เกาหลีใต้ระบุ ‘ชายผู้ข้ามเขตปลอดทหาร’ เคยแปรพักตร์จากเกาหลีเหนือ

Loading

A South Korean soldier walks along a military fence near the demilitarized zone separating the two Koreas in Paju , South Korea , Sep. 28 , 2021   SEOUL – กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เปิดเผยในวันจันทร์ว่า ชายผู้เดินทางข้ามเขตปลอดทหารบริเวณพรมแดนเกาหลีใต้เข้าไปในเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว น่าจะเป็นชายชาวเกาหลีเหนือที่เคยแปรพักตร์เข้ามาอาศัยอยู่ในเกาหลีใต้เมื่อปี ค.ศ. 2020 ผู้บัญชาการเหล่าทัพร่วมของเกาหลีใต้ระบุว่า ได้เริ่มปฏิบัติการค้นหาเมื่อวันเสาร์หลังจากพบว่า มีชายผู้หนึ่งลักลอบเข้าไปในเขตปลอดทหาร หรือ Demilitarized Zone (DMZ) ซึ่งแบ่งแยกทั้งสองประเทศออกจากกัน แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ในวันจันทร์กล่าวว่า “เจ้าหน้าที่เชื่อว่าชายผู้นั้นเป็นชาวเกาหลีเหนือที่เคยแปรพักตร์ และกำลังตรวจสอบว่าใช่หรือไม่” โดยเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ชายผู้นี้มีอายุราว 30 ปี ซึ่งเดินทางเข้ามาในเกาหลีใต้เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีค.ศ. 2020 เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้กำลังตรวจสอบว่า การเคลื่อนไหวบริเวณพรมแดนเกาหลีเหนือเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น…

ศาล รธน.สั่งห้ามคนไม่เกี่ยวข้อง เข้าฟังคำตัดสินคดี ‘บิ๊กตู่’

Loading

ศาลรัฐธรรมนูญสั่งห้ามคนไม่เกี่ยวข้องเข้าฟังคำตัดสินคดี “บิ๊กตู่” เปิดช่องยูทูบให้ติดตามแทน พร้อมประกาศกำหนดพื้นที่รักษาความปลอดภัยเต็มพื้นที่อาคารเอ ศูนย์ราชการฯ เมื่อวันนี้ 1 ธ.ค. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารชี้แจงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยเรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) หรือไม่ ในวันพุธที่ 2 ธ.ค. เวลา 15.00 น. นั้น เพื่อรักษาความเรียบร้อยในบริเวณที่ทำการศาลและเพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ และเพื่อให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ ศาลจึงมีคำสั่งกำหนดบุคคลให้เฉพาะผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง ผู้รับมอบอำนาจ หรือผู้รับมอบฉันทะ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่เท่านั้นอยู่ในห้องพิจารณาคดีเพื่อรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยของศาล และให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญจัดให้มีช่องทางการรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยของศาลเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและสื่อมวลชน รวมทั้งออกประกาศศาลรัฐธรรมนูญเรื่องอาณาบริเวณหรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย 2563…

