สังคมโลก : ตรวจด้วย 2 นิ้ว

Loading

  กองทัพบกอินโดนีเซียเพิ่งประกาศยกเลิก กฎระเบียบกำหนดให้เด็กสาวทุกคนที่สมัครสอบเข้าเรียน ในโรงเรียนหรือวิทยาลัยการทหารของกองทัพ ต้องเข้ารับการตรวจยืนยันความบริสุทธิ์ของเพศพรหมจรรย์ ซึ่งเป็นประเด็นอื้อฉาวและโต้เถียงกันมานาน ท่ามกลางความชื่นชมยินดีของหลายกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้าน กลุ่มสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศแห่งนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา “ฮิวแมน ไรท์ วอทช์” ที่ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้ มาตั้งแต่ปี 2557จนกระทั่งออกแถลงการณ์เรียกร้อง ให้รัฐบาลอินโดนีเซียสั่งยุติกฎระเบียบนี้ในปี 2560 กล่าวว่า การตรวจด้วย 2 นิ้ว (Two-fingertests) ซึ่งแพทย์ทหารจะสวมถุงมือยางและสอด 2 นิ้วเข้าไปในช่องคลอดของเด็กสาวผู้สมัคร เพื่อตรวจดูว่าเยื่อพรหมจารียังมีอยู่หรือไม่ ถือเป็นการกระทำทารุณ ด้อยค่าความเป็นมนุษย์ และละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง ก่อนหน้านี้กองทัพบกอินโดนีเซีย แถลงว่าการตรวจแบบนี้มีความสำคัญในการพิจารณา “ศีลธรรม” ความประพฤติดีงามของเด็กสาวผู้สมัคร เพื่อพิสูจน์ว่าเธอเคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนหรือไม่ ที่น่าแปลก คือกฎระเบียบนี้ครอบคลุมถึงผู้ชายซึ่งสมัครเข้าเรียนหรือคัดเลือกเข้าเป็นทหารที่มีคู่หมั้น โดยกฎกำหนดให้ตรวจหญิงคู่หมั้นแม้เธอจะไม่ได้สมัครเป็นทหารด้วย แอนเดอร์สัน ฮาร์โซโน่ นักวิจัยของฮิวแมนไรท์ วอทช์ อินโดนีเซีย กล่าวว่า การตัดสินใจของกองทัพบกเป็น “สิ่งถูกต้องที่สมควรทำ”เนื่องจากผิดยุคสมัยไม่มีเหตุผลรองรับทางวิทยาศาสตร์ และยังเป็นการเลือกปฏิบัติ และลบหลู่ศักดิ์ศรีมความเป็นมนุษย์อย่างร้ายแรง ส่วนแอนดี เยนตรียานี ประธานคณะกรรมาธิการต่อต้านความรุนแรงต่อสตรีแห่งชาติอินโดนีเซีย กล่าวว่า การตรวจเยื่อพรหมจารีก่อนเป็นทหาร ไม่มีความจำเป็นแม้แต่นิด ปี 2561…

แผน 5 ปี คุมเข้มธุรกิจของจีนครอบคลุมอะไรบ้าง

Loading

จีนฉลองครบรอบ 100 ปี พรรคคอมมิวนิสต์ในปี 2021   รัฐบาลจีนเปิดเผยแผนการ 5 ปี เพื่อควบคุมระบบเศรษฐกิจที่เข้มงวดมากขึ้น รัฐบาลจีนระบุว่า จะนำกฎเกณฑ์ใหม่มาใช้ในหลายภาคส่วน รวมถึงความมั่นคงแห่งชาติ เทคโนโลยี และกิจการผูกขาดในประเทศจีนที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก แผนการนี้ถูกนำมาบังคับใช้เร็วขึ้น หลังจากที่รัฐบาลปักกิจเริ่มพุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมการศึกษาและเทคโนโลยี สภาแห่งรัฐและคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนเผยแพร่แผนการ 10 ข้อ ร่วมกันเมื่อคืนวันที่ 11 ส.ค. โดยมีการอ้างอิงถึงประธานเหมา ซึ่งสอดคล้องกับจีนกำลังเฉลิมฉลองการครบรอบ 100 ปีของพรรคคอมมิวนิสต์ แผนการนี้ ซึ่งจะสิ้นสุดในช่วงปลายปี 2025 ระบุว่า จะเพิ่มความเข้มงวดของกฎหมายต่าง ๆ ใน “ภาคส่วนที่มีความสำคัญ” อย่างวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมเทคโนโลยี วัฒนธรรมและการศึกษา แผนการยังระบุด้วยว่า รัฐบาลจีนตั้งเป้าที่จะรับมือกับกิจการผูกขาดและ “กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับต่างชาติ” นอกจากนี้ก็จะมีการทบทวนกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจดิจิทัลของจีนรวมถึง “การเงินทางอินเทอร์เน็ต ปัญญาประดิษฐ์ ข้อมูลขนาดใหญ่ การประมวลผลบนระบบคลาวด์และอื่น ๆ” การประกาศนี้ทำให้เกิดความกังวลขึ้นอีกครั้งว่า การปราบปรามบริษัทด้านการศึกษาของเอกชนและบริษัทเทคโนโลยี จะดำเนินต่อไป และขยายตัวเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีข้างหน้านี้ หุ้นของบริษัทหลายแห่งของจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ฮ่องกง และจีนแผ่นดินใหญ่ตกลงอย่างมากในปีนี้…

