อังกฤษจัดเซฟต์เฮาส์ให้“ควีนเอลิซาเบธ”รับจลาจลจากเบร็กซิท

Loading

ในฐานะองค์ประมุขประเทศ สมเด็จพระราชินีนาถฯ ทรงวางพระองค์เป็นกลางในทางการเมือง และมักไม่แสดงความคิดเห็นส่วนพระองค์ในประเด็นที่กำลังเป็นที่ถกเถียงในสังคม สื่อชั้นนำอังกฤษสองแห่ง เผยแผนฉุกเฉินของรัฐบาล หากเกิดความไม่สงบเรียบร้อยในประเทศจากกรณีเบร็กซิทไร้ข้อตกลงในเดือนหน้า ด้วยการประกาศใช้แผนฉุกเฉินช่วงสงครามเย็นอพยพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่2 ตลอดจนเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ให้แปรพระราชฐานไปประทับยังเซฟเฮาส์นอกกรุงลอนดอน “แผนอพยพฉุกเฉินนี้ถูกกำหนดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงสงครามเย็น แต่ตอนนี้ได้มีการนำกลับมาใช้ใหม่หากเกิดความไม่สงบ หรือเกิดจลาจลในประเทศจากกรณีของเบร็กซิทที่ไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้”ซันเดย์ไทม์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งบริหารจัดการเกี่ยวกับปัญหาละเอียดอ่อน ขณะที่หนังสือพิมพ์เดอะ เมล สื่อสิ่งพิมพ์ชื่อดังอีกฉบับของอังกฤษ รายงานตรงกันว่า รัฐบาลมีแผนที่จะให้บรรดาเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ รวมถึงสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่2 แปรพระราชฐานไปประทับที่อื่นเช่นกัน เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่2แห่งสหราชอาณาจักร มีพระราชดำรัสเรียกร้องให้ประชาชนแสวงหาความเห็นพ้องต้องกันที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และคารพ ความคิดเห็นที่แตกต่าง ซึ่งบรรดาผู้สันทัดกรณีให้ความเห็นว่าพระราชดำรัสครั้งนี้ สื่อถึงประเด็นร้อนของประเทศคือการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (เบร็กซิท) ซึ่ง ส.ส.จะต้องลงมติในข้อตกลงเบร็กซิทของนายกรัฐมนตรีเทรีซา เมย์ ทั้งนี้ ในฐานะองค์ประมุข สมเด็จพระราชินีนาถฯ ทรงวางพระองค์เป็นกลางในทางการเมือง และมักไม่แสดงความคิดเห็นส่วนพระองค์ในประเด็นที่กำลังเป็นที่ถกเถียงในสังคม แต่พระราชดำรัสครั้งล่าสุดในงานฉลองครบรอบ 100 ปีขององค์กรสตรีซานดริงแฮม ในมณฑลนอร์ฟอล์ก สมเด็จพระราชินีนาถฯ ตรัสว่าการยึดถือความอดทนอดกลั้น มิตรภาพ การเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม และการคำนึงถึงความต้องการของผู้อื่น ยังคงเป็นสิ่งสำคัญในปัจจุบันเช่นที่เคยเป็นมาในอดีต —————————————————– ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ / 4 กุมภาพันธ์…