แตกตื่นทั้งเมือง หนุ่มเยอรมันขับรถพุ่งชนประตูสำนักนายกรัฐมนตรี

Loading

เกิดเหตุรถยนต์คันหนึ่งขับพุ่งชนประตูของสำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้าที่ผู้นำเยอรมนีจะร่วมประชุมพิจารณาการขยายล็อกดาวน์ โดยเบื้องต้นมีรายงานความเสียหายเพียงเล็กน้อย ขณะที่ผู้ก่อเหตุถูกตำรวจนำตัวไปสอบสวน รถยนต์คันที่ก่อเหตุ มีการเขียนตัวหนังสือไว้ข้างรถทั้งสองด้านด้วยลายมือระบุว่า หยุดการเมืองแบบโลกาภิวัตน์ และคุณคือฆาตกรสังหารเด็กและผู้สูงอายุ ซึ่งภายหลังจากที่รถได้พุ่งชนประตูของสำนักนายกรัฐมนตรีในกรุงเบอร์ลิน ทั้งตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เร่งเข้ามาตรวจสอบและควบคุมตัวคนขับรถ ซึ่งเป็นชายวัยกลางคนไปสอบสวน โดยมีการนำตัวของเขาขึ้นรถวีลแชร์และขึ้นรถตำรวจไป ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่นำสุนัขดมกลิ่นมาตรวจสอบรถคันดังกล่าว และได้นำรถของผู้ก่อเหตุไปไว้ที่สถานีตำรวจ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยถึงชื่อผู้ก่อเหตุรวมทั้งแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ ทั้งนี้ จากการสำรวจเบื้องต้นไม่พบว่ามีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ส่วนประตูสำนักงานและตัวรถได้รับความเสียหายมีรอยบุบเพียงเล็กน้อย และไม่มีการยืนยันว่าขณะเกิดเหตุนางแองเกลา แมร์เคิล ผู้นำเยอรมนีอยู่ในสำนักงานหรือไม่ เดิมที นางแมร์เคิล มีกำหนดการที่จะร่วมประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับผู้ว่าการรัฐ 16 รัฐ ที่สำนักนายกรัฐมนตรีในวันนี้ เพื่อหารือถึงการขยายเวลามาตรการล็อกดาวน์ และยกระดับการรับมือกับการระบาดของโควิด-19 แต่มาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นก่อน โดยก่อนหน้านี้มีประชาชนบางส่วนในกรุงเบอร์ลินได้รวมตัวประท้วงมาตรการล็อกดาวน์ในเยอรมนี ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในรอบไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าอัตราการเสียชีวิตในเยอรมนีจะต่ำกว่าประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปก็ตาม ——————————————————- ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ / 25 พฤศจิกายน 2563 Link : https://www.thairath.co.th/news/foreign/1983500

อย่างโหด! จุดไฟเผารัฐสภากัวเตมาลา ประท้วงขับไล่ประธานาธิบดี

Loading

ผู้ชุมนุมกัวเตมาลาหลายร้อยคน จุดไฟเผาอาคารรัฐสภาเมื่อวันเสาร์ (21 พ.ย.) ระหว่างการประท้วงเรียกร้องให้ประธานาธิบดี อเลฮันโดร จิอัมมัตเต ลาออกจากตำแหน่ง หลังความเคลื่อนไหวผ่านงบประมาณฉบับหนึ่ง โหมกระพือความไม่พอใจภายในชาติอเมริกากลางที่ยากจนแห่งนี้ เปลวเพลิงที่โหมไหม้อาคารรัฐสภา สามารถมองเห็นได้ไกลจากท้องถนนของกรุงกัวเตมาลาซิตี และโฆษกของสภากาชาดเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหน้าที่ของพวกเขาได้ให้การรักษาผู้ที่ได้รับพิษจากควันไฟไปหลายคน นอกจากบริเวณดังกล่าวแล้ว ได้มีการประท้วงเรียกร้อง จิอัมมัตเต ลาออกอีกแห่ง โดยจุดนี้พวกผู้ชุมนุมปักหลักกันอย่างสันติ ที่ทำเนียบเก่าของรัฐบาล ในย่านเก่าแก่ของเมืองหลวง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอาคารรัฐสภา พวกผู้ประท้วงไหลบ่าเต็มจัตุรัสใจกลางกรุงกัวเตมาลาซิตี บริเวณด้านหน้าทำเนียบเก่า โบกธงชาติและป้ายข้อความ ที่ระบุว่า “ไม่เอาคอร์รัปชัน” และ “จิอัมมัตเต ออกไป” ผู้คนในกัวเตมาลารู้สึกไม่พอใจต่อคณะรัฐบาลของจิอัมมัตเต และสภาคองเกรสมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อกรณีที่ประเทศแห่งนี้ขาดแคลนทรัพยากรและไม่มีงบประมาณในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สภาคองเกรสของกัวเตมาลา ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลแนวคิดอนุรักษนิยมครองเสียงข้างมาก ได้เห็นชอบงบประมาณเกือบ 13,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 390,000 ล้านบาท) ก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ สำหรับลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจใหญ่ๆ กระตุ้นความขุ่นเคืองในประเทศที่เต็มไปด้วยคนยากจน และครึ่งหนึ่งของเด็กๆอายุต่ำกว่า 5 ขวบ เป็นโรคขาดสารอาหาร สภาคองเกรงยังได้อนุมัติงบประมาณ 3,800 ล้านดอลลาร์ (ราว 110,000 ล้านบาท)…

