควบคุมการลงทุนด้านเทคโนโลยีจากจีนเพิ่มมากขึ้น ไฟแนนซ์เชียลไทมส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียได้ประกาศห้ามการใช้งานและให้บริการแอปพลิเคชั่นสัญชาติจีนเพิ่มขึ้นรวมเป็น 118 แอปพลิเคชั่น โดยระบุว่า แอปพลิเคชั่นเหล่านั้นมีการขโมยและส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานชาวอินเดียไปยังเซิร์ฟเวอร์ในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งถือเป็น “ภัยต่อความมั่นคงของชาติและการป้องกันประเทศของอินเดีย” คำสั่งแบนแอปพลิเคชั่นจีนครั้งนี้จะมีผลต่อแอปพลิเคชั่นชื่อดังที่ชาวอินเดียนิยมใช้งานหลายตัวเช่น แอปพลิเคชั่นเกมยอดนิยม ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของวัยรุ่นอินเดียอย่าง “พับจี โมบาย” (PUBG Mobile) ของบริษัท เทนเซนต์ (Tecent) ไปจนถึงแอปพลิเคชั่นออกเดต “ถานถาน” (Tantan) ซึ่งเทียบเท่ากับเป็นแอปฯทินเดอร์จีน รวมถึงแอปพลิเคชั่นแต่งภาพอย่าง “เหม่ยตู้” (Meitu) อินเดียนับว่าเป็นหนึ่งในตลาดผู้ใช้บริการขนาดใหญ่ของหลายแอปพลิเคชั่น จากจำนวนประชากรมหาศาลของอินเดีย โดยการประกาศแบนแอปพลิเคชั่น ครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อหลายแอปพลิเคชั่นที่มีผู้ใช้บริการชาวอินเดียจำนวนมาก รวมถึง “อาลีเพย์” (Alipay) แอปพลิเคชั่นธุรกรรมทางการเงินของ “อาลีบาบา” และเสิร์ชเอนจิ้น “ไป่ตู้” (Baidu) ที่ได้รับนิยมอย่างสูงในอินเดีย การแบนแอปพลิเคชั่นจีนของรัฐบาลอินเดียครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่เกิดการเผชิญหน้ากันอีกครั้งระหว่างกองกำลังทหารของทั้ง 2 ประเทศบริเวณพื้นที่พรมแดนลาดักห์ ในวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลอินเดียระบุว่า การเคลื่อนไหวของกองกำลังทหารของจีนเป็นการยั่วยุและคุกคาม ขณะที่รัฐบาลจีนก็กล่าวหาว่า กองกำลังทหารของอินเดียได้เข้ายึดครองพื้นที่สูงซึ่งมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งจีนระบุว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดพื้นที่พิพาทในส่วนที่จีนอ้างสิทธิ์ และเรียกร้องให้อินเดียถอนกองกำลังทหารดังกล่าวออกจากพื้นที่ในทันที ทั้งนี้ การเผชิญหน้าระหว่างกองกำลังทหาร 2 ชาติมีมาเป็นระยะ ต่อเนื่องมาตั้งแต่การปะทะกันครั้งแรกในรอบหลายสิบปีบริเวณหุบเขากัลวาน…

