เตือนชาติเอเชียพร้อมรับมือ ‘สหรัฐ-อิหร่าน’ ก่อ ‘สงครามไซเบอร์’

Loading

โดย : KANYAPORN PHUAKVISUTHI ผู้เชี่ยวชาญเตือนบริษัทข้ามเสี่ยงได้รับความเสียหายจาก “สงครามไซเบอร์” ระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน แม้การที่ฝ่ายอเมริกันสังหารนายพลระดับสูงของอิหร่าน จะไม่นำไปสู่ความขัดแย้งทางทหารอย่างเต็มรูปแบบก็ตาม นายเกร็ก ออสติน หัวหน้าฝ่ายโครงการความไซเบอร์ อวกาศ และความขัดแย้งในอนาคน สถาบันความมั่นคงศึกษาระหว่างประเทศ ในสิงคโปร์ กล่าวว่า แม้ในตอนนี้ ทั้งสหรัฐ และอิหร่านจะถอยคนละก้าวไม่มีการปฏิบัติการทางทหารเพิ่มเติม แต่บรรดาตลาดซื้อขายเงินดิจิทัล โครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน และซัพพลายเชนของบริษัทอเมริกัน และซาอุดีอาระเบีย ต่างมีความเสี่ยงที่จะตกเป็นเป้าการโจมตีของกลุ่มแฮคเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน และต้องการที่จะจัดการทางอ้อมต่อการคว่ำบาตรของสหรัฐ และสร้างความวุ่นวายให้กับเครือข่ายของรัฐบาล และบริษัท “ชาวอิหร่านแสดงให้เห็นมาตั้งแต่ปี 2555 แล้วว่า พวกเขาสามารถมุ่งไปยังเป้าหมายที่มีมูลค่าสูงอย่างมากได้ ด้วยการโจมตีทางไซเบอร์เพื่อก่อกวน ซึ่งการเผชิญหน้าในโลกไซเบอร์ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐ ที่มากอยู่แล้ว จะยิ่งเพิ่มความรุนแรงขึ้นไปอีก” ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา บรรดาแฮคเกอร์อิหร่านต่างดำเนินการโจมตีเป้าหมายเอกชนในโอกาสต่างๆ จำนวนหนึ่ง โดยในปี 2555 กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “Cutting Sword of Justice” ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบในการโจมตีทางไซเบอร์ “ซาอุดี อาแรมโก” บริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย ที่ทำให้คอมพิวเตอร์ราว 30,000 เครื่องใช้งานไม่ได้ และพนักงานของซาอุดี อาแรมโก…

Travelex ถูกแฮกเกอร์โจมตีระบบคอมพิวเตอร์ เรียกค่าไถ่ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Loading

Travelex บริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของสหราชอาณาจักรถูกแฮกเกอร์โจมตีเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนทำให้บริษัทต้องถอดเว็บออก ตอนนี้พนักงานต้องเขียนใบเสร็จรับเงินด้วยมือแทนที่จะทำด้วยคอมพิวเตอร์ Travelex ตั้งอยู่ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร มีสาขามากกว่า 1,200 แห่งทั่วโลก มีการแลกเงินมากกว่า 5,000 สกุลเงินทุกชั่วโมง เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2019 แฮกเกอร์เรียกเงินค่าไถ่ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อให้บริษัทเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ของตนเองได้ หลังจากที่แฮกเกอร์โจมตีระบบโดยใช้แรมซอมแวร์ Sodinokibi แฮกเกอร์ขู่ว่าจะปล่อยข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าที่มีทั้งเลขประกันสังคม วันเกิดและข้อมูลการจ่ายบัตรเครดิต รวม 5 กิกะไบต์ ถ้าบริษัทไม่ยอมจ่ายค่าไถ่ เว็บไซต์ให้บริการแลกเงินของ Travelex ปิดมาแล้ว 1 สัปดาห์ ลูกค้าจะเจอข้อความว่า “ระบบออนไลน์ปิดบริการ เนื่องจากการปรับปรุงระบบตามแผน ระบบจะกลับมาดำเนินการตามปกติได้ในเร็วๆ นี้” ส่วนบนเว็บไซต์ของสำนักงานเองขึ้นข้อความว่า “เว็บไซต์นี้ไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว ระหว่างที่เรากำลังปรับปรุงบริการเพื่อคุณ” ขณะที่บริษัทยังคงให้บริการแลกเงินที่สาขาอยู่ เรื่องนี้ทำให้ธนาคารต่างๆ ที่ใช้บริการของ Travelex ต้องหยุดใช้งานแลกเปลี่ยนออนไลน์ Travelex เปิดเผยว่าถูกโจมตีเมื่อวันที่ 2 มกราคม ตอนที่มั่นใจว่า ไม่มีข้อมูลของลูกค้ารายใดรั่วไหล บริษัทใช้ผู้เชี่ยวชาญไอทีและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ใ้ห้พยายามแยกไวรัสและนำระบบที่ติดไวรัสออกมา แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงและจัดการกับแฮกเกอร์ได้…