สหรัฐฯ – อิรัก ตึงเครียด! หลังเหตุจรวดโจมตีสถานทูตอเมริกันในกรุงแบกแดด

Loading

Security forces inspect the scene of a rocket attack at the gate of al-Zawra public park in Baghdad, Iraq, Nov. 18, 2020. Rockets struck Iraq’s capital on Tuesday with four landing inside its heavily fortified Green Zone. เกิดเหตุจรวดโจมตีบริเวณเขตอาคารสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงแบกแดด ในช่วงข้ามคืนวันอังคารที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดทางการทูตเพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ กับอิรัก หลังจากที่สหรัฐฯ เพิ่งจะประกาศถอนทหารอเมริกันอีก 500 นายออกจากอิรัก สื่อของอิรักรายงานว่า จรวดจำนวน 7 ลูกที่ยิงมาจากกลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนรัฐบาลอิหร่าน ตกลงในเขตปลอดภัยสูงสุด หรือ กรีนโซน ในกรุงแบกแดด โดยเชื่อว่ามีเป้าหมายโจมตีอาคารสถานทูตสหรัฐฯ…

พบประตูลับในสภาแดนผู้ดี เปิดไปเจอทางเดินอายุกว่า 300 ปี ตะลึงหลอดไฟยังเปิดติด

Loading

ภาพทางเข้าที่ถูกค้นพบในสภาสามัญของสหราชอาณาจักร (ภาพจาก AFP) นักประวัติศาสตร์ค้นพบประตูลับที่นำไปสู่ทางเดินในอาคารสภาสามัญ เชื่อว่าเคยมีนายกรัฐมนตรีและกลุ่มทางการเมืองเป็นผู้ใช้งาน โดยทีมค้นพบขณะกำลังบูรณะตัวอาคาร คาดว่าเป็นทางเดินที่มีอายุราว 360 ปีเลยทีเดียว รายงานจากสำนักข่าวบีบีซีอ้างอิงข้อมูลในการแถลงจากเว็บไซต์สภาแห่งสหราชอาณาจักรเปิดเผยเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ทางเดินนี้ถูกสร้างขึ้นสำหรับใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าชาร์ลสที่ 2 ในค.ศ. 1660 เพื่อให้แขกเดินทางเข้างานเลี้ยงในเวสต์มินสเตอร์ ฮอลล์ ซึ่งตั้งอยู่ข้างโถงสภาสามัญที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เดิมทีแล้วทางเดินนี้ถูกใช้โดยสมาชิกสภาและนักการเมืองในฐานะทางเข้าหลักมาสู่สภาแต่ภายหลังถูกปิดและถูกผนังหนาปิดทับอีกชั้น ผู้ใช้งานซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเวลานั้น อาทิ Samuel Pepys สมาชิกสภาที่โด่งดังจากบันทึกที่เขาเก็บไว้ ทางเดินนี้เคยถูกค้นพบเมื่อปี 1950 ขณะบูรณะอาคารซึ่งได้รับความเสียหายจากระเบิด หลังจากนั้นทางเดินก็ถูกปิดอีกครั้งจนมาถึงปัจจุบัน มาร์ก คอลลินส์ นักประวัติศาสตร์ที่ศึกษาด้านทรัพย์สินของรัฐสภากล่าวว่า พวกเขาเคยคิดว่าทางเดินถูกผนังปิดทับไปแล้วหลังจากยุคสงคราม ขณะที่ลิซ ฮาลลัม สมิธ ที่ปรึกษาด้านสถาปัตยกรรมและมรดกรัฐสภา ชี้ว่า การค้นพบล่าสุดทำให้เห็นว่า รัฐสภายังมีปริศนารอคอยการค้นพบอีกมาก ภายในทางเดินยังพบกราฟฟิตีเป็นอักษรที่น่าจะเขียนขึ้นด้วยดินสอโดยบุคคลที่เป็นผู้ปิดทางเดินทั้งสองฝั่ง อักษรช่วงหนึ่งจารึกไว้ว่า “ห้องนี้ถูกปิดโดยทอม พอร์เตอร์ ผู้ซึ่งนิยมชมชอบในเอล(เครื่องดื่ม)เก่าๆ เป็นอย่างมาก”  ทีมยังพบสิ่งน่าประหลาดใจอีกอย่างคือ หลอดไฟที่น่าจะติดตั้งไว้ตั้งแต่ยุค 50s ยังใช้งานได้อยู่ หลอดไฟขนาดใหญ่มีจารึกสีทองข้อความว่า “ทรัพย์สินของรัฐบาล” (HM Government Property) ดร. คอลลินส์ ยังเผยว่า ทีมศึกษาสนใจค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาที่ไปของหลอดไฟอันแสนทนทานนี้ด้วย…