เปิดโลกสร้างสรรค์กระทรวงดิจิทัลในต่างประเทศ ความต่างที่ไทยยังไปไม่ถึง

Loading

  รัฐบาลของทุกประเทศทั่วโลกล้วนมีกระทรวงดิจิทัล เพื่อส่งเสริมการค้า การจ้างงาน การวางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เพื่อปูทางในการก่อกำเนิดอาชีพใหม่ๆ ซึ่งเป็นการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้รุดไปข้างหน้า และที่สำคัญเพื่อลดช่องว่างทางสังคม และเชื่อมโยงผู้คนให้เข้าถึงโอกาสได้อย่างเต็มที่ งานด้านดิจิทัล เป็นงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์สูง การจำกัดกรอบ หรือเพดานของความคิดสร้างสรรค์ จึงเป็นอุปสรรคสำคัญทำให้การพัฒนาด้านต่างๆ เกิดได้ช้า หรือไม่เกิดขึ้นเลยในบางประเทศ ประเทศที่ในอดีตเคยเป็นคอมมิวนิสต์อย่างประเทศโปแลนด์ แต่ปัจจุบันโปแลนด์ กลายเป็นประเทศที่สามารถส่งออกผลงานจากอุตสาหกรรมดิจิทัลได้อย่างแข็งแกร่ง กลายเป็นที่เชิดหน้าชูตาบนเวทีโลก ยกตัวอย่าง CD Projekt บริษัทเกมของโปแลนด์ที่หยิบผลงานวรรณกรรมของอันด์แชย์ ซาคอฟสกี (Andrzej Sapkowski) อย่าง The Witcher มาพัฒนาเป็นเกม ก่อนที่จะกลายเป็นหนึ่งในซีรีส์เกมที่ “คอเกม” ทั่วโลกไม่ควรพลาด และด้วยความโด่งดังของ The Witcher ก็ได้ถูกต่อยอดไปเป็นทีวีซีรีส์ในชื่อเดียวกันบนเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ที่โปแลนด์ไม่ได้มีแค่ CD Projekt แต่พวกเขายังมี VIVID GAMES ซึ่งเป็นหนึ่งในสตูดิโอผู้พัฒนาเกมบนมือถือที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก แต่ละเกมบนพอร์ตโฟลิโอของพวกเขามียอดดาวน์โหลดรวมกันมากกว่า 150 ล้านครั้ง สร้างรายรับให้กับบริษัท และยังโกยรายได้เข้าสู่ประเทศได้อีกเป็นกอบเป็นกำ คำถามจึงอยู่ที่ว่าแล้วทำไมอดีตประเทศคอมมิวนิสต์ ถึงได้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ถึงขนาดนี้   ภาพจากเกม…