สถานทูตออกประกาศเตือนคนไทยใน ‘อิสราเอล’

Loading

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอลออกประกาศเตือนคนไทยให้หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ออกประกาศ เรื่อง การเพิ่มความระมัดระวังของคนไทยในอิสราเอล ระบุว่า สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอความร่วมมือทุกท่านให้ติดตามข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด หลีกเลียงการเดินทางไปยังสถานที่ที่มีความเสี่ยง รวมทั้งปฏิบัติตามคำแนะนำและมาตรการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นของท่าน โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ จะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมให้ทราบเป็นระยะ ๆ รวมทั้งแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อไป ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้จากเว็บไซต์สถานเอกอัครราชทูตฯ www.thaiembassy.org/telaviv และ Facebook Page “ทุกเรื่องเมืองยิว” www.facebook.com/thaiembassytelaviv/ อย่างไรก็ตาม หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถาม ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 054-636-8650 หรือ 054-550-1141 จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน —————————————– ที่มา : The bangkok insight / 8 มกราคม 2563 Link : https://www.thebangkokinsight.com/269184/

บริษัทในสหรัฐฯ ประกาศปิดทำการและปลดพนักงานกว่า 300 คน เหตุติดมัลแวร์เรียกค่าไถ่ จ่ายเงินไปแล้วแต่ยังกู้ข้อมูลคืนไม่ได้

Loading

บริษัท The Heritage Company ในรัฐอาคันซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศปิดทำการชั่วคราวพร้อมปลดพนักงานกว่า 300 คน สาเหตุจากระบบไอทีของบริษัทติดมัลแวร์เรียกค่าไถ่ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 โดยทางบริษัทได้จ่ายเงินค่าไถ่ไปแล้วแต่กลับไม่ได้รับกุญแจสำหรับใช้ปลดล็อกข้อมูลกลับคืน ทางทีมไอทีพยายามกู้คืนระบบแล้วแต่ไม่สามารถทำได้จึงจำเป็นต้องปิดบางแผนกและปลดพนักงานกว่า 300 คนออกเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย ทาง CEO ของบริษัทชี้แจงว่าในตอนแรกนั้นได้ประเมินว่าการกู้คืนระบบให้กลับมาใช้งานได้น่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ แต่พอผ่านไปสองเดือนแล้วก็ยังไม่สามารถทำให้ระบบกลับมาทำงานได้ตามปกติ เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดมูลค่าความเสียหายรวมแล้วกว่าแสนดอลลาร์ ทั้งนี้ทางสำนักข่าวท้องถิ่นได้ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าพนักงานจำนวนมากได้ลงทะเบียนว่างงานพร้อมหางานใหม่แล้วเพราะเชื่อว่าบริษัทไม่สามารถอยู่รอดได้ เหตุการณ์นี้เป็นกรณีศึกษาที่สำคัญสองอย่าง หนึ่งคือการจ่ายเงินให้กับผู้พัฒนามัลแวร์เรียกค่าไถ่นั้นไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะสามารถกู้คืนข้อมูลได้เสมอไป สองคือการลงทุนด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยเฉพาะการวางแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan หรือ BCP) นั้นเป็นสิ่งจำเป็น เพราะการป้องกันเพียงอย่างเดียวนั้นอาจไม่เพียงพอกับภัยคุกคามที่พัฒนาไปทุกวัน จำเป็นต้องมีแผนรับมือในกรณีที่ระบบเกิดปัญหาเพื่อให้ธุรกิจยังสามารถดำเนินต่อไปได้ การลงทุนเพื่อรับมือการโจมตีทางไซเบอร์นั้นถึงแม้จะมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูงแต่ก็อาจเทียบไม่ได้เลยกับค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาหรือกู้คืนเพื่อให้ระบบกลับมาทำงานต่อได้ ———————————————————— ที่มา : ThaiCERT / 7 มกราคม 2563 Link : https://www.thaicert.or.th/newsbite/