ภาพดาวเทียมเผย เกาหลีเหนือเตรียมยิงขีปนาวุธจากเรือดำน้ำ

Loading

สถาบันวิจัยสหรัฐเผยภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นว่าเกาหลีเหนือกำลังเตรียมทดสอบขีปนาวุธพิสัยกลางที่ปล่อยจากเรือดำน้ำ ศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และระหว่างประเทศศึกษา (CSIS) ในสหรัฐ เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณอู่ต่อเรือซินโปที่บันทึกไว้เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีเรือหลายลำเทียบท่าอยู่ โดยหนึ่งในนั้นคล้ายกับเรือที่เกาหลีเหนือเคยใช้ลากเรือท้องแบนติดตั้งฐานยิงขีปนาวุธลงทะเลก่อนหน้านี้ CSIS คาดว่าเกาหลีเหนือกำลังเตรียมทดสอบยิงขีปนาวุธรุ่น พุกกุกซอง-3 (Pukguksong-3) ซึ่งยิงจากเรือดำน้ำ (SLBM) เมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว เกาหลีเหนือประกาศความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธพุกกุกซอง-3 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขจัดภัยคุกคามจากภายนอก ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นการยั่วยุที่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่เกาหลีเหนือเจรจายุติโครงการนิวเคลียร์กับสหรัฐในปี 2018 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดที่อู่ต่อเรือซินโปเกิดขึ้นท่ามกลางสัญญาณว่าเกาหลีเหนือกำลังเตรียมการจัดพิธีสวนสนามในเดือนหน้า ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่ามีขึ้นเพื่อโชว์ขีปนาวุธใหม่อย่างที่เกาหลีเหนือเคยทำก่อนหน้านี้ อู่ต่อเรือซินโป อู่ต่อเรือซินโป เรือดำน้ำคลาสโรมิโอ 2 ลำ จอดในฐานทัพเรือมายางโด —————————————————- ที่มา : โพสต์ทูเดย์ / 5 กันยายน 2563 Link : https://www.posttoday.com/world/632275