สื่อสารอย่างสร้างสรรค์ ช่วยกันลดความขัดแย้ง

Loading

ปีที่ผ่านมานี้การแสดงความเห็นที่รุนแรงในสื่อสาธารณะมีมากขึ้นทำให้ความขัดแย้งในสังคมไทยขยายออกไปเป็นวงกว้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงใยมาก ผู้เขียน สายธาร หงสกุล กลุ่มนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล ประเทศไทยเคยผ่านวิกฤติมาหลายครั้ง การสร้างความปรองดองในชาติ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่าย ต้องใช้เวลา การสร้างความเข้าใจในกลุ่มต่างๆที่มีความคิดเห็นต่างหรือผลประโยชน์หลากหลาย ต้องยึดความยุติธรรมรวมทั้งอาศัยความอะลุ่มอล่วยไม่ให้ฝ่ายใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบเกินไป การสื่อสารเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการนั้นเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจ การสื่อสารที่ผิดพลาดอาจสร้างความบาดหมางทำให้ความขัดแย้งขยายวงกว้างขึ้นไปอีก บทความนี้ขอนำข้อเสนอแนะที่จะส่งเสริมให้การสื่อสารดำเนินไปทางสร้างสรรค์ลดความขัดแย้งอันอาจนำไปสู่ความแตกแยกมากล่าวไว้ แม้ต้นตอของความขัดแย้งจะไม่หมดไปโดยสิ้นเชิง การสื่อสารที่ดีจะทำให้มีความเข้าใจผู้อื่นดียิ่งขึ้น การรู้จักมองต่างมุมจะนำไปสู่การรู้จักเคารพสิทธิ์ผู้อื่น ความเห็นใจและเมตตาต่อกันและกัน และเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ความจริงใจ การให้เกียรติ และความมีมารยาทในการสื่อสาร  จุดเริ่มต้นสำคัญของการสื่อสารคือการทำให้คู่สนทนารู้สึกถึงความจริงใจและการให้เกียรติซึ่งกันและกัน สร้างบรรยากาศของการสนทนาที่เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนความคิด เริ่มจากหาจุดร่วมแล้วค่อยๆขยายไป แม้ถึงจุดที่ไม่สามารถตกลงกันได้ ก็ยอมรับได้ว่าตกลงที่จะไม่เห็นด้วย การค่อยๆขยายพื้นที่ร่วมย่อมดีกว่าการขยายความขัดแย้ง เรียนรู้ที่จะรับฟังความเห็นต่างอย่างอารยะ เปิดใจให้กว้าง อย่าด่วนตัดสินผู้อื่น ตระหนักว่าการที่ผู้อื่นมีความเห็นไม่เหมือนเรานั้น  ไม่ได้แปลว่าผู้นั้นเป็นคนไม่ดีหรือไม่ฉลาด ประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกันนั้น จะทำให้เราเข้าใจว่า ทำไมเขาจึงมีความคิดหรือข้อสรุปที่ไม่เหมือนเรา การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมองช่วยให้เรามองปัญหาหลายแง่มุม อาจนำไปสู่วิธีแก้ปัญหาแบบร่วมมือกันได้ การใช้โซเชียลมีเดียและเทคโนโลยีอย่างมีสติและใช้ปัญญา การมีเทคโนโลยีใหม่หลายชนิดในการสื่อสารนั้นเป็นดาบสองคม ข้อดีของเทคโนโลยีช่วยให้การรับข้อมูลและการสื่อข่าวสารถึงคนจำนวนมากได้เร็วขึ้น กว้างขึ้น และสะดวก แต่ข้อเสียก็มีหลายประการ นอกเหนือจากประเด็นข่าวปลอมเฟคนิวส์แล้ว การใช้อัลกอริทึมของโซเชียลมีเดียที่เลือกสรรข่าวสารข้อมูลให้ผู้ใช้ มักทำให้เราได้รับข่าวสารจากฝ่ายที่มีความคิดเหมือนเรา เป็นการตอกย้ำความคิดแนวเดียวกัน อาจทำให้เรามีอคติหนักขึ้น ไม่สามารถประเมินความเป็นจริงได้อย่างถูกต้อง สร้างความเข้าใจที่ผิด และเกิดอาการเอียงหนักขึ้น ทางออกหนึ่งคือพยายามเข้าถึงสื่อที่หลากหลาย แม้จะมาจากฝั่งที่เราไม่เห็นด้วย การรับข้อมูลข่าวสารที่หลากหลายนี้จะทำให้เราเกิดความเข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริง ได้ภาพรวมที่สมดุล และอาจช่วยลดอคติลง การแสดงความเห็นในโซเชียลมีเดียที่มีการตั้งค่าเป็นสาธารณะควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ทั้งผู้ตั้งกระทู้และผู้ออกความเห็น…

Google จะให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีลบรูปหรือคลิปตัวเองออกจาก Google และ YouTube ได้

Loading

” Google ออกนโยบายใหม่ พร้อมฟีเจอร์ปกป้องเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี “   ปัญหาการล่วงละเมิดในเด็กเป็นปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกพยายามจะแก้ไขให้ดีขึ้นอยู่เสมอ ๆ โดยเฉพาะบนโลกโซเชียลหรือโลกเน็ตเวิร์ค ปัญหาล่วงละเมิดดังกล่าวเกิดขึ้นจนยากจะแก้ไข ไม่ว่าจะเรื่องของภาพ คลิป ข้อมูลที่อยู่ คำด่าทอ ความเกลียดชัง ถือเป็นหนึ่งในการล่วงละเมิดที่พบได้ในทุกวันทุกเวลาในปัจจุบัน ซึ่งนั่นทำให้ทาง “Google” เลือกที่จะเปลี่ยนนโยบายของตนเองใหม่ เพื่อที่จะปกป้องเด็ก ๆ ทั่วโลกจากการล่วงละเมิดผ่านแพลตฟอร์มของตนเองให้ได้มากที่สุด   Google ออกนโยบายใหม่ พร้อมฟีเจอร์ปกป้องเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี   นโยบายใหม่ของ Google นี้จะมีผลทั้งบนแพลตฟอร์ม Google และ YouTube โดยเนื้อหาใจความสำคัญ คือการจะเพิ่มช่องทางที่จะให้ “เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี สามารถส่งเรื่องขอลบรูปหรือคลิปที่ปรากฎตัวเองออกจากผลการค้นหาต่าง ๆ ได้ พร้อมกับบล็อกการกำหนดเป้าหมายโฆษณาตามอายุ เพศ หรือความสนใจของผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี” นั่นหมายความว่าอนาคตแบรนด์การทำการตลาดต่าง ๆ จะเจาะกลุ่มเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ผ่านทาง Google และ YouTube ได้ยากขึ้นมาก ๆ นโยบายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว  …