ผลตรวจเชื้อ HIV ของคนสิงคโปร์นับหมื่น หลุดออกมาบนโลกออนไลน์

Loading

กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ออกแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ว่า ข้อมูลที่ลับสุดๆ อย่างผลตรวจเชื้อเอชไอวีถูกเข้าถึงอย่างผิดกฎหมาย และถูกนำไปเผยแพร่บนโลกออนไลน์ด้วยฝีมือของนาย Mikhy K FarreraBrochez ซึ่งเป็นพลเมืองชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในฐานะวีซ่าทำงาน ซึ่งข้อมูลที่รั่วนี้กระทบกับผู้ที่เคยผ่านการตรวจเชื้อรวมหมื่นกว่าคน โดยข้อมูลผลตรวจที่หลุดแบบชัดเจนมีอยู่ถึง 14,200 รายการ อันประกอบด้วยข้อมูลของชาวสิงคโปร์ที่เคยรับการตรวจเชื้อจำนวน 5,400 คนจนถึงช่วงเดือนมกราคม 2556 และชาวต่างชาติที่เคยรับการตรวจเชื้อจนถึงช่วงเดือนธันวาคม 2554 ข้อมูลที่หลุดนั้นประกอบด้วยชื่อนามสกุล, เลขประจำตัวประชาชน, ข้อมูลติดต่ออย่างเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ตามทะเบียบบ้าน ควบคู่ไปกับผลตรวจเชื้อ HIV และข้อมูลทางการแพทย์อื่นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้ที่เข้ารับการตรวจช่วงก่อนเดือนพฤษภาคม 2550 จำนวนรวมกว่า 2,400 คน ทางกระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ได้รับแจ้งจากตำรวจท้องถิ่นว่า ข้อมูลดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของนาย Brochezซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีคดีเกี่ยวกับการหลอกลวงและยาเสพติดอยู่หลายรายการ โดยเฉพาะการปลอมสถานะการติดเชื้อเอชไอวีของเขาเองเพื่อรักษาสถานภาพของวีซ่าทำงาน รวมทั้งปลอมวุฒิการศึกษาเพื่อใช้เข้าสมัครงาน ก่อนหน้านี้เขาโดนคำสั่งขับไล่ออกนอกประเทศสิงคโปร์ไปแล้ว และปัจจุบันยังแอบอาศัยอยู่ตามชายฝั่ง ก่อนจะร่วมมือกับเพื่อนที่เป็นหมอเพื่อเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว ———————————————————- ที่มา : Enterpriseitpro / 30 มกราคม 2562 Link : https://www.enterpriseitpro.net/data-of-14200-diagnosed-with-hiv-in-singapore-leaked-online/

บึมโบสถ์คริสต์ดับ 20 เจ็บ 81 ฟิลิปปินส์ตอนใต้ มีทหารตายด้วย 5 ชี้ฝีมือก่อการร้าย

Loading

ฟิลิปปินส์ระอุ เกิดเหตุระเบิด 2 ครั้ง ถล่มโบสถ์คาทอลิก บนเกาะโจโล ทางตอนใต้ของประเทศ ส่งผลมีคนตายอย่างน้อย 20 ศพ ในจำนวนนี้เป็นทหาร 5 นาย บาดเจ็บอีกเพียบ ด้าน ปธน.ดูเตร์เต ประณามทันทีเป็นฝีมือพวกก่อการร้าย พร้อมลั่นจะลากคอมาดำเนินคดีให้ได้ ขณะที่ รมว.กลาโหมสั่งกองทัพนำกำลังเข้าควบคุมพื้นที่ดูแลความปลอดภัยพร้อมสกัดการลอบโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ หลังเพิ่งมีการลงประชามติรับรองให้เกาะมินดาเนา ปรับสถานะเป็นเขตปกครองตนเองที่เรียกว่า “เขตปกครองบังซาโมโร” ได้เพียงวันเดียว โดยเกิดระเบิด 2 ครั้ง บริเวณโบสถ์คริสต์ “Our Lady of Mount Carmel” ในเขตเทศบาลเมืองโจโล จังหวัดซูลู บนเกาะโจโล เมื่อเวลา 08.45 น. ของวันที่ 27 ม.ค. ตามเวลาท้องถิ่น หรือราว 07.45 น.ตามเวลาไทย ขณะที่ชาวฟิลิปปินส์ที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกาย คาธอลิก กำลังร่วมสวดมนต์ประจำวันอาทิตย์ที่โบสถ์ โดยระเบิดครั้งแรกเกิดขึ้นภายในโบสถ์ และเมื่อเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก็เกิดระเบิดครั้งที่สองตามมา โดยคาดว่าตัวระเบิดถูกซุกอยู่ในกล่องใส่ของบนรถมอเตอร์ไซค์…