เปิดภาพวงจรปิด “บิ๊กนิสสัน” หนีจากญี่ปุ่น จ้างหน่วยรบพิเศษสหรัฐฯ คุ้มครอง

Loading

ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นเส้นทางการหลบหนีของนายคาร์ลอส กอส์น อดีตประธานนิสสัน มอเตอร์ โดยใช้เวลาวางแผนนานกว่า 3 เดือน มีหน่วยรบพิเศษ “กรีน แบเรต์” ของสหรัฐฯ ช่วยดำเนินการ ฝ่ายสืบสวนของญี่ปุ่นแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดจำนวนมาก เผยเส้นทางการหลบหนีออกจากประเทศญี่ปุ่นของนายคาร์ลอส กอส์น ซึ่งขณะนี้อยู่ที่เลบานอน และเตรียมเปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับคดีของเขาในวันพรุ่งนี้ (8 ม.ค.) ราว 14.30 น.ของวันที่ 29 ธันวาคม นายกอส์นออกจากบ้านพักของตัวเองในกรุงโตเกียว ไปพบกับชาย 2 คนซึ่งน่าจะเป็นชาวสหรัฐฯ ที่ให้ความช่วยเหลือที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ห่างออกไปประมาณ 800 เมตรจากบ้านพักของเขา จากนั้นทั้ง 3 คนได้ขึ้นรถไฟหัวกระสุนชิงกันเซ็น จากสถานีชินางาวะในกรุงโตเกียว และเดินทางถึงสถานีชินโอซากา ก่อนเวลา 19.30 น. หลังเวลา 20.00 น. ทั้ง 3 คนเดินทางถึงโรงแรมหรูแห่งหนึ่งใกล้ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ 2 ชั่วโมงต่อมา ชาวสหรัฐฯ ทั้ง 2 คนได้ออกจากโรงแรม พร้อมด้วยกล่องขนาดใหญ่ 2 กล่อง…

ประเทศในเอเชียเตรียมแผนอพยพประชาชนของตนออกจาก ‘อิรัก-อิหร่าน’

Loading

In this handout photo provided by the Malacanang Presidential Photographers Division, Philippine President Rodrigo Duterte, right, talks with security officials at the Malacanang presidential palace in Manila, Jan. 5, 2020. ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ โรดริโก ดูเตอร์เต้ จัดประชุมฉุกเฉินเพื่อสั่งการให้กองทัพเตรียมส่งเรือรบและเครื่องบินทหารไปยังตะวันออกกลางเพื่ออพยพประชาชนชาวฟิลิปปินส์หลายพันคนออกจากอิรักและอิหร่านทันทีที่ได้รับคำสั่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของรัฐบาลประเทศในแถบเอเชียที่กลัวว่าประชาชนของตนจะได้รับผลกระทบรุนแรงจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ปธน.ดูเตอร์เต้ กล่าวว่าตนค่อนข้างกังวลว่าอิหร่านจะตอบโต้สหรัฐฯ และจะเกิดความรุนแรงและการนองเลือดในตะวันออกกลาง คาดว่าปัจจุบันมีชาวฟิลิปปินส์ทำงานอยู่ในอิรักและอิหร่านมากกว่า 7,000 คน รวมทั้งที่ทำงานให้กับบริษัทของสหรัฐฯ และประเทศตะวันตกที่มีฐานอยู่ในกรุงแบกแดด นอกจากนี้ ยังมีชาวฟิลิปปินส์จำนวนมากที่ทำงานอยู่ในประเทศใกล้เคียง โดยเฉพาะซาอุดิอาระเบีย ที่คาดว่าตัวเลขรวมอาจสูงถึงหลายแสนคน โดยส่วนใหญ่ทำงานเป็นแม่บ้าน คนงานก่อสร้าง ลูกเรือ และอาชีพทักษะฝีมือระดับสูงอื่น ๆ ขณะเดียวกัน ประเทศในเอเชียที่มีประชาชนจำนวนมากไปทำงานอยู่ในตะวันออกกลางก็กำลังเตรียมการอพยพประชาชนของตนออกจากอิรักและอิหร่านเช่นกัน ด้านรัฐบาลเกาหลีใต้กำลังหารือเรื่องการใช้มาตรการปกป้องชาวเกาหลีใต้…