‘น้ำเสียดื่มได้’ วงจรสิงคโปร์รักษ์โลก

Loading

  ภายใต้ภาวะขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ ประเทศเล็กๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างสิงคโปร์กลับพัฒนาก้าวหน้ากว่าเพื่อนร่วมภูมิภาค แม้แต่เรื่องของการใช้น้ำก็ไปไกลกว่าที่อื่น แทบไม่น่าเชื่อว่า ปั๊มน้ำยักษ์ฝังอยู่ใต้ดินลึก ณ โรงงานแห่งหนึ่งในสิงคโปร์จะช่วยเปลี่ยนน้ำเสียเป็นสะอาดถึงขนาดมนุษย์ดื่มได้ พร้อมๆ กับช่วยลดมลพิษในทะเล เป็นที่ทราบกันดีว่า ประเทศเกาะเล็กๆ แห่งนี้มีทรัพยากรน้ำจากธรรมชาติเพียงน้อยนิด จำต้องพึ่งพาน้ำจากเพื่อนบ้านมาเลเซียมาอย่างยาวนาน แต่เพื่อเพิ่มการพึ่งพาตนเอง รัฐบาลสิงคโปร์พัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียทันสมัยที่ต้องใช้เครือข่ายอุโมงค์และโรงบำบัดไฮเทค ขณะนี้น้ำเสียผ่านการบำบัดแล้วสามารถตอบสนองความต้องการน้ำของสิงคโปร์ได้ถึง 40% คาดว่าตัวเลขจะเพิ่มเป็น 55% ภายในปี 2603 แม้น้ำเหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้ไปเพื่อวัตถุประสงค์ด้านอุตสาหกรรม แต่บางส่วนก็ป้อนให้กับอ่างเก็บน้ำเพื่อจัดทำน้ำดื่มในประเทศที่มีประชากร 5.7 ล้านคน และระบบนี้ยังช่วยลดการปล่อยมลพิษลงทะเลเนื่องจากน้ำผ่านการบำบัดแล้วที่ถูกปล่อยทิ้งลงทะเลมีปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ช่างตรงข้ามกับประเทศส่วนใหญ่ สหประชาชาติประเมินว่า 80% ของน้ำเสียทั่วโลกไหลลงสู่ระบบนิเวศโดยปราศจากการบำบัดหรือนำไปใช้ซ้ำ “สิงคโปร์ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ พื้นที่ก็มีจำกัด นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงมักหาทางสำรวจทรัพยากรน้ำและขยายแห่งน้ำสำรองอยู่เสมอ” โลว์ เป้ย จิน หัวหน้าวิศวกรแผนกปรับปรุงน้ำ คณะกรรมาการสาธารณูปโภคกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี ระบุ ยุทธศาสตร์หนึ่งคือ “เก็บน้ำทุกหยด แล้วนำมาใช้ใหม่ไม่จบไม่สิ้น” การนำน้ำบำบัดแล้วมาใช้ซ้ำเป็นการเพิ่มเติมจากยุทธศาสตร์หลักในการจัดหาน้ำของประเทศ นั่นคือการนำเข้าน้ำ ใช้อ่างเก็บน้ำ และนำน้ำทะเลมาทำน้ำจืด หัวใจของระบบรีไซเคิลน้ำอยู่ที่โรงหมุนเวียนน้ำชางงีที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง ตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันออกของประเทศ หลายส่วนของโรงงานตั้งอยู่ใต้ดินเพราะสิงคโปร์หาที่ดินยาก บางแห่งลึกเท่าตึก 25 ชั้น รับน้ำเสียจากอุโมงค์ขนาดใหญ่มหึมายาว 48 กิโลเมตรที่เชื่อมต่อกับท่อระบายน้ำ ในอาคารหลังหนึ่งมีการติดตั้งระบบระบายอากาศเพื่อให้อากาศสดชื่น…