สหรัฐฯ หวั่นจีนตั้ง ‘ฐานทัพ’ ทั่วเอเชีย

Loading

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เตือนว่า จีนอาจพิจารณาจัดตั้งที่ตั้งทางทหารในประเทศไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และหลายประเทศในเอเชีย เอเชียกลาง และแอฟริกา พร้อมกับเพิ่มหัวรบนิวเคลียร์อีกเท่าตัวในทศวรรษหน้า สหรัฐฯ ประเมินจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ในความครอบครองของจีนในปัจจุบันไว้ที่ตัวเลขราว 200 ต้นๆ เวลานี้ จีนปล่อยอาวุธนิวเคลียร์โดยใช้ขีปนาวุธทิ้งตัวได้ทั้งจากภาคพื้นและทะเล และกำลังพัฒนาขีดความสามารถในการปล่อยทางอากาศ เมื่อวันอังคารที่แล้ว (2 กันยายน) เพนตากอนเผยแพร่รายงานประจำปี คาดการณ์ถึงการสร้างเสริมแสนยานุภาพของจีนว่า กองทัพปลดแอกประชาชนจีน หรือพีแอลเอ มีขีดความสามารถทางทหารทัดเทียมกับกองทัพอเมริกันแล้ว และบางด้านยังเหนือกว่าด้วยซ้ำ      รายงาน ชื่อ ‘Military and Security Developments Involving the People’s Republic of China 2020’ บอกว่า จีนกำลังมุ่งที่จะจัดตั้งโครงข่ายสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหาร ครอบคลุมพื้นที่มหาสมุทรอินเดีย และพัฒนาขีปนาวุธที่ยิงได้ทั้งจากภาคพื้น ในทะเล และบนอากาศ รองผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ชาด ซบราเกีย บอกว่า พัฒนาการเหล่านี้เป็นเรื่องน่าวิตกอย่างยิ่งสำหรับสหรัฐฯ เพราะจีนแทบไม่มีความโปร่งใส ทั้งในด้านเจตนาทางยุทธศาสตร์ และอาวุธนิวเคลียร์ คุมเส้นทางทั่วเอเชีย รายงานซึ่งส่งถึงสภาคองเกรสฉบับนี้ บอกว่า จีนมีแนวโน้มที่จะพิจารณาเข้าไปจัดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกด้านลอจิสติกในไทย เมียนมา สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ปากีสถาน ศรีลังกา และประเทศอื่นๆในแอฟริกาและเอเชียกลาง รายงานที่มีความหนา 200 หน้า ระบุว่า ที่ผ่านมา จีนได้ทาบทามไปยังนามิเบีย วานูอาตู และหมู่เกาะโซโลมอนแล้ว ความต้องการที่จะแสดงแสนยานุภาพของปักกิ่งดังกล่าวถือเป็นการต่อยอดจากการจัดตั้งฐานทัพถาวรที่ประเทศจิบูติบนแหลมแอฟริกาเมื่อปี 2017 ซึ่งเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารนอกประเทศแห่งแรกของจีน ฐานทัพที่จิบูตินับเป็นฐานทัพโพ้นทะเลเพียงแห่งเดียวของจีนนับจนถึงขณะนี้ ปักกิ่งบอกว่า ที่ตั้งทางทหารดังกล่าวมีไว้ใช้ในภารกิจด้านมนุษยธรรมและให้ความคุ้มครองแก่การลงทุนและสาธารณูปโภคของจีนในภูมิภาคนั้น เนื่องจากจีนมีพลเมืองเข้าไปพำนักในแอฟริกาประมาณ 1 ล้านคน และในตะวันออกกลางราว 500,000 คน ในเอเชีย สหรัฐฯ เชื่อว่า ปักกิ่งได้ลงนามข้อตกลงลับกับรัฐบาลพนมเปญแล้ว เพื่อเปิดทางให้กองทัพจีนเข้าไปใช้ฐานทัพเรือที่เมืองท่าสีหนุวิลล์ แต่ประเทศทั้งสองยังคงปฏิเสธ เวลานี้ จีนเข้าไปลงทุนพัฒนาท่าเรือพลเรือนทั่วมหาสมุทรอินเดียแล้วหลายแห่ง ด้วยความมุ่งหวังว่า สักวันหนึ่ง กองทัพเรือของจีนอาจได้ใช้ประโยชน์ ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เรียกกันว่า ‘ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก’ นักวิเคราะห์มองว่า ทั้งหมดนี้เป็นความพยายามที่จะโอบล้อมคู่แข่งอย่างอินเดีย อย่างไรก็ดี จีนยืนยันว่า ไม่เคยมีเจตนาที่จะขยายดินแดน หรือครองความเป็นใหญ่ ‘นิวเคลียร์เพื่อสันติ’ จริงหรือ รายงานของเพนตากอนยังบอกด้วยว่า ปักกิ่งจะเพิ่มหัวรบนิวเคลียร์ในคลังแสงขึ้นอีกอย่างน้อยเท่าตัวภายในระยะเวลาหนึ่งทศวรรษ ในขณะที่จีนได้พัฒนากำลังทางเรือจนแซงหน้าอเมริกาไปแล้ว ปัจจุบัน พีแอลเอมีขีดความสามารถพอฟัดพอเหวี่ยง หรือเหนือกว่ากองทัพสหรัฐฯในหลายด้าน เช่น การต่อเรือ ขีปนาวุธทิ้งตัวและขีปนาวุธร่อนชนิดยิงจากภาคพื้น และระบบป้องกันภัยทางอากาศ เขี้ยวเล็บเหล่านี้สร้างเสริมขึ้นด้วยจุดมุ่งหมายที่จะสกัดกั้นหรือเอาชนะสหรัฐฯ หากเข้าแทรกแซงในกรณีไต้หวัน สหรัฐฯ ประเมินจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ในความครอบครองของจีนในปัจจุบันไว้ที่ตัวเลขราว 200 ต้นๆ เวลานี้ จีนปล่อยอาวุธนิวเคลียร์โดยใช้ขีปนาวุธทิ้งตัวได้ทั้งจากภาคพื้นและทะเล และกำลังพัฒนาขีดความสามารถในการปล่อยทางอากาศ รองผู้ช่วยรัฐมนตรีของเพนตากอน บอกว่า ถึงแม้จีนยังมีหัวรบนิวเคลียร์น้อยกว่าสหรัฐฯ มาก แต่การพัฒนาในอัตราเร่งสะท้อนว่า จีนได้เปลี่ยนหลักนิยมจากการป้องปรามขั้นต่ำเป็นการแข่งขันแบบเต็มตัวแล้ว เพราะจีนตั้งเป้าที่จะครองสถานะมหาอำนาจระดับโลกให้ได้ภายในปี 2049 รายงานบอกว่า ปัจจุบัน จีนมีกองทัพเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีเรือผิวน้ำและเรือดำน้ำรวมกัน 350 ลำ ขณะที่กองทัพเรือสหรัฐฯ มี 293 ลำ ซึ่งวอชิงตันมีแผนที่จะเพิ่มเป็น 355 ลำในอนาคต เพนตากอนบอกด้วยว่า จีนได้เปรียบตรงที่ไม่ถูกมัดมือด้วยข้อตกลงควบคุมขีปนาวุธภาคพื้นเหมือนอย่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย และถึงแม้สหรัฐฯ ยังคงเหนือกว่าชาติใดๆในเรื่องของขีปนาวุธทิ้งตัวชนิดยิงจากเรือดำน้ำ กับขีปนาวุธชนิดปล่อยจากอากาศยาน แต่จีนกำลังไล่กวดในส่วนหลังนี้ รายงานบอกอีกว่า จีนต้องการสำแดงกำลังไปทางตะวันออกสู่แปซิฟิกพ้นไต้หวันออกไป และต้องการกดดันให้สหรัฐฯ ล่าถอยออกไปจากภูมิภาค สภาพแวดล้อมทางภูมิรัฐศาสตร์ในย่านมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก กำลังเปลี่ยนรูปแปรโฉมด้วยการขับเคี่ยวระหว่างจีนกับสหรัฐฯ มหาอำนาจเกิดใหม่จะขุดรากถอนโคนมหาอำนาจเดิมหรือไม่ แค่ไหน อย่างไร คือ ปมปริศนาบนกระดานยุทธศาสตร์โลกนับจากนี้ไป ——————————————————- ที่มา : The Momentum / 6 กันยายน 2563 Link : https://themomentum.co/us-china-military-base/

