ผู้เชี่ยวชาญยัน “มัลแวร์” ฝังในรูปภาพไม่ได้ แต่ไฟล์-ลิงก์ไม่รู้ที่มาอย่ากดเด็ดขาด

Loading

    เลขาธิการ กมช. แจง กรณีส่งต่อข้อความเตือนแฮกเกอร์ ฝังมัลแวร์ในรูปภาพ ยืนยันปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้ แต่ ไฟล์ และลิงก์วิดีโอมีความเสี่ยง หากไม่แน่ใจอย่าคลิกลิงก์ใด ๆ ที่ถุกส่งต่อมา เพื่อลดความเสี่ยงถูกมิจฉาชีพหลอก   จากกรณีที่มีการส่งข้อความแชร์กันในโลกโซเซียลมีเดีย ระบุว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ห้ามโพสต์รูปภาพ ภาพและวิดีโอ เช่น อรุณสวัสดิ์และราตรีสวัสดิ์  ที่ผู้สูงอายุคนไทย นิยมส่งทางโซเซียลมีเดีย ซึ่งแฮกเกอร์ได้ซ่อนรหัสฟิชชิ่ง เมื่อทุกคนส่งข้อความ หรือเป็นผู้รับข้อความ แฮกเกอร์จะใช้อุปกรณ์ของเราเพื่อขโมยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลบัตรธนาคาร และเจาะเข้าไปในโทรศัพท์ของคุณ  มีรายงานว่ามีผู้เสียหายมากกว่า 500,000 รายในต่างประเทศที่ถูกหลอก หากต้องการทักทายใครสักคน ให้เขียนคำทักทายของคุณเองและส่งรูปภาพ และวิดีโอของตัวเอง เพื่อป้องกันตัวเอง ครอบครัว และเพื่อน ๆ นั้น   เกี่ยวกับเรื่องนี้ พลอากาศตรี อมร ชมเชย  เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ( เลขาธิการ กมช.) ให้สัมภาษณ์กับ “เดลินิวส์” ว่า  ข้อมูลดังกล่าวที่ถูกส่งต่อกันเป็นเฟคนิวส์…

เปิดแผนปฏิบัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัย “ไซเบอร์” ปี 2565-2570

Loading

ปัจจุบันเรื่องภัยคุกคามทางไซเบอร์ ได้เป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เนื่องจาก “อาชญากรไซเบอร์” ได้มุ่งโจมตีผู้ใช้งานทั้งในส่วนของคนทั่วไป และองค์กรธุรกิจต่างๆ

การมีแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงและลดผลกระทบต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งประเทศไทย ก็ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายของ “อาชญากรไซเบอร์” จึงต้องมีแผนเตรียมการรับมือ

“บิ๊กป้อม” สั่งเร่งร่วมมือป้องกันภัยไซเบอร์หลัง 6 เดือน โดนแฮกเว็บไซต์-ข้อมูลรั่วไหล รวม 78 เหตุการณ์

Loading

  “พล.อ.ประวิตร” ย้ำที่ประชุม กมช. เร่งขับเคลื่อนสร้างความตระหนัก ตื่นตัว ผนึกความร่วมมือกับองค์กรทั้งในและต่างประเทศ ลดความเสี่ยงและรับมือการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีมากขึ้น   วันนี้ (7 เม.ย.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) ว่าได้ย้ำกับที่ประชุมฯ ถึงการเตรียมความพร้อม และการปฏิบัติป้องกัน และรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากปัจจุบัน ที่หน่วยงานภาครัฐ เอกชนและภาคประชาชน ต้องตระหนักรู้ ตื่นตัว เตรียมความพร้อมรองรับรัฐบาลและสังคมดิจิทัล รวมถึงการผลักดันความร่วมมือกับ สถาบันการศึกษาด้านหลักสูตรทางไซเบอร์ และการจัดทำบันทึกความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ จะช่วยยกระดับขีดความสามารถและความเข้มแข็งทางด้านไซเบอร์ของประเทศ   “ได้ขอให้สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ หรือ สกมช. เร่งกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ภัยทางไซเบอร์ กับหน่วยงานรัฐ และหน่วยงานในกำกับ และขับเคลื่อนการดำเนินงาน ให้เป็นไปตามนโยบาย แผนงานและกฎหมายที่กำหนด เพื่อลดความเสี่ยงผลกระทบด้านความมั่นคงและความเสียหายทางเศรษฐกิจ จากการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีมากขึ้น”       นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ที่ประชุมยังรับทราบการปฏิบัติในภารกิจป้องกัน รับมือและลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ รอบ…

ไขข้อสงสัย “สำนักงานความปลอดภัยไซเบอร์ไทย” ทำงานอะไร

Loading

  ตั้งแต่มีการประกาศบังคับใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ พ.ศ.2562 จนมีการตั้งสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ขึ้นมาดำเนินการตามกฎหมายนั้น มิติของการทำงานออกสู่สาธารณชนยังมีเพียงแค่การให้ความรู้และพัฒนาบุคลากรด้านไซเบอร์เท่านั้น ขณะที่ภัยไซเบอร์โดยเฉพาะการแฮกข้อมูลมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น สกมช.จะมีบทบาทหน้าที่ในการทำงานด้านนี้อย่างไรบ้าง   น.อ.อมร ชมเชย รองเลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) กล่าวว่า เมื่อ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ถูกบังคับใช้อย่างเป็นทางการในเดือน มิ.ย.2565 จะยิ่งทำให้องค์กรต่างๆ เป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ขโมยข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่ โดยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคล เพราะตามกฎหมายหน่วยงานต้องมีหน้าที่รักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและมีความผิดเมื่อข้อมูลรั่วไหล ทำให้แฮกเกอร์ใช้แรนซัมแวร์ในการแฮกระบบ ฝังมัลแวร์เพื่อพยายามเจาะข้อมูลกันมากขึ้น   ดังนั้น หน่วยงานอย่าง สกมช.ซึ่งก่อตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ พ.ศ.2562 ต้องทำงานเฝ้าระวัง สร้างมาตรฐานความปลอดภัยไซเบอร์ ให้ความรู้หน่วยงาน CII ตลอดจนการทำงานในการสืบหาสาเหตุและติดตามแฮกเกอร์มากขึ้น เพราะการมีกฎหมายไม่ได้หมายความว่าจำนวนแฮกเกอร์จะลดน้อยลง แต่การมีกฎหมายจะช่วยป้องกันและเอาผิดกับผู้กระทำผิดได้   ทั้งนี้ สกมช.ได้กำหนดให้ CII (Critical Information Infrastructure ) หรือหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ ประกอบด้วย 7 ด้าน ได้แก่ ด้านความมั่นคงภาครัฐ ด้านบริการภาครัฐที่สำคัญ…