โดนด้วย! ทวิตเตอร์ยันบัญชีเว็บไซต์ ‘นายกฯ อินเดีย’ ถูกแฮก หลอกผู้ติดตามโอนเงินคริปโต

Loading

ทวิตเตอร์ยืนยันวันนี้ (3 ก.ย.) ว่าบัญชีเว็บไซต์ส่วนตัวนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดียถูกแฮกเกอร์เจาะระบบ และทวีตข้อความหลอกลวงให้ผู้ติดตามโอนเงินคริปโตเคอร์เรนซีเพื่อสนับสนุนกองทุนบรรเทาทุกข์ของรัฐบาล โฆษกหญิงของทวิตเตอร์ระบุว่า แฮกเกอร์ได้ทำการเจาะข้อมูลในบัญชีทางการของเว็บไซต์ส่วนตัวนายกฯ โมดี (https://www.narendramodi.in/) ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 2.5 ล้านคน ในขณะที่ทวิตเตอร์ส่วนตัวของนายกฯ @narendramodi ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 61 ล้านคนไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ “เรากำลังเร่งตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขณะนี้ยังไม่พบว่ามีบัญชีอื่นๆ ได้รับผลกระทบด้วย” โฆษกทวิตเตอร์แถลงผ่านอีเมล สำนักนายกรัฐมนตรีอินเดียยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อคำถามมากมายที่มีผู้โพสต์ลงในบัญชีทวิตเตอร์ @narendramodi_in ข้อความที่คนร้ายโพสต์นั้นระบุให้ผู้ติดตามช่วยกันโอนเงินดิจิทัล เพื่อบริจาคสนับสนุนกองทุนบรรเทาทุกข์แห่งชาติของนายกฯ โมดี เหตุโจมตีทางไซเบอร์ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากคนดังหลายรายในอเมริกา เช่น มหาเศรษฐี อีลอน มัสก์, อดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา และ โจ ไบเดน ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีของเดโมแครต ถูกแฮกบัญชีทวิตเตอร์เมื่อเดือน ก.ค. และมีการโพสต์ข้อความหลอกให้คนโอนเงินบิตคอยน์เช่นกัน โดยตอนนั้นทางการสหรัฐฯ สืบสวนพบว่า แฮกเกอร์ได้หลอกให้ลูกจ้างทวิตเตอร์คนหนึ่งหลงเชื่อว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมงานในฝ่ายไอที จากนั้นก็หลอกขอรหัสผ่านเพื่อเข้าถึงบัญชีของบุคคลผู้มีชื่อเสียง ที่มา: รอยเตอร์ ———————————————————- ที่มา : MGR Online…